Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1194

ตอนที่ 1194

บทที่ 1194 การลงโทษอันเข้มงวด

“ยินดีกับคุณด้วย!” เสียงของจ้านเซินดังกว่าปกติมาก “หลังจากนี้ คุณก็คือพนักงานขององค์กรอย่างเป็นทางการคนหนึ่งแล้ว”

สุดท้ายแล้วความปีติยินดีของเขาก็ส่งผลต่อฉินซี ทำให้ในใจของเธอปลาบปลื้มใจขึ้นมาเล็กน้อย

เธอเม้มริมฝีปาก ยิ้มอย่างหยิ่งผยอง “ขอบคุณคุณมาก”

สุดท้ายแล้วจ้านเซินก็ยังมีความพะว้าพะวังอยู่ จึงไม่ได้เข้ามาในห้องของเธอ ทั้งสองคนสนทนากันอยู่หน้าประตูไม่กี่ประโยค เขาก็มีธุระต้องจากไป

ก่อนที่จะจากไปนั้น จู่ๆเขาก็หลุบตาลงมองฉินซี เอ่ยเสียงเบาว่า “ผม……สามารถกอดคุณได้หรือไม่”

ส่วนสูงของทั้งสองคนนั้นห่างกันไม่น้อย ยืนก็ใกล้กันมาก ดังนั้นฉินซีจึงต้องเงยหน้ามองจ้านเซิน

สายตาของเธอไหววูบชั่วครู่ ก็เห็นใบหูแดงระเรื่อของจ้านเซินพอดี

ที่แท้จ้านเซินก็อายเป็นเช่นกัน

กวางน้อยที่อยู่ในใจของฉินซีกระโดดโลดเต้นอยู่ครู่หนึ่ง

เธอไม่กล้าเหลือบตาขึ้นมองจ้านเซินอีก เพียงแค่หลุบตาลง พยักหน้าเล็กน้อย

จ้านเซินก็ไม่ได้รอช้า ย่อตัวลงมา ยกมือโอบกอดฉินซีเอาไว้เบาๆ

“ยินดีกับคุณด้วย”

ที่จริงแล้ว เขาเพิ่งจะผ่านวัยแตกหนุ่มมา เสียงจึงแหบอยู่บ้าง ตอนที่เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่ข้างใบหูนั้น ฉินซีก็รู้สึกได้ว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายล้วนแดงขึ้นมา

ทั้งสองคนยืนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา อยู่นานไม่ได้ ดังนั้นจ้านเซินจึงกอดเธออยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว

เขามองดูแล้วรู้สึกอายเล็กน้อย เอ่ยลาก่อนประโยคหนึ่งเสียงเบา และจากไปอย่างรีบร้อน

ส่วนฉินซีก็รู้สึกว่าแก้มตัวเองแดงเห่อแล้ว

เธอยืนเหม่ออยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ถึงได้ก้าวเท้าเดินกลับไปยังห้องเหมือนกับหุ่นยนต์

ในหลายปีมานี้ นี่เป็นจ้านเซินที่เหมือนกับคนคนหนึ่ง และไม่ใช่หุ่นยนต์มากที่สุด ที่ฉินซีเคยพบ

ตอนนั้นเขาไม่ได้ถูกบ่มเพาะให้กลายเป็นคนที่เลือดเย็นไร้ความรู้สึกอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงยังเหมือนกับเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นคนหนึ่ง หน้าแดงเป็น อายเป็น

แต่การงมงายในความรักของหนุ่มสาว ก็เหมือนกับต้นกล้าที่อ่อนแอต้นหนึ่ง

ไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏขึ้น ภายในองค์กรที่โหดร้ายไร้ความรู้สึก

ฉินซีก็ทราบในภายหลังเช่นกันว่า ตอนที่เธอกับจ้านเซินกอดกันนั้น ถูกกล้องวงจรปิดบริเวณริมระเบียงทางเดินบันทึกเอาไว้หมดแล้ว

เธอเพิ่งจะเข้ามาในองค์กร ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมเต็มรูปแบบ ดังนั้นจึงไม่มีใครสอบสวนให้เธอแสดงความรับผิดชอบ

แต่จ้านเซินกลับถูกลงโทษอย่างเข้มงวดเพราะอ้อมกอดนี้

แม้ว่าทุกคนล้วนทราบว่าเขาถูกบ่มเพาะให้เป็นผู้สืบทอด แต่บิดาของจ้านเซินกลับยืนกรานในความคิดที่ว่า ยิ่งมีความรับผิดชอบยิ่งใหญ่มากเท่าไร ก็ต้องเข้มงวดมากเท่านั้น จึงไม่ได้เมตตาต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

เขาถูกโยนเข้าไปในเขตภูเขาที่ห่างไกล ได้รับภารกิจที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายหนึ่ง และยังได้รับบาดเจ็บหนักมาด้วย

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไม หลังจากที่ฉินซีเข้ามาในองค์กรแล้ว ถึงไม่ได้พบกับจ้านเซินเลยสักครั้งหนึ่งสองปีเต็ม

แรกเริ่มนั้นเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง ถึงอย่างไรเธอก็เกือบจะอยู่ด้วยกันกับจ้านเซินตลอดทุกอาทิตย์เป็นเวลานาน คราวนี้จู่ๆก็ไม่เห็นคนแล้ว แม้ว่าจ้านเซินจะเป็นเพียงแค่เพื่อนที่เป็นคู่หูธรรมดา แต่ก็ทำให้คนรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่ดี

เดิมเธอคิดว่า หลังจากเข้ามาในองค์กรแล้ว การพบหน้ากับจ้านเซินจะเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้น้อยลง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินซีก็ยังมีความรู้สึกที่สับสนต่อเขาอยู่บ้าง

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ลองสืบ แต่ภายในองค์กร ภารกิจของผู้อื่นล้วนเป็นความลับ เกือบจะไม่มีคนรู้ได้ ดังนั้นฉินซีลองสืบดูไปหลายครั้ง ก็ไม่ได้ความอะไร

หลังจากที่ผ่านการอบรมอย่างเป็นทางการแล้ว เธอก็ไม่ได้เป็น “ผู้ช่วยในห้องทดลอง” แล้ว อาทิตย์หนึ่งได้พบหน้ากับฟางฟางไม่กี่ครั้งเช่นกัน

ผู้คนที่คุ้นเคยกันตอนแรกล้วนไม่ได้พบแล้วอย่างกะทันหัน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ฉินซีจะรู้สึกปรับตัวไม่ได้อยู่บ้าง

ดังนั้นในตอนแรกเริ่ม ฉินซีชอบที่จะไปเฝ้าฟางฟางหน้าประตูห้องทดลองของเธอ

แต่เมื่อทำไปสองสามครั้ง เธอกลับถูกฟางฟางลอบเตือนอย่างเงียบๆ

“ฉินซี” ตอนที่ฉินซียืนรอจนได้พบกับฟางฟางอีกครั้ง เธอก้มหน้าลง เอ่ยกับฉินซีด้วยเสียงที่มีเพียงแค่พวกเธอสองคนสามารถได้ยินเท่านั้น “แม้ว่าเธอจะเลิกเรียนแล้ว แต่การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเธอ ยังคงอยู่ภายใต้การสอดแนมของอาจารย์เธอ”

แผ่นหลังของฉินซีขนลุกขึ้นมาชั้นหนึ่ง

เธอฉลาดมาก ฟังออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดได้ในทันที

ถ้าหากว่าเธอแสดงความรู้สึกที่มีต่อฟางฟางหรือจ้านเซินต่อไปออกมาแบบนี้ อย่างนั้นอาจารย์ที่สอนหนังสือเธอ จะปฏิบัติต่อเธอด้วยท่าทีที่เข้มงวดยิ่งกว่าเดิม หรือไม่ก็ใช้บทเรียนที่เข้มงวดมาเป็นเงื่อนไขในการทรมานเธอ จนกระทั่งเธอทำลายความรู้สึกที่ควรจะมีทิ้งไปทั้งหมด

นับตั้งแต่วันนั้น เธอก็ไม่ได้ไปสอบถามข่าวสารของจ้านเซินอีก และไม่ไปรอฟางฟางด้วย

โชคดีที่ฉินซีมีภารกิจการเรียนที่หนักมาก ในไม่ช้า เธอก็ปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่ไม่มีคนทั้งสองคนนี้อยู่เป็นเพื่อนได้

จนกระทั่งตอนที่เธออายุ 15 ปี ในที่สุดก็ได้พบกับจ้านเซินภายในองค์กรอีกครั้ง

จ้านเซินเป็นผู้ใหญ่แล้ว

ตอนที่สายตาของฉินซีกวาดตามองเห็นเขานั้น หัวใจก็เต้นรุนแรงมาก

แต่เธอรู้ว่าชีวิตของเธอถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่กล้าแสดงความคิดของตัวเองออกมามากเกินไปแม้แต่นิดเดียว จึงทำได้เพียงแค่เหลือบมองจ้านเซินมากขึ้นอีกครั้ง เพื่อเป็นหลีกเลี่ยงปัญหาเท่านั้น

แต่ว่าสัญชาตญาณของเพศหญิงนั้นฉับไวแต่กำเนิด

เธอสามารถรู้สึกได้ว่า จ้านเซินเปลี่ยนไปแล้ว

สีหน้าไม่แยแสและสายตาที่เย็นชา ไม่ใช่สิ่งที่แสร้งทำขึ้นมา

ตอนที่เขามองผ่านใบหน้าของตัวเอง แล้วไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวใดๆ ฉินซีก็รู้แล้วว่า มีอะไรเปลี่ยนไป

เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่รู้ว่า เมื่อผ่านบททดสอบระหว่างความเป็นความตาย ความรู้สึกรักในใจของจ้านเซินนั้น เกือบจะถูกลบล้างไปหมดแล้ว อีกทั้งบทเรียนทั้งหมดที่เขาได้รับนั้น ก็เพิ่มความรวดเร็วที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่มีความแม่นยำและใช้งานง่ายอย่างหนึ่ง

เธอรู้เพียงแค่ว่า จ้านเซินที่กอดเธอครู่เดียวก็หน้าแดงคนนั้น อาจจะไม่เห็นแล้ว

อายุ 15 ปี เป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของหนุ่มสาว เมื่อถูกโจมตีแสกหน้าแบบนี้ ฉินซีก็ยังต้องแอบเสียใจเงียบๆอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง

เพียงแต่ชีวิตของเธอถูกจัดการจนแน่นขนัด ทั้งยังมีดวงตามากมายหลายคู่จับจ้องเธออยู่ เธอจึงไม่มีสมาธิจะไปเสียใจกับการเต้นโครมครามของหัวใจตัวเองเท่าไร

ส่วนจ้านเซินก็แทบจะไม่ได้ปรากฏตัวในองค์กร จึงลดความเป็นไปได้ที่เธอจะพบกับเรื่องสะเทือนใจได้มาก

ผ่านวันเวลาแบบนี้ไป 3 ปี จนเธอจบบทเรียนทั้งหมดในอายุ 18 ปี ตอนที่กลายเป็นสมาชิกในองค์กรอย่างเป็นทางการ ที่จริงแล้ว ความหวั่นไหวทางใจที่ฉินซีมีต่อจ้านเซินนั้นก็ถูกลืมเลือนไปพอสมควรแล้ว

แต่ก็เป็นตอนนี้เช่นกัน ที่เธอได้รับภารกิจอย่างเป็นทางการของตัวเองในครั้งแรก

รายละเอียดของภารกิจ เธอจำเป็นต้องติดต่อกับผู้บังคับบัญชา ดังนั้นเธอจึงเคาะประตูห้องทำงานของผู้บังคับบัญชาตามเวลาที่กำหนดเอาไว้

คนที่เคยฝึกอบรมเธอก่อนหน้านี้ ผู้บังคับบัญชาสายตรงของเธอคือคนของหน่วยข่าวกรอง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะคิดว่า คนที่ตัวเองจะได้พบ น่าจะเป็นคนของหน่วยข่าวกรอง

……..เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่มีความเข้มงวดเป็นอย่างมากคนนั้น หรือว่าจะเป็นผู้เฒ่าคนนั้นกัน

ตอนที่ในใจของเธอกำลังคิดล่องลอยไปไกล ด้านในก็มีเสียงลอยออกมาเสียงหนึ่ง “เข้ามา”

เสียงนั้นทุ้มต่ำเล็กน้อย และคุ้นหูอยู่บ้าง

แต่ฉินซีก็ผลักประตูเข้าไป โดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก

แต่เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน เธอก็ตะลึงค้างไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท