Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1201

ตอนที่ 1201

บทที่ 1201 วิตกกังวล

แต่ลู่เซิ่นที่กำลังจะเรียกหลินหยังให้เข้ามา เพื่อที่จะวานให้เขาได้พบกับถังย่า ทันใดโทรศัพท์มือถือเขาก็ดังขึ้น

เป็นลู่โยวโยวที่โทรมา

ลู่โยวโยวไม่ได้โทรหาเขาบ่อยนักและมักจะโทรหาเขาเมื่อมีเรื่องสำคัญ ลู่เซิ่นจึงไม่ลังเลรีบกดรับสายทันที

“มีอะไร?”

เสียงของลู่โยวโยวดังทะลุเข้ามาตามสาย ราวกับพลุระเบิดอยู่ข้างหูของลู่เซิ่น “พี่! ฉันเพิ่งคุยกับแม่มา แม่บอกพี่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นที่พามา จริงหรือเปล่า?”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย

ความคิดทั้งหมดของเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาคือเรื่องที่ฉินซีหายตัวไป หลังจากที่นำเวินจิ้งให้กลับมาพบกับหลินยี่เขาก็ไม่เคยเห็นเธออีกเลย

เมื่อลู่โยวโยวพูดขึ้นมาถึงเรื่องนี้ เขาก็พึ่งที่จะจำการมีอยู่ของคนคนนี้ได้

ลู่โยวโยวเป็นคนที่ปากสว่าง ดังนั้นลู่เซิ่นจึงไม่ได้บอกความจริงเรื่องระหว่างเขากับฉินซี ดังนั้นลู่โยวโยวเลยคิดว่าเขากับเธอหย่ากันจริงๆ

สูหยิงก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บอกวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของลู่เซิ่นเรื่องที่จริงๆแล้วเขาแต่งงานกับเวินจิ้งไปเพื่ออะไร เพียงแค่บอกไปว่าเวินจิ้งต้องการแต่งงานกับลู่เซิ่น

แต่ลู่โยวโยวเป็นพวกที่ขี้วิตกกังวล เดี๋ยวก็คงอดมาหาลู่เซิ่นเพื่อตามหาความจริง

แน่นอนว่าลู่เซิ่นจะไม่บอกความจริง เขาแค่ตอบไปเบาๆ “ใช่”

เสียงอุทานของลู่โยวโยวดังขึ้นในหูของลู่เซิ่น “อะไรนะ! นี่พี่ต้องการแต่งงานกับน้องสาวของหลินยี่?”

ลู่เซิ่นจับสังเกตในที่สุด “เธอจะมาสนใจอะไร… …ที่พี่จะแต่งงานกับน้องสาวของหลินยี่?”

เขาจงใจเน้นเสียงตรงคำว่า “ของหลินยี่”

ลู่โยวโยวลดเสียงดังโวยวายของตัวเองลงทันที “ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่ถามเฉยๆ”

ลู่เซินหัวเราะเบา ๆ

เขารู้ความคิดของลู่โยวโยว หญิงสาวที่ไม่สามารถซ่อนสิ่งใดในใจได้อย่างเธอมานาน เรื่องที่เขาจะแต่งงาน ถ้าไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเวินจิ้งกับหลินยี่ เธอก็คงไม่กังวลแบบนี้

“พี่!”เสียงหัวเราะของลู่เซิ่นที่ดังไปถึงหูของลู่โยวโยว กลายเป็นเสียงหัวเราะเยาะ จนเธอเริ่มโกรธ ก่อนแผดเสียงดังขึ้น “ในเมื่อพี่อยากจะแต่งงาน จะโยนใครมายังไงก็ไม่สนแล้วเหรอ เธออยู่กับหลินยี่ทุกวัน ไม่รู้จะพูดยังไงกับสองคนนั้นแล้ว!”

เขาอ่านความคิดของลู่โยวโยวออกทันที “เธอกลัวเวินจิ้งจะเอาเวลาของหลินยี่ไป จนเขาไม่มีเวลาว่างมาคุยกับเธอล่ะสิ?”

ลู่โยวโยวเงียบทันที

ลู่เซิ่นยิ้ม

ความรู้สึกที่ลู่โยวโยวที่มีต่อหลินยี่ เขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่เด็กนัก ลู่โยวโยวเองก็ยังไม่โตพอ และเมื่อมองไปยังหน้าตาของหลินยี่ ถึงแม้จะดูดี แต่เขาก็ไม่วางใจ

แต่สิ่งที่ลู่โยวโยวพูดมันกลับเตือนเขาเอง

อย่างไรเสียในเมืองหนาน เขาใช้ข้ออ้างของตัวเองแต่งงานกับเวินจิ้ง แล้วนำเธอกลับมาประเทศF เมื่อกลับมาถึงแล้ว กลับปล่อยทิ้งเธอให้อยู่ในบ้านตระกูลลู่ ถ้าหากอารองและอาสามรู้ละก็… …แผนก่อนหน้านี้ที่ลู่เซิ่นวางไว้อาจจะไม่เป็นผล

เพื่อความปลอดภัยเขาควรกลับไปที่บ้านตระกูลลู่

“โอเค ฉันจะกลับไปกินข้าวเที่ยง บอกพ่อบ้านด้วยล่ะ”

ลู่เซิ่นตอบรับไป

“จริงไหม? ดีเลย ฉันจะให้คนครัวเตรียมของที่พี่ชอบนะ!” เสียงของลู่โยวโยวดังขึ้นมาก่อนวางสาย

เธอรีบร้อนวางสายไป ลู่เซิ่นหันไปมองเวลา มันเกือบถึงเวลาที่เขาควรจะขยับตัวได้แล้ว

ดังนั้นเขาจึงกดโทรเรียกให้หลินหยังเข้ามา พูดว่า “ถังย่าฝั่งนู้น นายหาคนติดตามไปด้วยล่ะ ไม่กี่วันนี้เราต้องไปที่นั้นอีกครั้ง”

หลินหยังตอบกลับ แต่ลู่เซิ่นไม่ปล่อยให้เขาทำต่อ และพาคนขับรถกลับไปที่บ้านตระกูลลู่

ลู่โยวโยวมารออยู่ที่หน้าประตูเพื่อรอเขาก่อนแล้ว เมื่อเขาเห็นลู่เซิ่นลงมาจากรถ เธอก็รีบวิ่งไปหาทันที “พี่!”

ลู่เซิ่นกระพริบตาส่งสัญญาณ ก่อนกระซิบ “หลินยี่มองอยู่ข้างหลัง”

“พี่!”เสียงของลู่โยวโยวดูโมโหเล็กน้อย แต่เมื่อเธอหันหลังกลับไปมอง เธอกลับไม่เห็นหลินยี่ รู้ทันทีว่าตัวโดนหลอกเข้าให้แล้ว

ลู่เซิ่นดูหูของเธอที่เริ่มแดงขึ้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาผ่อนคลายมากขึ้น

ลู่โยวโยวทำเป็นรำคาญไม่พูดอะไรกับเขา เดินลิ่วๆเข้าไปในบ้านอย่างเร็ว ลู่เซิ่นมองตามก่อนขำ พลางเดินตามน้องสาวเข้าไป

หลินยี่และเวินจิ้งรอเขาอยู่ที่นอกห้องอาหารก่อนแล้ว

ระหว่างหลินยี่กับลู่เซิ่นค่อนข้างคุ้นเคยกันแล้วจนไม่ต้องทักทาย แค่ผงกหัวให้กันเบาๆ เท่านั้น ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในห้องอาหารพร้อมกัน

ลู่เหวยและสูหยิงไม่ได้อยู่บ้าน ลู่เซิ่นนั่งประจำที่ที่ตัวเองคุ้นเคย ลู่โยวโยวนั่งทางด้านขวามือของเขา หลินยี่นั่งซ้ายมือของเขา ส่วนเวินจิ้งนั่งอยู่ด้านขวามือของหลินยี่

เมื่อคนรับใช้ยกอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อยและเดินออกไปแล้ว จึงเหลือเพียงแค่สี่คนภายในห้องอาหาร

เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเวินจิ้งและมู่วี่สิง ทำให้ลู่โยวโยวไม่ค่อยพอใจเวินจิ้งเท่าไหร่นัก ถึงแม้เธอจะสนใจในตัวหลินยี่ แต่เธอก็เป็นลูกสาวของตระกูลลู่ เธอไม่สามารถไปทำดีกับคนที่เธอไม่ชอบเพื่อผู้ชายได้หรอก

เวินจิ้งไม่ใช่คนที่สดใสอะไรมาก ก็ยังรับรู้ได้ถึงรังสีไม่เป็นมิตรจากลู่โยวโยว มันยิ่งทำให้บรรยากาศมาคุไปกันใหญ่

ทั้งลู่เซิ่นและหลินยี่ต่างก็เป็นคนที่ไม่ชอบพูดอะไรเวลาทานข้าวทั้งคู่ ดังนั้นทั้งสองจึงนั่งทานข้าวเงียบๆ

แต่ลู่โยวโยวไม่ใช่แบบนั้น เธอเป็นคนร่าเริง จึงกินให้มันเสร็จๆ และออกไปจากที่ตรงนี้

เวินจิ้งเห็นท่าทางว่าลู่เซิ่นและหลินยี่มีเรื่องที่จะพูดคุยกัน เธอก็หาข้ออ้างเพื่อที่จะขอเลี่ยงออกไป ดังนั้นภายในห้องอาหารจึงเหลือเพียงชายหนุ่มทั้งสอง

หลินยี่คุ้นเคยกับลู่เซิ่นเป็นอย่างดี แค่มองหน้าเขาก็รู้แล้วว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น รอให้เวินจิ้งออกไป เขาจึงเปิดปากถาม “มีเรื่องอะไร”

ลู่เซินไม่ต้องการปกปิดเรื่องนี้ เขาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นและหยิบโทรศัพท์ออกมาขยายรูปภาพที่ฝ่ายเทคนิคส่งมาให้ ก่อนวางไว้ตรงหน้าหลินยี่ “คนคนนี้ สืบหาประวัติอะไรไม่เจอเลย ฉันสงสัย ว่าจะเป็นนักฆ่า”

ดวงตาของหลินยี่จับจ้องไปที่ใบหน้าของบุคคลในโทรศัพท์

ลู่เซินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขามุ่นคิ้วก่อนถาม “มีอะไรเหรอ?”

หลินยี่ไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงจ้องใบที่รูปนั้นสักพัก จึงพูด “ฉันเหมือนเคยเจอคนคนนี้”

“เคยเจอ?”ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “เป็นคนในองค์กรนายเหรอ?”

นี่เป็นเหตุผลที่พอเข้าใจได้ที่สุดที่เขาคิด

ถึงอย่างไร “องค์กรหยินเฟิง”ของหลินยี่ ก็ถือได้ว่าเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียง และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะมีนักฆ่าระดับนี้

สีหน้าหลินยี่มืดลง เขาส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่ใช่ เขาไม่ใช่คนของฉัน” ลู่เซิ่นได้ยินน้ำเสียงที่ค่อนข้างเครียดส่งผ่านมาทางหลินยี่

หลินยี่เงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดต่อ “เขาเป็นหัวหน้าองค์กรอื่น”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วตาม

หัวหน้า?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท