Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1202

ตอนที่ 1202

บทที่ 1202 ความคิดทั้งหมด อยู่ที่ฉินซี

หลินยี่นิ่งไปสักพัก

น้อยนักสำหรับลู่เซิ่นที่จะเห็นเขามีท่าทางลังเลแบบนี้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่า … ที่มาของชายคนนี้คงไม่ธรรมดา

“ลู่เซิ่น ตระกูลลู่กับฝ่ายทหารร่วมมือกันมาโดยตลอด ดังนั้น… …นายก็รู้ดี ว่าทหารเป็นคนจัดหายารายใหญ่”หลินยี่เงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะพูด

ลู่เซิ่นพยักหน้า “ฉันรู้”

ตระกูลลู่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแพทย์แต่อย่างใด ทว่าพวกเขาร่วมมือกับทหารในด้านอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างรู้เรื่องเยอะว่าคนอื่น

กล่าวกันว่ายาชั้นนำของกองทัพทั้งหมดจัดหาโดยซัพพลายเออร์รายเดียวกัน ยาหลายชนิดได้รับการพัฒนาในระดับที่สูงกว่าทหารมาก อย่างไรก็ตามเบื้องหลังของซัพพลายเออร์รายนี้ลึกลับมาก คนที่ติดต่อได้ก็มีเพียงทหารยศสูงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

“มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับซัพพลายเออร์รายนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันค่อนข้างมั่นใจคือเบื้องหลังซัพพลายเออร์รายนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรขนาดใหญ่” หลินยี่กล่าว

ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ ท้ายที่สุดแล้วการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์เป็นโครงการที่ใช้ต้นทุนสูงและต้องใช้แรงงานมาก ไม่สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้หากไม่มีการสนับสนุนทางการเงินจำนวนมาก

หลินยี่พูดต่อ “เป็นความบังเอิญมาก มีคนแนะนำให้ฉันได้รู้จักกับซัพพลายเออร์รายนี้ และได้ไปพบ หรือพูดได้ว่า เป็นหัวหน้าขององค์กรนี้”

ลู่เซิ่นมีตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขาพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร

หลินยี่เคาะหน้าชายคนนั้นบนโทรศัพท์เบาๆ “นั้นคือเขา”

ลู่เซิ่นหรี่ตามอง ก่อนถามว่า “นายแน่ใจเหรอ?”

หลินยี่หัวเราะ “ฉันจำเรื่องแค่นี้ได้หรอกน่า ไม่ผิดแน่นอน”

ลู่เซิ่นหันหน้าไปมองเขา “นายรู้ดีเกี่ยวกับองค์กรนั้นแค่ไหน?”

หลินยี่ละสายตา เขาครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ “องค์กรนี้ลึกลับมากแม้แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรมากนัก แค่ได้เห็นชายคนนี้และรู้ว่าเขาเป็นผู้นำขององค์กรแค่นั้น อ่อ ฉันรู้แค่อย่างเดียวว่าองค์กรของเขามีชื่อว่า เฟิง”

“เฟิง?” ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ก่อนทวนชื่อซ้ำ

หลินยี่พยักหน้า “ใช่ ชื่อคล้ายกันกับของฉันมาก พอได้ยินครั้งแรก ฉันก็จำได้ทันที”

ลู่เซิ่นไตร่ตรองโดยใช้ความคิดอีกครั้ง

ผู้ชายคนนี้ เป็นหัวหน้าขององค์กร “เฟิง”

พูดตามหลักเหตุและผล คนแบบนี้ คงไม่มีเหตุเกี่ยวข้องอะไรกับฉินซี

ทำไม… …ถึงใช้ความพยายามอย่างมากมายในการพาเธอไป

และชายคนนี้กับถังย่า และยังองค์กรเฟิงนั้นอีก มันมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน

ลู่เซินนึกถึงการตรวจสอบที่เขาดำเนินการอย่างรอบคอบเมื่อเขาเลือกที่จะร่วมมือกับถังย่า

เบื้องหลังของถังย่าดูสะอาดและไม่มีความน่าสงสัย ประวัติก็ดูสวยงามและไร้ที่ติ แต่คนตระกูลลู่บอกเขา… …เบื้องหลังของถังย่ามีอะไรที่มันแปลก

ข้อมูลทั้งหมดของเธอ ไม่มีเรื่องครอบครัวในนั้น

ไม่ว่าจะพยายามหาจากช่วงเวลาไหนหรือข้อมูลไหนอย่างไร ก็หาประวัติพ่อแม่เธอไม่เจอ เหมือนว่าเธอจะเกิดมาจากรอยแตกของหิน ไม่มีพ่อแม่

ในตอนนั้นลู่เซิ่นไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้เลย บางทีเธออาจไม่มีพ่อแม่หรือเป็นเด็กกำพร้า แต่มันไม่สำคัญเลย ท้ายที่สุดแม้ว่าภูมิหลังครอบครัวของถังย่าจะดูน่าผิดปกติแค่ไหน แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำงานของเธอ

แต่วันนี้เมื่อมองย้อนกลับไปมันก็ยังแปลกอยู่นิดหน่อย

ในข้อมูลของถังย่าถ้าไม่มีพ่อแม่ … แล้วใครเป็นผู้ปกครอง?

ในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนนี้อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ เขารู้สึกแปลกๆ

แต่การคิดโดยใช้สมาธิของเขา ถูกหลินยี่ขัดจังหวะอย่างกะทันหัน

“ฉันนึกออกล่ะ!” ทันใดนั้นเสียงของหลินยี่ก็ดังขึ้นมา “นายยังจำ เรื่องระเบิดตอนยังเด็กได้ไหม?”

สิ่งที่หลินยี่พูดคืออุบัติเหตุที่เขาช่วยลู่เซิ่นจนเกือบจะเสียชีวิต

ลู่เซิ่นจำได้ไม่ลืม

“หลังจากที่องค์กรหยินเฟิงได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการ ฉันได้ตรวจสอบอุบัติเหตุของเราในปีนั้นอีกครั้ง” หลินยี่ดูท่าทางจริงจังขึ้นมา “ฉันตรวจสอบได้รู้อะไรบางอย่างขึ้นมา”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว

มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับตัวเขาและเป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลลู่จะไม่สอบสวน สูหยิงไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แต่สูหยิงกลับไม่พบอะไรทั้งนั้น

เขาจำได้ว่าในช่วงเวลาที่เขานอนอยู่ในโรงพยาบาล สูหยิงยังมาพูดกับตัวเขาเองเป็นการส่วนตัวว่า ขณะนี้ยังไม่มีผลการสอบสวนและมีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะหาทางกลับมาแก้แค้น ดังนั้นเขาควรจะระวังตัวเองให้มากขึ้นในช่วงนี้

ไม่คาดคิดว่าหลินยี่จะพบเบาะแสบางอย่าง

เมื่อเห็นว่าเขาสงสัย หลินยี่จึงเริ่มที่จะอธิบาย “ถ้าครอบครัวนายไม่เจออะไรที่ผิดปกติ ก็อาจจะไม่มีอะไร ถึงอย่างไร… …องค์กรแบบนี้ ใช้วิธีปกติในการสืบหาความจริงไม่ได้แน่ หรือจะสืบหาในช่องทางที่เหมาะสม ก็ยังสืบยากอยู่ดี”

ลู่เซิ่นรู้ดี

หลินยี่จึงบอกว่าเขาพบมันหลังจากก่อตั้งองค์กรของตัวเองแล้ว

ประมาณ … ว่าเป็นวิธีของคนในวงการสีเทา

หลินยี่หยุดชั่วครู่ก่อนพูดต่อ “พอฉันได้เห็นสิ่งที่สืบมา การโจมตีครั้งนั้น เป็นฝีมือของเฟิง”

เขาค่อนข้างปะติดปะต่อเรื่องเองได้คร่าวๆแล้ว ลู่เซิ่นจึงไม่ได้รู้สึกตกใจนัก ทำเพียงพยักหน้ารับ

“จริงๆแล้ว ถ้าทำตามกฎของเฟิง ถึงแม้ฉันจะใช้วิธีโกงเพื่อสืบเรื่อง แต่ก็ไม่เจออะไรทั้งนั้น” หลินยี่พูดต่อ “ครั้งนั้น คนที่ลงมือไม่ใช่คนในองค์กรจริงๆหรอกนะ แค่เป็นกลุ่มทดลองเฉยๆ ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้ว… …การโจมตีครั้งนั้น เหตุผลมันคืออะไรกันแน่”

หลินยี่ยิ้มเหยียด “มันเป็นศัตรูของตระกูลลู่ แม่นายไปปล้นธุรกิจของครอบครัวอื่นมา จนเกือบจะล้มละลาย ทำให้มันตามืดบอดคิดแก้แค้น เขาใช้เงินก้อนสุดท้ายในการจ้างวานฆ่านาย”

ลู่เซิ่นรู้ว่าหลินยี่กับสูหยิงนั้นไม่ลงรอยกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม ทำเพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ

นี่เป็นสิ่งที่สูหยิงสามารถทำได้และเขาไม่แปลกใจ

ในช่วงปีแรก ๆ สูหยิงทำเรื่องอะไรเธอจะไม่เหลือทางหนีทีไล่ไว้สักนิด นั้นเธอมักจะบังคับให้คนอื่นหมดหวังทางอ้อม สิ่งนี้ทำให้เธอมีศัตรูมากมาย ต่อมาภายใต้อิทธิพลของลู่เหวย รูปแบบธุรกิจของเธอก็ลดความโหดร้ายลงไปมาก

เพราะเธอในช่วงปีแรกๆ ตระกูลลู่เกิดวิกฤตขึ้นมากมาย

เรื่องนี้มันเกิดผ่านไปนานมากแล้ว เขาตอนนี้ไม่สามารถไปค้นหาไล่ตามอดีตได้อีก

ท้ายที่สุด … ในตอนนี้ความคิดทั้งหมดของเขาอยู่ที่ฉินซี

เฟิง

เขาท่องชื่อองค์กรหลายครั้งในใจ จากนั้นมองไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นในโทรศัพท์

ล้างแค้นเพื่อตัวเขาเอง และเพื่อ แก้แค้นให้ภรรยา

ชายคนนี้กลายเป็นศัตรูชั่วนิรันดร์ของลู่เซิ่น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท