Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1211

ตอนที่ 1211

บทที่ 1211 ใช่ว่าไม่เห็นแก่ตัว

เอกสารชุดนี้ได้มาในเวลาที่เหมาะเจาะ ลู่เซิ่นไม่พูดมาก เพียงแต่รับเอกสารนั้นมา

รายละเอียดในเอกสารนั้นชัดเจน ไม่ผิดอะไรกับที่ถังย่าพูดคืนนี้

องค์กรที่ชื่อ “เฟิง” สำนักงานใหญ่อยู่ที่เกาะส่วนตัว อำนาจที่อยู่เบื้องหลังขององค์กรซับซ้อนยากที่จะต่อกร พวกเขารักษาดุลอำนาจได้อย่างเฉียบแหลม

“ร่วมมือกับหน่วยงานทางทหาร…” ลู่เซิ่นกวาดตามองรายชื่อยาวเป็นหางว่าว เลิกคิ้วนิดๆ “น่าสนใจ”

หลินยี่กลับไม่รู้สึกผ่อนคลายแบบเดียวกับเขา ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง มองลู่เซิ่นอย่างกังวล “ลู่เซิ่น นายอย่าใช้วิธีพุ่งเข้าชน”

ลู่เซิ่นยิ้ม “นายกลัวฉันไปหาเรื่องมันหรือไง”

หลินยี่เพียงแค่ขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร

ลู่เซิ่นส่ายศีรษะ “ไม่ถึงกับต้องกังวลหรอก”

แม้ว่าหลินยี่ไม่เชื่อ เขาไม่ได้ซักถามต่อ แต่กลับถามว่า “คืนนี้นายไปหาถังย่ามาหรือ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า ยิ้มเย้ยนิดหนึ่ง “เธอเป็นคนที่น่าสนใจ”

หลินยี่เอียงศีรษะ รอเขาพูดต่อไป

“เธอโอ้อวดแสนยานุภาพองค์กรของเธอเจ๋งแค่ไหน” ลู่เซิ่นยิ้มนิดๆ “เธอบอกฉันด้วย ฉินซีปลอดภัยดีตอนนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง”

หลินยี่ประหลาดใจไม่น้อย “เธอยอมรับตรงๆ อย่างนี้เลยหรือ เธอเป็นคนขององค์กร แถมฉินซีถูกพวกเธอจับไปนี่นะ”

ลู่เซิ่นสะบัดข้อมูลในมือ “นี่คือความมั่นใจของเธอ”

หลินยี่พยักหน้า “ก็จริง”

“จากนั้น…” สายตาของลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด “เธอเล่นละครฉากหนึ่ง”

“เล่นละครงั้นหรือ” สีหน้าหลินยี่เปลี่ยนเป็นสับสน “เล่นละครอะไร”

ลู่เซิ่นยิ้ม “แสดงว่าหัวหน้าของเธอเป็นคนน่าสงสารรักแล้วไม่ได้ครอบครอง บอกกับฉัน ฉินซีกับหัวหน้าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยเด็กมีใจให้กันมาก่อน ไม่ให้ฉันเข้าไปแทรกกลางความรู้สึกของพวกเขา”

หลินยี่อึ้งไปครู่หนึ่ง

“ฉินซีกับหัวหน้าของพวกเธอ” หลินยี่แสดงสีหน้ายากที่จะเข้าใจคำพูดนี้ “ฉินซีจะไปเกี่ยวกับหัวหน้าของพวกเธอได้ยังไง”

เรื่องของฉินซีกับองค์กรยาวมาก ลู่เซิ่นคร้านจะอธิบายซ้ำทั้งหมด จึงอธิบายเพียงสั้นๆ “เมื่อก่อนฉินซีเป็นคนขององค์กร”

หลินยี่จ้องตาโต “ฉินซีเป็นคนขององค์กรงั้นหรือ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า

หลินยี่มีคำถามผุดขึ้นมากมาย แต่เงียบอยู่นานสองนาน เพียงแค่ถามขึ้นสั้นๆ “งั้นตอนนี้นายคิดจะทำยังไง”

ลู่เซิ่นมีท่าทีผ่อนคลายกว่าหลินยี่อยู่บ้าง เขาแทบไม่ลังเล พูดน้ำเสียงจริงจัง “ขอแค่เธอไม่ได้อยากไปด้วยตัวเอง ฉันจะพาเธอกลับมา”

หลินยี่ชะงักไป พูดขึ้นอย่างลังเล “แต่…ถ้าฉินซีเป็นคนขององค์กรแต่แรก ถึงตอนที่เธอจากไปจะไม่เต็มใจก็เถอะ แต่หลังจากนั้น …ใช่ว่าเธอจะถูกบังคับให้อยู่ที่นั่นจนไม่กลับมา”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วนิดหนึ่ง หันไปมองหลินยี่ “นายหมายความว่า ตอนนี้เธอยังไม่ปรากฏตัว ก็เพราะเธอเองไม่อยากกลับมา”

หลินยี่ยักไหล่ “ฉันก็แค่เดาไปเรื่อย ไม่แน่ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นซะหน่อย”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่น หันไปมองอีกทางหนึ่ง

แน่นอน ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เขารู้สึกมั่นใจมาตลอด ฉินซีไม่กลับมา เพราะถูกองค์กรจับตัวไว้ ไม่มีอิสระไปไหนมาไหน

เขาไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้อีกด้านหนึ่ง ถ้าฉินซีจำได้ทุกอย่าง รู้สึกว่าตัวเองเคยเป็นคนขององค์กร ไม่อยากกลับมาอีกแล้วล่ะ

สีหน้าลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

เขาไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแน่นอน

ไม่ว่าเพราะสาเหตุอะไร เขาไม่มีทางยอมให้ฉินซีไปจากเขา

“ถังย่าไม่ได้บอกนายหรือ ตอนนี้สถานการณ์ของฉินซีเป็นยังไง” หลินยี่ถาม

ลู่เซิ่นเม้มปาก “เธอบอกว่าตอนนี้ฉินซียังปรับร่างกายอยู่ ไม่สะดวกเจอหน้าฉัน รอเวลาที่เหมาะสม จะให้ฉันคุยกับเธอ”

หลินยี่พยักหน้าครุ่นคิด “ถ้าเธอพูดอย่างนี้…งั้นฉินซีคงจะออกมาไม่ได้ นายลองคิดสิ ไม่ว่าถังย่าพูดยังไง แน่นอนว่าสู้ฉินซีพูดกับนายเองว่าเธอจะไปจากนายไม่ได้ ตอนนี้พวกเขายังไม่กล้าให้นายคุยกับฉินซี ก็เห็นชัดว่า…อารมณ์ของฉินซียังไม่มั่นคง”

ลู่เซิ่นมองหลินยี่อย่างสงสัย “ทำไมนายพูดกลับไปกลับมา”

หลินยี่ยิ้ม “ฉันก็แค่กลัวว่าพูดอะไรผิดไปแล้วนายจะโกรธ ทำอะไรไม่คิดจนแก้ไขอะไรไม่ได้”

ที่เรียกว่าทำเรื่องที่ย้อนไปแก้ไขไม่ได้ ลู่เซิ่นเข้าใจดี นั่นคือไปปะทะกับกับองค์กร

แต่น้ำเสียงนอกเหนือจากคำพูดของหลินยี่เขาฟังออก “นายอยากจะปลอบใจฉัน เลยพูดถึงฉินซีอย่างนี้ ใช่มั้ย”

หลินยี่ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่มองลู่เซิ่นนิ่ง ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้น “อันที่จริง ฉันไม่มีทางยืนยันได้ว่าตอนนี้ฉินซีอยู่ในสภาพไหน จริงๆ แล้วเธอไปแล้วไม่อยากกลับมา หรือไม่มีหนทางกลับมากันแน่”

ลู่เซิ่นยังมีท่าทางอึดอัดใจ “งั้นนายหุบปากไปเลย เสียเวลาพูดอะไรไม่ได้เรื่อง”

หลินยี่ไม่โกรธ เพียงแต่ฉีกยิ้ม “ฉันมีวิธีหนึ่ง ช่วยนายพิสูจน์ เธอคิดอย่างไรกันแน่”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว หันไปมองเขา “นายมีวิธีหรือ”

หลินยี่ยิ้ม น้ำเสียงสุขุม “นายอยากจะลองดูมั้ย”

ลู่เซิ่นหงุดหงิด “ไม่ต้องมัวลีลามาก รีบพูดมาเร็วๆ”

หลินยี่ยักไหล่ “ก็ได้ งั้นฉันจะพูดตรงๆ นะ นายก็ แค่ปล่อยข่าวออกไป บอกว่าจะแต่งงานกับเสี่ยวจิ้ง เท่าที่ฉันรู้ ความสามารถรวบรวมข่าวสารขององค์กรประเภทนั้นเร็วจนคนนอกคิดไม่ถึง พอนายปล่อยข่าวไป ทางฉินซีจะต้องรู้แน่นอน ไม่ว่าฉินซีจะยอมอยู่กับองค์กรนั่น หรือถูกบีบไม่ให้หนีได้ ดูจากความสัมพันธ์ของพวกนายสองคนก่อนหน้านี้ เธอไม่มีทางยอมให้นายแต่งงานกับคนอื่นง่ายๆ แน่ ต้องหาทุกหนทางมาเจอนาย อย่างนี้…ก็ได้เจอเธอแล้วใช่มั้ยล่ะ”

ลู่เซิ่นยังคงขมวดคิ้วแน่น เขาจ้องมองหลินยี่ “ไอเดียนายไม่เข้าท่าเลยว่ะ”

หลินยี่ประหลาดใจ “ไม่เข้าท่ายังไง นี่มันไอเดียบรรเจิดชัดๆ ว่าไง นายไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไร ก็ได้สืบข่าวฉินซีให้รู้ชัดไป นายยังมีวิธีอะไรดีกว่านี้หรือไง”

ลู่เซิ่นไม่ตอบคำถาม แต่สีหน้าเห็นชัดว่าไม่เห็นด้วย เขา อยู่ๆ ก็ถามขึ้น “หลินยี่ นายยังอยากให้น้องสาวแต่งงานกับฉันงั้นหรือ”

หลินยี่ชะงัก เงียบไป

ลู่เซิ่นแสดงออกชัดเจน “เวินจิ้งรู้ว่าพี่ชายเป็นห่วงขนาดนี้ ต้องรู้สึกปลื้มแน่ แต่ในใจของเธอมีคนอื่นแล้ว นายพรากคู่รักอย่างนี้ ไม่ค่อยเหมาะมั้ง”

เขารู้ดี แผนนี้ของหลินยี่ ใช่ว่าจะไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว

หลินยี่ไม่พอใจที่เวินจิ้งยังตัดมู่วี่สิงไม่ขาด ถึงได้รีบร้อนอยากจะให้เขาแต่งงานกับตนเอง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท