Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1223

ตอนที่ 1223

บทที่ 1223 จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้

“สรุปแล้ว นี่ก็คือแพลนของเธอ” จ้านเซินวางกระดาษลงตรงหน้าเธอ “จากนี้ไป ไม่ว่าเข้าคลาสหรือพักผ่อนจะต้องเป็นไปตามเวลานี้ และฉันจะไม่คอยมาตามเธออีกแล้ว”

ฉินซีบ่นอุบอิบในใจ พูดอย่างกับว่าฉันเรียกให้นายมาหาอย่างนั้นแหละ

แน่นอนว่าเธอไม่สามารถพูดเช่นนี้ออกไปได้ เธอจึงทำได้แค่เพียงพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอรับทราบแล้ว

จ้านเซินลุกขึ้นยืน เมื่อเดินไปถึงประตู ฝีเท้าก็หยุดชะงัก เขาหันหน้ามองลงมาที่ฉินซี “ฉินซี ฉันจะไม่อยู่ที่ฐานปฏิบัติการสักสองสามวัน หวังว่าฉัน…จะไม่ได้รับรายงานว่าเธอถูกลงโทษอีกนะ”

ฉินซีกระพริบตาปริบๆ

จ้านเซินไม่อยู่อย่างนั้นเหรอ

สำหรับฉินซีแล้ว เรื่องนี้เทียบได้ว่าเป็นข่าวดีจากสวรรค์

ฉินซีดูจากประสบการณ์ในไม่กี่วันที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าคนอื่นๆในฐานปฏิบัติการดูท่าจะกลัวตัวเองอยู่ไม่มากก็น้อย

เธอรู้ดีว่า ระดับของตัวเองนั้น แม้จะอยู่ในสำนักงานใหญ่ก็ยังนับว่าสูงอยู่ดี

ถ้าจะให้พูดก็คือ คนที่สามารถจัดการกับตนเองได้นั้น…ก็มีแค่จ้านเซินเพียงคนเดียว

และหากยิ่งจ้านเซินไม่อยู่แล้วล่ะก็…แม่ว่าเธอจะไม่สามารถหนีได้ แต่เธอก็เป็นอิสระมากยิ่งขึ้น

แต่ความคิดเหล่านี้ยังคงสับสนวกวนอยู่ในหัวของฉินซี เธอไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา เพียงแค่พยักหน้ารับและพยายามทำน้ำเสียงให้ฟังดูเหมือนไม่ได้สนใจมากนัก “ไม่มีใครอยากถูกลงโทษอีกหรอก”

จ้านเซินมองเธอนิ่งๆอยู่นานก่อนที่จะเอ่ยขึ้น “เธอคิดแบบนั้นนั่นแหละดีที่สุดแล้ว ”

เมื่อพูดจบเขาก็บิดกรประตูและเดินออกไป

ในขณะที่ประตูเปิดออกและค่อยๆปิด ฉินซีมองลอดออกไปที่นอกประตู…ไม่มีคนเฝ้ายามเหมือนวันก่อนๆ

…หรือว่าตอนนี้เขาจะปลดการเฝ้าระวังตัวเราแล้วจริงๆอย่างนั้นเหรอ

ฉินซียังคงไม่ปักใจเชื่อ แต่หนำซ้ำก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานเพิ่มเติมอื่นๆอีกด้วย

เธอจึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าให้หมด จากนั้นก็ลุกขึ้น เริ่มเรียกหลักสูตรของวันนี้ตามที่จ้านเซินเป็นคนจัดการไว้ให้

บางที่อาจเป็นคำแนะนำของคนสวมชุดกาวน์ การฝึกร่างกายของเธอถูกย้ายไปเป็นช่วงเช้าทั้งหมด อีกทั้งระดับการฝึกยังไม่หนักเท่าเมื่อวาน

ถึงแม้ในใจฉินซีจะขี้เกียจ แต่มันก็ไม่มีผลอะไร เพราะผลของการฝึกในช่วงเช้า เสื้อผ้าของฉินซีก็เปียกปอนไปหมดแล้ว

เธอรีบกินอาหารไปไม่กี่คำ จากนั้นก็ไปอาบน้ำ ตกบ่ายก็เข้าไปอยู่ในห้อง

ตอนเข้าเรียน ไม่มีหญิงสาววัยรุ่นคนเมื่อวาน แต่เปลี่ยนเป็นหญิงสาววัยกลางคนแทน

เธอมองฉินซีด้วยสายตาเชิงสำรวจ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงแค่พยักหน้าให้เธอนั่งลง

ฉินซีจ้องมองใบหน้าของเธอพลางรู้สึกหวั่นในใจ

จ้านเซินรู้จุดอ่อนของเธอดี ดังนั้นจึงเลือกหญิงสาววัยกลางคนที่ดูเป็นมิตรเพื่อเริ่มบทเรียนล้างสมองเธอ

…มันเป็นเรื่องง่ายที่เธอจะถูกชักจูงไปโดยอัตโนมัติ จากผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่

แต่เมื่อเธอเริ่มพูดไปได้สักพัก ความสับสนในใจของฉินซีก็ค่อยๆหายไป

แม้จะเป็นคนวัยเดียวกัน แม้จะมีนิสัยคล้ายๆกัน แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนตรงหน้าพูดมาทั้งหมดนั้น ไม่มีทางส่งผลกระทบอะไรกับเธอ

หรืออาจเป็นเพราะ… ฟางฟางได้ทิ้งบทเรียนที่ลึกซึ้งให้กับเธอ เธอจึงไม่ยอมให้ใครชักจูงได้ง่ายๆอีกต่อไป

เมื่อเข้าใจได้เช่นนี้ ฉินซีก็รู้สึกโล่งใจ

เธอไม่ได้กะว่าจะเข้าคลาสเรียนแบบขอไปทีเหมือนวานนี้ แต่เธอกลับทำเหมือนว่าตั้งใจเรียน… เธอเรียนเหมือนกับก่อนหน้านี้ ตอนที่มีฟางฟางอยู่

หลังจากที่จบคลาส ท่าทางของผู้หญิงวัยกลางคนดูจะพอใจอยู่ไม่น้อย เธอเอื้อมมือมาตบบ่าของฉินซีพลางพูดอย่างยิ้มๆ “ถ้าเป็นแบบนี้แต่แรก ก็คงไม่ต้องลำบากแบบนี้ใช่ไหมล่ะ”

ฉินซียิ้มจางๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

……

หลักสูตรนี้ดำเนินไปได้สองสามวัน

ช่วงแรกฉินซีเต็มไปด้วยความระแวง ทุกครั้งที่ออกจากประตูไปเธอจะสังเกตสิ่งรอบข้างอย่างละเอียด แต่สองสามวันให้หลัง ในที่สุดความจริงก็ค่อยๆปรากฏว่า…จ้านเซินไม่ได้ให้ใครคอยติดตามเธอแล้วจริงๆ

ยังคงมีความรู้สึกแปลกๆอยู่ในใจของฉินซี แต่จริงๆแล้วเธอเองก็รู้สึกโล่งใจอยู่ไม่น้อย

เพราะอย่างนั้นเธอจึงเริ่มดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา

เธอไม่เคยคิดหวังว่าตอนนี้ตัวเองจะสามารถหนีออกจากจุดนี้ได้ แต่ทว่า…อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่าตัวเองกำลังต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวอยู่หรือไม่

…คนสวมชุดกาวน์

นับตั้งแต่ที่ตรวจร่างกายวันนั้น ฉินซีก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย

ตัวเขาช่างดูลึกลับเหลือเกิน

ในระหว่างที่ฉินซีอยู่ภายใต้การสะกดจิต แต่ยังคงรู้สึกสะลึมสะลือ สาเหตุที่ทำให้เธอออกจากอาการโคม่าได้ในที่สุด เป็นเพราะความกดดันจากโลกภายนอกลดลงไปมาก ไม่อย่างนั้นตัวเองก็คงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม หลังจากอาการโคม่าสั้นๆนี้ เธอยังคงตกอยู่ในความทรงจำของตัวเอง

คนที่สะกดจิตในคืนวันนั้น ก็คือคนสวมชุดกาวน์

หลังจากที่ตรวจสุขภาพ เขาก็เป็นคนเสนอขอลดการฝึกร่างกาย…

ฉินซีไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงช่วยเธอไว้ อีกทั้งยังไม่รู้จัดประสงค์ที่แท้จริงของเขาอีกด้วย

ทั้งหมดทั้งมวล เธอต้องสืบเสาะมันด้วยตัวเอง

แต่ก่อนหน้านี้ที่มีจ้านเซินอยู่ด้วย เขาคอยตามเธอทุกฝีก้าว ไม่ปล่อยให้เธอได้อยู่กับคนสวมชุดกาวน์ตามลำพัง

และตอนนี้…เขาไม่อยู่ที่สำนักงานใหญ่ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจากการถูกควบคุมไปไม่น้อย นี่นับเป็นโอกาสดีหรือเปล่านะ

เมื่อฉินซีคิดได้เช่นนี้ก็ตัดสินใจได้แล้วว่า…เธอจะต้องคุยกับคนสวมชุดกาวน์ให้ได้

แม้จะตัดสินใจได้แล้ว แต่การจำลงมือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

นอกจากห้องแล็บที่ตัวเองเข้าตรวจร่างกายแล้ว เธอไม่รู้ว่าคนสวมชุดกาวน์อยู่ส่วนไหนของสำนักงานใหญ่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนสวมชุดกาวน์อยู่ที่สำนักงานใหญ่หรือไม่

นอกจากนี้…เธอไม่รู้ว่าจ้านเซินจะกลับมาเมื่อไหร่

เขาเป็นเหมือนกับระเบิดเวลา หากเจอเขาขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นได้

แต่เพราะเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีทางจะยอมแพ้ง่ายๆไปแบบนี้

ฉินซีถือโอกาสตอนทานอาหาร ได้ยินมาว่าช่วงเวลานี้คนสวมชุดกาวน์จะอยู่ที่ห้องตรวจเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเครื่อง อีกทั้งยังรู้มาอีกว่าธุรกิจที่อยู่ในมือของจ้านเซินนั้นยุ่งยากมาก ใช้เวลาสิบถึงสิบห้าวันถึงจะกลับมา

ฉะนั้นฉินซีจึงมีแผนในใจเรียบร้อยแล้ว

……

หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ จ้านเซินไม่อยู่

เวลาคือช่วงอาหารเย็น คนส่วนใหญ่ยังคงรวมตัวกันที่ห้องอาหาร ฉินซีจะใช้ข้ออ้างว่าตัวเองไม่สบาย หลังจากที่กินข้าวไปคำสองคำก็จะรีบกลับไปที่ห้อง

อยู่ในห้องสักสองสามนาที จากนั้นค่อยเปิดประตูและเดินตรงไปที่ลิฟต์

ที่ที่เธออยู่เป็นอาคารหอพักทั้งหมด ช่วงเวลานี้ไม่มีคน ที่ทางเดินก็ว่างเปล่า

เธอเดินไปยังประตูลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน กดชั้นที่เป็นห้องตรวจโดยอิงจากความทรงจำของเธอ

ไม่มีใครขึ้นลิฟต์และทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น

ตั้งแต่แรกเริ่มจนตอนนี้ ฉินซีรู้สึกราวกับว่าหัวใจจุกอยู่ที่ลำคอ แต่ภายนอกกลับดูเหมือนไม่ประหม่าเลย เมื่อลิฟต์หยุด เธอก็ค่อยๆเดินไปยังห้องตรวจ

ที่ชั้นนี้ไม่มีวี่แววของคนเลย ส่วนพรมก็เก็บเสียงฝีเท้าได้อย่างเงียบเฉียบ

ฉินซีเดินไปที่ห้องตรวจพลางสังเกตสิ่งของรอบๆ

ในที่สุดเธอก็เดินมาถึงหน้าห้องตรวจ ขณะที่กำลังจะเคาะประตู กลับพบว่าประตูนั้นเปิดอยู่แล้ว

คิ้วของเธอขมวดขึ้นเป็นปม

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท