Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1214

ตอนที่ 1214

บทที่ 1214 ไร้หนทางหลบหนี

ลู่เซิ่นไม่เคยเป็นอย่างตอนนี้มาก่อน หวังว่าตัวเองจะระบายอารมณ์ออกมาได้

ร้องไห้ ทำลายข้าวของหรือหาคนชกต่อยด้วย ก็ดี

แต่สุดท้ายแล้วในตอนนี้เขานอนบนเตียงเงียบๆ

เขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน ความเหนื่อยล้าโถมทับร่างกายและจิตใจที่แทบไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน ทำให้เขาขมวดคิ้วค่อยๆ หลับไป

แต่ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไป ในหัวของเขาทันใดนั้นก็มีเสียงของหลินยี่ดังขึ้น

“นายแค่ปล่อยข่าว เรื่องแต่งงานกับเสี่ยวจิ้งนายก็จะรู้แล้ว ตอนนี้ฉินซีเป็นอย่างไรกันแน่”

……

ฉินซียังถูกขังที่สำนักงานใหญ่ ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าจิตใจของลู่เซิ่นเผชิญกับคลื่นลูกยักษ์ถาโถมอย่างไร

เธอยังคงถูกขังบนเกาะแห่งนี้

ตลอดเวลาทั้งวัน เธอไม่ได้ไปที่ไหนทั้งนั้น ได้แต่อยู่ในห้องตัวเอง

ใช่ว่าเธอไม่อยากจะหนีไปจากที่นี่

อันที่จริง หลังจากเธอรู้สึกตัวตื่นไม่นาน เธอเคยลองดูแล้ว

เพียงเธอแค่ผลักประตูออกไป ก็เห็นชายสองคนร่างสูงใหญ่กำยำเฝ้าหน้าประตู

เธอลองคิดแล้ว แน่ใจว่าตัวเองไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสองคนนี้

เช่นนั้น สองคนนี้เพิ่งถูกเลือกเข้ามาสำนักงานใหญ่ในช่วงหนึ่งปีนี้ที่เธอจากไป

“ฉินซี” สองคนนั้นกลับคุ้นเคยกับเธอดี “นายใหญ่สั่งไว้ ร่างกายคุณตอนนี้ยังต้องพักผ่อน อย่าออกไปเดินเตร่ ถึงเวลาจะมีคนเอาอาหารมาส่ง คุณกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะครับ”

เมื่อดูจากระดับในองค์กร สถานะของฉินซีสูงไม่น้อย น้ำเสียงของทั้งสองคนเคารพนบนอบ ฉินซีเดาได้ว่าตำแหน่งของพวกเขาคงต่ำกว่าตัวเอง

น้ำเสียงของเธอจึงแข็งขึ้นหน่อย “ฉันต้องพักผ่อนมั้ย ต้องให้พวกคุณบอกหรือไง ฉันนอนพอแล้ว อยากไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อย”

สองคนนั้นสบตากัน น้ำเสียงลำบากใจ “ฉินซี ไม่ใช่ว่าพวกเราจะไม่ให้คุณออกไป พวกเรา…ไม่กล้าฝืนคำสั่งของนายใหญ่ คุณอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย ได้มั้ยครับ”

ฉินซีจ้องมองทั้งสองคนสายตาเย็นชา

ที่จริงจ้านเซินคิดอย่างไร เธอไม่รู้เลย

เช้าวันนี้ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำ ก็คือพลิกดูกระเป๋าเดินทาง

กล่องที่ตัวเองนำมาจากรีสอร์ทชิงหยวน กระทั่งอุปกรณ์ถ่ายภาพ ก็ถูกส่งมาด้วย

มีแต่ข้าวของที่ติดต่อกับโลกภายนอกได้ ถูกเก็บไปหมด

มือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ทั้งหมดหายไปไร้ร่องรอย

จ้านเซินต้องการตัดขาดการติดต่อของเธอกับโลกภายนอก

ไม่ให้เธอออกไปข้างนอก คงจะกลัวว่าเธอจะไปเจออะไรข้างนอก หาเครื่องมือที่ติดต่อกับโลกภายนอกได้

ถ้าหากคนเราถูกขังเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการโรคสตอกโฮล์มกับคนร้ายที่ขังตัวเอง

แต่ฉินซีไม่มีทางปล่อยให้จ้านเซินสมหวังแน่

แต่สถานการณ์ตรงหน้าในตอนนี้ เธอไร้หนทางหลบหนีจริงๆ

แม้ความทรงจำของเธอจะกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ฝึกฝนมาปีกว่าแล้ว เมื่อก่อนเธอมีทักษะ แต่แรกเป็นประเภทป้องกันตัวไม่ใช่ประเภทจู่โจม ไม่ได้ฝึกฝนมานานขนาดนี้ ยากที่จะพร้อมใช้งาน

ไม้แข็งเป็นไปไม่ได้ ไม้อ่อนดูท่าแล้ว…ก็ไม่น่าจะได้ผล

คนเฝ้าประตูสองคนนี้ดูท่าทางแล้วไม่แข็งแกร่งนัก แต่ฉินซีก็รู้ดีว่า คนในองค์กร กับคำสั่งของจ้านเซินแล้ว ไม่อาจต่อต้านได้

เธอไม่มีทางเลือกอื่น จำใจปิดประตู นอนลงที่เตียงอีกครั้ง

ที่จริงเธอยังรู้สึกอ่อนล้า ไม่ว่าจะเป็นผลของยา หรือการสะกดจิตเมื่อวาน เหมือนกับใช้กำลังวังชาของเธอไปหมด ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเบาโหวง เก็บอุณหภูมิไม่ได้ และเก็บพลังงานไม่อยู่

แต่เมื่อหลับตา ก็ไม่อาจหลับลงได้

วานนี้ความทรงจำที่ถูกยัดเข้ามาในหัวเหมือนเม็ดต้นหลิวปลิดปลิว กระจัดกระจายในหัวของเธอ

เดี๋ยวก็เป็นสีเลือดตอนที่เหยาหมิ่นกระโดดตึก เดี๋ยวก็เป็นรอยยิ้มปนน้ำตาก่อนที่ฟางฟางจะจากไป เดี๋ยวก็…หอศิลป์เมื่อหนึ่งปีก่อน ใบหน้าด้านข้างของลู่เซิ่นตอนที่เอียงหน้ามองผลงานของตัวเอง

ฉินซียังคงปวดขมับ เหมือนถูกอะไรสักอย่างบีบเต็มแรง แต่เมื่อภาพพวกนี้ลอยเข้ามาเบื้องหน้าเธอ เธอยังคงมีปฏิกิริยาโดยอัตโนมัติ

เจ็บปวด หรือใจเต้น

จากนั้น ความทรงจำพวกนี้ก็ค่อยๆ เลือนรางลง เธอมีสมาธิกับการครุ่นคิดปัญหาหนึ่ง เธอจะหนีไปจากที่นี่ได้อย่างไร

แม้ว่าจะจำเรื่องที่เธอเกี่ยวข้องกับองค์กรได้แล้ว แต่เธอไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปสักนิดเดียว

เพราะคิดถึงความตายของฟางฟางยิ่งทำให้อยากหนีไปจากที่นี่

แต่เธอรู้ดี ที่นี่คือเกาะห่างไกล สภาพของเธอตอนนี้ ไม่มีหนทางจะหนีไปไหนได้

เธอหลับตานอนตลอดช่วงเช้า กระทั่งประตูมีเสียงแกรก ถูกเปิดจากด้านนอก

ฉินซีไม่ต้องลืมตา แค่ฟังเสียงฝีเท้า ก็รู้ว่าคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือจ้านเซิน

“ยังรู้สึกไม่สบายหรือ” น้ำเสียงจ้านเซินฟังแล้วเหมือนจะอบอุ่น ราวกับแค่ฟังเสียงก็มองเห็นสายตาที่เพ่งความสนใจฉินซี ทำให้นึกไม่ถึง เขาจะกล้าบังคับฉินซีมาที่นี่ ไม่สนใจว่าเธอเต็มใจหรือไม่สะกดจิตให้เธอจำเรื่องทุกอย่างได้

ฉินซีไม่ได้คิดจะหนีเขา เพียงแต่หลับตา ไม่ตอบคำถาม

“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้หลับ” จ้านเซินเดินมาที่ข้างเตียงฉินซี หยุดฝีเท้า มองเธอ “ลุกเถอะ คุณไม่ได้กินอาหารนานแล้ว ผมให้คนเตรียมอาหารย่อยง่ายให้แล้ว คุณบำรุงหน่อยละกัน”

ฉินซียังหลับตา ไม่ตอบอะไร

จ้านเซินกลับไม่เซ้าซี้ต่อ เพียงแต่ยิ้มนิดๆ “ถ้าคุณไม่ยอมกินข้าว ผมก็คงต้องให้คนมาเจาะน้ำเกลือให้สารอาหารเหลวใช่ว่าไม่ดี แต่ผมบอกไม่ได้นะ ในสารอาหารจะใส่อะไรลงไป”

ฉินซีทนไม่ได้ลืมตาในที่สุด ขมวดคิ้วจ้องมองจ้านเซินยิ้มเยาะ “ฉันควบคุมคุณใส่อะไรในสารอาหารเหลวไม่ได้ แล้วฉันจะควบคุมได้หรือไงว่าคุณจะใส่อะไรลงไปในอาหาร”

จ้านเซินไม่โต้ตอบคำพูดเสียดสีของเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ผมบอกแล้วไง คุณไม่ได้หลับ ตอนที่คุณหลับเป็นยังไง ผมรู้ดีกว่าคุณ หลอกผมไม่ได้หรอก”

ฉินซีได้ยินเช่นนั้น ไม่รู้สึกว่าอ่อนโยนสักนิด แต่กลับขนลุก

แกล้งหลับไม่มีประโยชน์แล้ว เธอลุกขึ้นนั่ง เหลือบมองอาหารที่จ้านเซินนำมา ถามเสียงเย็น “ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง อาหารนี่ปลอดภัย”

จ้านเซินยิ้มส่ายหน้า “คุณอยู่ตรงนี้แล้ว เรื่องที่ควรจำได้ก็นึกออกหมดแล้ว ผมต้องวางยาอีกทำไม”

ฉินซีไม่เชื่อคำพูดของเขา แต่เธอไม่มีวิธีการอะไรอย่างอื่น

ถ้าหากไม่กินอาหาร ก็ไม่มีกำลังวังชา

เรื่องหนีไปจากที่นี่ ก็คงเป็นเรื่องนานจากนี้

เมื่อคิดเช่นนี้ ฉินซีหยิบจานอาหารขึ้นมาในที่สุด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท