Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1226

ตอนที่ 1226

บทที่ 1226 ปลอมแปลงเสียงบันทึก

แต่ฉินซีกลับหัวเราะ “ก็เพราะว่าฉันปวดหัวหนักมากๆ เลยคิดในเรื่องที่ปกติไม่กล้าคิดยังไงล่ะ ไม่ก็ความทรงจำบางอย่างที่ยังคงหลงเหลืออยู่อาจส่งผลกระทบบางอย่าง ต่อให้คุณไม่พูดฉันก็ตั้งใจที่จะพูดแบบนี้ ว่าฉันไม่มีทางหักหลังคุณ”

เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา มันทำให้จ้านเซินสงสัยในตัวเธอน้อยลงและหันกลับไปมองที่เหยาจ้าวด้วยความคลางแคลงใจ

เหยาจ้าวเพียงแค่ยักไหล่เฉยๆ “ผมบอกไปแล้ว ตอนนั้นผมแค่ตรวจร่างกายให้เธอตามปกติ ส่วนข้อมูลการรักษาโดยละเอียดนั่นผมจำไม่ได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นฉินซียังถูกบังคับให้ปลุกความทรงจำตั้งมากมาย ตอนนั้นผมเคยคุยกับคุณแล้วว่าในอนาคตอาจเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นกับเธอ เช่นการปวดไมเกรนเป็นระยะๆ”

ดูเหมือนว่าเขาจะเคยคุยเรื่องนี้กับจ้านเซินมาก่อน คิ้วของเขาค่อยๆคลายออก แต่สีหน้ายังคงไม่ผ่อนคลาย

เขามองฉินซีสลับกับมองเหยาจ้าว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่นึงก็เริ่มเอ่ยปาก “พวกเธอสองคนถูกกักตัวจนกว่าฉันจะได้บทสนทนาที่ชัดเจนของพวกเธอ”

เขาพูดจบพลางลุกขึ้นยืน

ในสมองของฉินซีไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการถูกกักตัวอยู่เลย เธอคิดว่านี่คือการลงโทษรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่จ้านเซินเข้ามาบริหารองค์กร

แต่เมื่อมองเห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเหยาจ้าวแล้ว ฉินซีก็ยิ่งคิดไปเองว่าคงเป็นการกักขังธรรมดาๆก็เท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

ทันทีที่จ้านเซินโบกมือ ฉินซีและเหยาจ้าวก็ถูกพาตัวไปที่ห้องกักขัง

เมื่อฉินซีเห็นข้างในอย่างชัดๆ ก็อดที่จะหวั่นใจไม่ได้

ห้องกักขังไม่ใช่ห้องสีดำธรรมดาๆอย่างที่เธอคิด ในทางกลับกัน ในห้องนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยสักนิด

ห้องนั้นเล็กและแคบมาก จนอย่างกับว่าสามารถรองรับได้แค่เธอเพียงคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นในห้องยังมีตะเข็บแคบๆที่สร้างจากคอนกรีต มันจะพอดีกับรูปร่างของฉินซีก็ต่อเมื่อเธอขดตัวอยู่ในท่าที่บิดเบี้ยวในนั้น

นั่งไม่ได้ ยืนก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ขดตัวอยู่แบบนี้เท่านั้น ไม่นานนักเท้าก็เริ่มชา แต่ไม่มีพื้นที่พอที่จะยืดขาออก

ตอนนี้ฉินซีเพิ่งได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของห้องกักขัง

ห้องกักขังของ เหยาจ้าวอยู่ตรงข้ามกับเธอ ดังนั้นเธอจึงเห็นว่า เหยาจ้าวเองก็อยู่ในห้องนั้นด้วยท่าทางที่ดูอึดอัดเช่นเดียวกัน

คนที่รับผิดชอบพาพวกเขาเข้ามาในนี้ ปิดประตูด้านนอกและเดินออกไป ปล่อยให้ฉินซีและเหยาจ้าวอยู่กันสองคน

นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เหยาจ้าวมาที่นี่ สีหน้าของเขาดูเฉยเมย เขาหลับตาลงเหมือนต้องการพักผ่อน

แต่ฉินซีไม่ได้สงบนิ่งเหมือนกับเขา

เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก พูดกระซิบเสียงค่อย “พี่ชาย?”

เธอแทบจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตระกูลเหยาเลย ตระกูลเหยาล้มละลายหลังจากที่เธอเกิดได้ไม่นาน เหยาหมิ่นอยู่ภายใต้การดูแลของฉินซึ่งเทียน และไม่มีการติดต่อใดๆกับครอบครัวของตัวเอง โดยปกติแล้วฉินซีไม่เคยพบกับคนตระกูลเหยามาก่อน

ไม่คาดคิดว่าครั้งแรกที่ได้เจอกัน จะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

ตามที่กล่าวมานี้…การที่เหยาจ้าวคอยช่วยเหลือตัวเองมาตลอดนั้น ไม่ใช่ว่ามันไม่มีเหตุผล

เหยาจ้าวส่งเสียงออกมาเบาๆ ซึ่งถือเป็นการตอบสนองกลับสำหรับฉินซี

ฉินซีอดไม่ได้ที่จะถามต่อ “คุณเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉันจริงๆเหรอ”

เหยาจ้าวหัวเราะออกมาเบาๆ “เธอไม่เต็มใจที่จะเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธองั้นเหรอ”

ฉินซีอยากจะส่ายหน้า แต่ศีรษะกลับถูกับคอนกรีต จึงทำได้แค่ตอบกลับ “ฉันก็แค่รู้สึกว่ามัน…วิเศษสุดๆไปเลย”

นับจากที่เหยาหมิ่นจากไป เธอก็คิดว่าโลกนี้มันไม่มีความหมายอะไรกับเธออีกแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า ยังมีอานหยัน เพื่อนคนอื่นๆ ลู่เซิ่น…และยังมีพี่ชายอีกคนหนึ่ง

เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังคิดถึงลู่เซิ่นอีกแล้ว ฉินซีก็เม้มปากของตัวเอง

เหยาจ้าวพูดขึ้นได้ถูกเวลาพอดี “เธอไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราก่อนเธอเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ว่า…นี่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสองคนไม่ใช่หรือไง เราเป็นญาติกันแค่ในนาม จริงๆแล้วกลับไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ”

ในใจของฉินซีเกิดแสงสว่างวาบ เธอเข้าใจความหมายของเหยาจ้าวได้ทันที…ที่นี่ก็น่าจะมีเครื่องดักฟังอยู่ด้วย

ฉินซีจึงตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ “ฉันรู้อยู่แล้ว”

เหยาจ้าวตอบกลับอย่างเย็นชา “งั้นก็ดี รอให้ตรวจสอบเสียงบันทึกเสร็จเมื่อไหร่ จ้านเซินก็จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้พูดอะไรเลย เธอก็แค่ปวดหัวจนพูดอะไรไร้สาระก็เท่านั้น”

ฉินซียิ้ม แต่ความคิดมากมายผลุดเข้ามาในสมอง

สาเหตุที่เหยาจ้าวพูดออกมาแบบนี้ หรือเป็นเพราะว่า…เขาปลอมแปลงเสียงบันทึกนั้นงั้นเหรอ

ทำได้จริงๆเหรอ

ฉินซีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ที่นี่ไม่เหมาะที่จะพูดในตอนนี้ เหยาจ้าวเองก็ดูไม่คิดจะพูดอะไรต่ออีก ฉินซีจึงทำได้แค่สงบปากสงบคำ

ดังนั้นความสนใจทั้งหมดจึงกลับมาที่ตัวเอง

ท่านี้มัน…เจ็บชะมัด

ฉินซีรู้สึกว่าขาของเธอข้ามผ่านระยะของความเจ็บปวดไปแล้ว ถึงขั้นไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของขาตัวเอง แต่ถ้าเธอคิดจะขยับแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม เธอก็จะชนเข้ากับคอนกรีต

ไม่รู้ว่านี่เป็นการจงใจหรือไม่ พื้นผิวคอนกรีตในนี้หยาบมาก ผิวของฉินซีค่อนข้างบอบบาง แม้ถูเบาๆก็ทำให้ผิวถลอกได้

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ขาทั้งสองข้างของฉินซีไม่มีความรู้สึกแล้ว หัวเข่าและข้อศอกก็เสียดสีอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนตอนนี้มีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

แต่ประตูห้องกักขังยังคงปิดแน่น

ฉินซีไม่มีทางเลือก นอกจากคุยกับเหยาจ้าว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง

“คุณรู้ได้ยังไงว่าคนที่ให้ทุนสนับสนุนคุณคือองค์กร” ฉินซีสุ่มประเด็นสนทนา

เหยาจ้าวยังคงกังวลที่จะเบี่ยงความสนใจ เพราะอย่างนั้นจึงตอบคำถามนี้ “บังเอิญเจอเข้าหลังจากที่ฉันเข้ามาในองค์กร”

ฉินซีอยากจะพยักหน้า แต่ทั้งร่างกายไม่มีส่วนไหนตั้งตรงอยู่เลย เพราะอย่างนั้นจึงไม่ได้ควบคุมแรงได้ อีกทั้งหน้าผากก็ถูกเสียดสีอีกด้วย มันทำให้ดูยิ่งน่าสังเวชมากยิ่งขึ้น

ในขณะที่เธอคิดจะพูดนั้น จู่ๆประตูห้องกักขังก็เปิดออก

ฉินซีไม่ได้เงยหน้าขึ้น เพียงอาศัยฟังเสียงฝีเท้าก็รู้ได้ว่า คนที่เดินเข้ามาคือจ้านเซิน

เขาไม่ได้เดินเข้ามาทางฉินซี แต่กลับไปทางฝั่งของเหยาจ้าว จ้านเซินพูดสองสามประโยคจากนั้นก็สั่งให้คนปล่อยตัวเขา สองคนพยุงตัวเขาออกมาจากห้องกักขัง

ประตูปิดลงอีกครั้ง มีเพียงฉินซีและจ้านเซินเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องกักขัง

เขาก้าวไปที่ด้านหน้าของฉินซีอย่างช้าๆและทรุดตัวนั่งลงยองๆ

“แย่จัง ฉันได้ยินอะไรจากเสียงบันทึกไหมนะ” จ้านเซินพูดขึ้น

ฉินซีที่กำลังหลับตา ไม่ได้มองเขา เธอหัวเราะเยาะออกมาโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

จ้านเซินพยายามบีบให้เธอพูดออกมา

หากแต่เหยาจ้าวเตือนแล้วว่าสถานะของฉินซีในตอนนี้ ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง “มาตรการตกปลา”ของ จ้านเซินได้

แต่เหยาจ้าวได้เตือนเธอไว้แล้ว แน่นอนว่าฉินซีไม่ติดกับแน่นอน

สีหน้าของจ้านเซินเปลี่ยนไปดูอึมครึมเล็กน้อย “ตอนที่เธอปวดหัว สามารถพูดเรื่องไร้สาระได้มากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ”

ฉินซีเลิกคิ้วขึ้น “ตอนนั้นฉันจะไปรู้ได้ไงว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง”

“หืม?” จ้านเซินนิ่งไปชั่วขณะ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมากดสองสามครั้ง เสียงจากการบันทึกอันใหม่ก็ดังขึ้น

ฉินซีขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงของตัวเอง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท