Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1231

ตอนที่ 1231

บทที่ 1231 การแต่งงานที่มีความสุข

ผู้ประกาศพูดอย่างนั้น แต่จู่ๆเสียงของจ้านเซินก็ดังขึ้น

“ไม่มีประโยชน์จริงๆ” เขาเยาะเย้ย “ถ้าไม่สามารถขุดข้อมูลออกมาได้ ก็แสดงว่าลู่เซิ่นปิดได้เป็นอย่างดี”

ฉินซีไม่มีเวลาสนใจสิ่งที่เขาพูด เธอยังคงดูทีวีอย่างตั้งใจ

สิ่งที่ข่าวพูดเกี่ยวกับ “ความลับสุดยอด” เป็นเพียงเทคนิคเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่มีข้อมูลบางอย่างอยู่ในมือ เป็นเพียงแค่การรวบรวมข่าวซุบซิบต่างๆในตลาด

บางคนบอกว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลหวัง บางคนบอกว่าเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหลี่ และบางคนก็เดาว่าเขาแต่งงานที่เมืองหนาน แต่เมืองหนานกว้างมาก จึงไม่สามารถหาตัวอีกฝ่ายได้ชัดๆในทันที

เมื่อฉินซีได้ยินคำว่า “เมืองหนาน” นิ้วในกระเป๋าของเธอก็สั่นทันทีโดยไม่รู้ตัว

ลู่เซิ่นพบคู่สมรสที่เมืองหนาน

เธอเริ่มรู้สึกว่าจริงๆแล้ว เธอก็มีแนวโน้มที่จะมาโซคิสต์ในตนเอง เธออยากให้ข่าวนี้เปิดเผยได้ชัดๆว่าลู่เซิ่นแต่งงานกับใคร

เมื่อเทียบกับความเสียใจของเธอ เธอก็ยังอยากรู้มากกว่าอยู่ดีว่าใครเป็นคนสุดท้ายที่ได้อยู่กับลู่เซิ่น

แต่ข่าวไม่ได้ทำให้เธอดีใจขนาดนั้น

การคาดเดาในข่าวยังคงดำเนินต่อไป

“นักข่าวของเราแอบตามลู่เซิ่นมาหลายวัน และพบว่าเมื่อเขาเข้ามา เขาจะไม่ค่อยกลับไปที่คฤหาสน์ที่เขาเคยอาศัยอยู่มาตลอด แต่เขาจะอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลลู่ในประเทศ Fเสียมากกว่า การรักษาความปลอดภัยของเขาค่อนข้างเข้มงวด เราจึงได้แต่แอบตามนอกประตูเท่านั้น และจากคนที่เข้าออกก็แทบไม่มีอะไรตรงตามความต้องการของเราเลย”

ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นมา

ลู่เซิ่น…ไม่อยู่ในรีสอร์ทชิงหยวนแล้วหรอ

ทำไม

หรือว่า….ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของเขาไม่ชอบรีสอร์ทชิงหยวน

แต่คิดแล้วก็จริง รีสอร์ทชิงหยวนมีร่องรอยของตนเองมากเกินไป แถมรีสอร์ทชิงหยวนก็เป็นบ้านเก่าของตระกูลตัวเองอีก

เป็นไปไม่ได้ที่ลู่เซิ่นจะทำผิดต่อภรรยาของเขา และไปที่นั่น

เขาอาจจะตกแต่งรีสอร์ทชิงหยวนใหม่ หรือไม่ก็ซื้อคฤหาสน์อีกหลังอยู่ ตระกูลลู่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่อยู่เลย

ขณะที่ฉินซีกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ข่าวก็ตัดไปโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

เมื่อหอพักเงียบลงอีกครั้ง ฉินซีก็เพิ่งจะคิดได้ว่าข่าวถูกปิดโดยจ้านเซิน

“เป็นไงล่ะ ผมไม่ได้โกหกคุณเห็นมั้ย” จ้านเซินหันมองไปที่ฉินซี

เขามองตรงๆ พร้อมกับการถามอย่างชัดเจน ทำให้ฉินซีรู้สึกราวกับตกอยู่ภายใต้แว่นขยาย ที่เพียงแค่ขยับนิดเดียวก็รู้ได้ในทันที

นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมเธอจึงต้องใช้มือในกระเป๋าจิกเล็บลงบนฝ่ามือ เพื่อรักษาสีหน้าเฉยชาไว้

“ยังดีที่มีคุณ” เธอได้ยินตัวเองพูดแบบนั้น “ฉันไม่ได้โง่ถึงขนาดถูกหลอก และเก็บตัวอยู่ในความมืด”

จ้านเซินดูเหมือนจะพอใจกับคำตอบของเธอมาก จึงมีรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นเต็มปากของเขา “คุณฉลาดกว่าที่คิด ไหนๆก็เป็นแบบนี้แล้ว เรามาดูกันต่อไปเถอะ”

เขาตบที่นั่งข้างๆเขา และฉินซีก็รู้ว่าเขาต้องการให้เธอไปนั่งข้างๆเขา

เมื่อระยะห่างระหว่างคนสองคนใกล้กัน การเคลื่อนไหวทุกครั้งก็จะซ่อนได้ยากขึ้น

แต่ฉินซีก็กัดฟัน และนั่งลง

รีโมทคอนโทรลยังคงอยู่ในมือของจ้านเซิน ดังนั้นทันทีที่เขายกมือขึ้น ทีวีก็เปิดขึ้นอีกครั้ง

ข่าวยาวๆที่ไม่มีสาระสำคัญยังคงดำเนินต่อไป

“แม้ว่าเราจะไม่สามารถสืบหาหญิงใดได้จากชีวิตประจำวันของคุณลู่ แต่เราก็คงเดาได้ว่าเจ้าสาวลึกลับคนนี้น่าจะอยู่ในบ้านของตระกูลลู่” เสียงของผู้ประกาศข่าวหญิงนั้นไพเราะ แต่ก็เหมือนกับมีมีดที่อยู่ในนั้นปักมากลางใจฉินซีเต็มๆ “ดูเหมือนว่าเจ้าสาวคนนี้จะได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์จากตระกูลลู่ เราขอแสดงความยินดีกับคุณลู่ สำหรับการแต่งงานที่มีความสุขนี้ด้วย”

ฉินซีรู้สึกว่าฝ่ามือของเธออาจถูกจิกจนมีเลือดออกแล้ว

เธอยังสงสัยอยู่บ้างว่า ข่าวชิ้นนี้อาจถูกจ้านเซินจัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อมาทดสอบตัวเอง

เขาอาจต้องการใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนี้ เพื่อดูว่าเธอยังคงมีความคิดถึงลู่เซิ่นอยู่หรือไม่ ดังนั้นทุกประโยคในข่าวนี้จึงสามารถทำให้เธอเจ็บปวดได้อย่างแม่นยำ

“การแต่งงานที่มีความสุข”

ฉินซีแกล้งยิ้มอย่างมีความสุขในใจ

แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างเธอกับลู่เซิ่นนั้นเป็นข้อผิดพลาด ดังนั้นเธอจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้มันจบลงอย่างมีความสุข

และการแต่งงานในปัจจุบันของเขา คือบ้านที่ดีที่สุดของเขา

ฉินซีรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังมีเลือดไหล แต่ใบหน้าของเธอยังคงนิ่งเฉย

“คุณไม่ดูข่าวอื่นเหรอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ช่วงนี้ไม่น่าจะมีแค่ข่าวนี้ที่น่าสนใจนะ”

จ้านเซินหันหน้าไปมองเธอ และเลิกคิ้วอย่างสนใจ “ไม่อยากเห็นไปมากกว่านี้หรือว่า ลู่เซิ่นจะแต่งงานกับใคร”

ฉินซีหันหน้าไปมองเขาด้วยสีหน้าสงบ “ฉันเห็นจากคุณไปแล้วไม่ใช่หรอ นักข่าวพวกนี้จะขุดข่าวได้ลึกแค่ไหนกันเชียว”

น้ำเสียงของเธอนิ่งมาก เหมือนกับคนอื่นๆที่พูดถึงการแต่งงานที่ร่ำรวยของลู่เซิ่น และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน

จ้านเซินยกมุมปากขึ้นมายิ้ม “ที่คุณพูดก็ถูก”

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนช่องทันที แต่ยังอยู่ข้างฉินซี และดูข่าวเกี่ยวกับการแต่งงานของลู่เซิ่นทั้งหมด

เล็บของฉินซีจิกจนเป็นแผล แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด

เธอแทบจะไม่สามารถรักษาท่าทางนิ่งเฉยของเธอได้ถ้า ถ้าจ้านเซินเข้าใกล้เธออีกนิด ก็จะสามารถรู้สึกได้ถึงการสั่นเล็กน้อยของเธอได้

โชคดีที่เขาไม่ทำ

จ้านเซินนั่งข้างๆเธอเหมือนเด็กเล่นตลกไม่มีผิด เขาแสดงความคิดเห็นในทุกข่าวอย่างไม่ใส่ใจ และบังคับให้ ฉินซีเห็นด้วยกับเขาด้วย

ฉินซีใช้สมองที่แทบจะไม่มีสติควบคุมตัวเอง และพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง

นี่เป็นการทรมานชัดๆ

แต่จ้านเซินดูเหมือนจะสนุกกับมันมาก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนกระทั่งไม่มีข่าวเกี่ยวกับการแต่งงานของลู่เซิ่นอีก จ้านเซินจึงค่อยพูดอย่างเกียจคร้านว่า “นานมากแล้วที่ไม่ได้ว่างมานั่งดูทีวีนานขนาดนี้”

ฉินซียกมุมปากแสดงรอยยิ้มเล็กน้อย “ฉันไม่ได้สัมผัสทีวีมาสองเดือนครึ่งแล้ว”

จ้านเซินยิ้ม และวางรีโมทในมือลง “งั้นจากนี้ไป คุณดูได้แล้ว”

ฉินซีเม้มปาก และพยักหน้า แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาทันที

น้ำเสียงของจ้านเซินจริงจังอีกครั้ง และเขาพูดซ้ำเป็นครั้งที่สามแล้วในคืนนี้ “ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”

ฉินซีหัวเราะเย็นๆในใจ

อะไรกลับมาแล้ว

ฉินซีที่เขารู้จักตอนนั้นได้ตายไปแล้ว

ในคืนที่ฟางฟางและตนเองล่ำลากัน ตอนที่เหยาหมิ่นกระโดดลงจากตึกในตอนเช้าตรู่ และหายตัวไปจากโลกนี้

สิ่งที่เขากำลังเจออยู่ตอนนี้ ก็มีเพียงใครบางคนที่จงใจจะทิ้งเขาไป

“ลู่เซิ่นเตรียมที่จะแต่งงานแล้ว และคุณก็ได้กลับมาที่องค์กรแล้ว” สายตาของจ้านเซินลึกลับจ้องไปที่ฉินซี “นี่เป็นจุดจบที่ดีที่สุดระหว่างคุณไม่ใช่เหรอ”

ฉินซียิ้ม “แน่นอนว่านี่คือตอนจบที่ดีที่สุด”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท