บทที่ 1231 การแต่งงานที่มีความสุข
ผู้ประกาศพูดอย่างนั้น แต่จู่ๆเสียงของจ้านเซินก็ดังขึ้น
“ไม่มีประโยชน์จริงๆ” เขาเยาะเย้ย “ถ้าไม่สามารถขุดข้อมูลออกมาได้ ก็แสดงว่าลู่เซิ่นปิดได้เป็นอย่างดี”
ฉินซีไม่มีเวลาสนใจสิ่งที่เขาพูด เธอยังคงดูทีวีอย่างตั้งใจ
สิ่งที่ข่าวพูดเกี่ยวกับ “ความลับสุดยอด” เป็นเพียงเทคนิคเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่มีข้อมูลบางอย่างอยู่ในมือ เป็นเพียงแค่การรวบรวมข่าวซุบซิบต่างๆในตลาด
บางคนบอกว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลหวัง บางคนบอกว่าเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหลี่ และบางคนก็เดาว่าเขาแต่งงานที่เมืองหนาน แต่เมืองหนานกว้างมาก จึงไม่สามารถหาตัวอีกฝ่ายได้ชัดๆในทันที
เมื่อฉินซีได้ยินคำว่า “เมืองหนาน” นิ้วในกระเป๋าของเธอก็สั่นทันทีโดยไม่รู้ตัว
ลู่เซิ่นพบคู่สมรสที่เมืองหนาน
เธอเริ่มรู้สึกว่าจริงๆแล้ว เธอก็มีแนวโน้มที่จะมาโซคิสต์ในตนเอง เธออยากให้ข่าวนี้เปิดเผยได้ชัดๆว่าลู่เซิ่นแต่งงานกับใคร
เมื่อเทียบกับความเสียใจของเธอ เธอก็ยังอยากรู้มากกว่าอยู่ดีว่าใครเป็นคนสุดท้ายที่ได้อยู่กับลู่เซิ่น
แต่ข่าวไม่ได้ทำให้เธอดีใจขนาดนั้น
การคาดเดาในข่าวยังคงดำเนินต่อไป
“นักข่าวของเราแอบตามลู่เซิ่นมาหลายวัน และพบว่าเมื่อเขาเข้ามา เขาจะไม่ค่อยกลับไปที่คฤหาสน์ที่เขาเคยอาศัยอยู่มาตลอด แต่เขาจะอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลลู่ในประเทศ Fเสียมากกว่า การรักษาความปลอดภัยของเขาค่อนข้างเข้มงวด เราจึงได้แต่แอบตามนอกประตูเท่านั้น และจากคนที่เข้าออกก็แทบไม่มีอะไรตรงตามความต้องการของเราเลย”
ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นมา
ลู่เซิ่น…ไม่อยู่ในรีสอร์ทชิงหยวนแล้วหรอ
ทำไม
หรือว่า….ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของเขาไม่ชอบรีสอร์ทชิงหยวน
แต่คิดแล้วก็จริง รีสอร์ทชิงหยวนมีร่องรอยของตนเองมากเกินไป แถมรีสอร์ทชิงหยวนก็เป็นบ้านเก่าของตระกูลตัวเองอีก
เป็นไปไม่ได้ที่ลู่เซิ่นจะทำผิดต่อภรรยาของเขา และไปที่นั่น
เขาอาจจะตกแต่งรีสอร์ทชิงหยวนใหม่ หรือไม่ก็ซื้อคฤหาสน์อีกหลังอยู่ ตระกูลลู่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่อยู่เลย
ขณะที่ฉินซีกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ข่าวก็ตัดไปโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อหอพักเงียบลงอีกครั้ง ฉินซีก็เพิ่งจะคิดได้ว่าข่าวถูกปิดโดยจ้านเซิน
“เป็นไงล่ะ ผมไม่ได้โกหกคุณเห็นมั้ย” จ้านเซินหันมองไปที่ฉินซี
เขามองตรงๆ พร้อมกับการถามอย่างชัดเจน ทำให้ฉินซีรู้สึกราวกับตกอยู่ภายใต้แว่นขยาย ที่เพียงแค่ขยับนิดเดียวก็รู้ได้ในทันที
นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมเธอจึงต้องใช้มือในกระเป๋าจิกเล็บลงบนฝ่ามือ เพื่อรักษาสีหน้าเฉยชาไว้
“ยังดีที่มีคุณ” เธอได้ยินตัวเองพูดแบบนั้น “ฉันไม่ได้โง่ถึงขนาดถูกหลอก และเก็บตัวอยู่ในความมืด”
จ้านเซินดูเหมือนจะพอใจกับคำตอบของเธอมาก จึงมีรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นเต็มปากของเขา “คุณฉลาดกว่าที่คิด ไหนๆก็เป็นแบบนี้แล้ว เรามาดูกันต่อไปเถอะ”
เขาตบที่นั่งข้างๆเขา และฉินซีก็รู้ว่าเขาต้องการให้เธอไปนั่งข้างๆเขา
เมื่อระยะห่างระหว่างคนสองคนใกล้กัน การเคลื่อนไหวทุกครั้งก็จะซ่อนได้ยากขึ้น
แต่ฉินซีก็กัดฟัน และนั่งลง
รีโมทคอนโทรลยังคงอยู่ในมือของจ้านเซิน ดังนั้นทันทีที่เขายกมือขึ้น ทีวีก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
ข่าวยาวๆที่ไม่มีสาระสำคัญยังคงดำเนินต่อไป
“แม้ว่าเราจะไม่สามารถสืบหาหญิงใดได้จากชีวิตประจำวันของคุณลู่ แต่เราก็คงเดาได้ว่าเจ้าสาวลึกลับคนนี้น่าจะอยู่ในบ้านของตระกูลลู่” เสียงของผู้ประกาศข่าวหญิงนั้นไพเราะ แต่ก็เหมือนกับมีมีดที่อยู่ในนั้นปักมากลางใจฉินซีเต็มๆ “ดูเหมือนว่าเจ้าสาวคนนี้จะได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์จากตระกูลลู่ เราขอแสดงความยินดีกับคุณลู่ สำหรับการแต่งงานที่มีความสุขนี้ด้วย”
ฉินซีรู้สึกว่าฝ่ามือของเธออาจถูกจิกจนมีเลือดออกแล้ว
เธอยังสงสัยอยู่บ้างว่า ข่าวชิ้นนี้อาจถูกจ้านเซินจัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อมาทดสอบตัวเอง
เขาอาจต้องการใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนี้ เพื่อดูว่าเธอยังคงมีความคิดถึงลู่เซิ่นอยู่หรือไม่ ดังนั้นทุกประโยคในข่าวนี้จึงสามารถทำให้เธอเจ็บปวดได้อย่างแม่นยำ
“การแต่งงานที่มีความสุข”
ฉินซีแกล้งยิ้มอย่างมีความสุขในใจ
แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างเธอกับลู่เซิ่นนั้นเป็นข้อผิดพลาด ดังนั้นเธอจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะทำให้มันจบลงอย่างมีความสุข
และการแต่งงานในปัจจุบันของเขา คือบ้านที่ดีที่สุดของเขา
ฉินซีรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังมีเลือดไหล แต่ใบหน้าของเธอยังคงนิ่งเฉย
“คุณไม่ดูข่าวอื่นเหรอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ช่วงนี้ไม่น่าจะมีแค่ข่าวนี้ที่น่าสนใจนะ”
จ้านเซินหันหน้าไปมองเธอ และเลิกคิ้วอย่างสนใจ “ไม่อยากเห็นไปมากกว่านี้หรือว่า ลู่เซิ่นจะแต่งงานกับใคร”
ฉินซีหันหน้าไปมองเขาด้วยสีหน้าสงบ “ฉันเห็นจากคุณไปแล้วไม่ใช่หรอ นักข่าวพวกนี้จะขุดข่าวได้ลึกแค่ไหนกันเชียว”
น้ำเสียงของเธอนิ่งมาก เหมือนกับคนอื่นๆที่พูดถึงการแต่งงานที่ร่ำรวยของลู่เซิ่น และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
จ้านเซินยกมุมปากขึ้นมายิ้ม “ที่คุณพูดก็ถูก”
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนช่องทันที แต่ยังอยู่ข้างฉินซี และดูข่าวเกี่ยวกับการแต่งงานของลู่เซิ่นทั้งหมด
เล็บของฉินซีจิกจนเป็นแผล แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด
เธอแทบจะไม่สามารถรักษาท่าทางนิ่งเฉยของเธอได้ถ้า ถ้าจ้านเซินเข้าใกล้เธออีกนิด ก็จะสามารถรู้สึกได้ถึงการสั่นเล็กน้อยของเธอได้
โชคดีที่เขาไม่ทำ
จ้านเซินนั่งข้างๆเธอเหมือนเด็กเล่นตลกไม่มีผิด เขาแสดงความคิดเห็นในทุกข่าวอย่างไม่ใส่ใจ และบังคับให้ ฉินซีเห็นด้วยกับเขาด้วย
ฉินซีใช้สมองที่แทบจะไม่มีสติควบคุมตัวเอง และพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
นี่เป็นการทรมานชัดๆ
แต่จ้านเซินดูเหมือนจะสนุกกับมันมาก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนกระทั่งไม่มีข่าวเกี่ยวกับการแต่งงานของลู่เซิ่นอีก จ้านเซินจึงค่อยพูดอย่างเกียจคร้านว่า “นานมากแล้วที่ไม่ได้ว่างมานั่งดูทีวีนานขนาดนี้”
ฉินซียกมุมปากแสดงรอยยิ้มเล็กน้อย “ฉันไม่ได้สัมผัสทีวีมาสองเดือนครึ่งแล้ว”
จ้านเซินยิ้ม และวางรีโมทในมือลง “งั้นจากนี้ไป คุณดูได้แล้ว”
ฉินซีเม้มปาก และพยักหน้า แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาทันที
น้ำเสียงของจ้านเซินจริงจังอีกครั้ง และเขาพูดซ้ำเป็นครั้งที่สามแล้วในคืนนี้ “ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”
ฉินซีหัวเราะเย็นๆในใจ
อะไรกลับมาแล้ว
ฉินซีที่เขารู้จักตอนนั้นได้ตายไปแล้ว
ในคืนที่ฟางฟางและตนเองล่ำลากัน ตอนที่เหยาหมิ่นกระโดดลงจากตึกในตอนเช้าตรู่ และหายตัวไปจากโลกนี้
สิ่งที่เขากำลังเจออยู่ตอนนี้ ก็มีเพียงใครบางคนที่จงใจจะทิ้งเขาไป
“ลู่เซิ่นเตรียมที่จะแต่งงานแล้ว และคุณก็ได้กลับมาที่องค์กรแล้ว” สายตาของจ้านเซินลึกลับจ้องไปที่ฉินซี “นี่เป็นจุดจบที่ดีที่สุดระหว่างคุณไม่ใช่เหรอ”
ฉินซียิ้ม “แน่นอนว่านี่คือตอนจบที่ดีที่สุด”