Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1232

ตอนที่ 1232

บทที่ 1232 งานแต่งงานที่ได้รับพร

หลังจากส่งจ้านเซินออกไปจากประตู ฉินซีก็เพิ่งจะรู้ว่าหลังของเธอมีเหงื่อชุ่มไปหมด

แต่เธอไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย เธอยังคงรักษาท่าทางสงบ จนกระทั่งเดินไปที่ห้องน้ำ เธอก็ค่อยๆก้มลง

เธอฝังใบหน้าลงบนฝ่ามือ จนทำให้โดนบาดแผลที่ฝ่ามือโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

คำพูดสุดท้ายก่อนที่จ้านเซินจะออกไปยังคงก้องอยู่ในหูของเธอ

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป คุณไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปรึกษาทางจิตอีกต่อไป”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ออกจากหอพักไป

จากนั้นฉินซีก็เข้าใจว่าทุกอย่างในคืนนี้เป็นการทดสอบของจ้านเซิน

ไม่ว่าจะเป็นทีวี หรือข่าว เขาเองที่เลือกอย่างตั้งใจ

หากเธอแสดงความไม่พอใจเพียงเล็กน้อยต่อลู่เซิ่น ภายใต้การกระตุ้นที่รุนแรงเช่นนี้ สิ่งที่เธอพยายามทำในช่วงสองเดือนครึ่งที่ผ่านมาก็จะเปล่าประโยชน์

โชคดีที่เธอแบกมันไว้ และได้รับความไว้วางใจจากสุดท้ายจ้านเซิน

เธอรู้ว่าการที่ไม่ต้องไปที่เรียนล้างสมองอีก เป็นเพียงขั้นตอนแรก และมันไม่ได้หมายความว่าจ้านเซินจะเชื่อใจเธออย่างสมบูรณ์เหมือนเมื่อก่อน

แต่นี่เป็นพัฒนาการที่ดีมาก

อีกไม่นาน…เธออาจจะสามารถออกจากงานได้ ออกจากองค์กรนี้ได้

คนในองค์กรค่อนข้างมีอิสระในการปฏิบัติงาน

พวกเขาไม่รักษาการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับองค์กรอีกต่อไป ซึ่งเป็นการปกป้ององค์กร

และในกรณีนี้…ถ้าฉินซีใช้ประโยชน์จากมันดีๆ เธออาจจะได้หยุดพัก และได้พบกับลู่เซิ่น

แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉินซีก็รู้สึกสับสนอีกครั้ง

เธอจำเป็นต้องพบกับลู่เซิ่นจริงๆหรือ

เขากำลังจะแต่งงานแล้ว

คำตอบที่ฉันต้องการนั้นยังมีความหมายอยู่หรือไม่

เธอไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้

ฉินซีหลับตา ยืนขึ้น และเปิดก๊อกรองน้ำเย็นในมือสาดลงบนใบหน้าของตัวเอง

เธอออกจากที่นี่เพื่อลู่เซิ่น แต่ก็ไม่ใช่สำหรับเขาทั้งหมด

เหตุผลหลักที่สุดคือ เธอไม่ควรกลายเป็นเครื่องจักรขององค์กร

เธอต้องการเป็นอิสระ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความคิดของฉินซีที่ไม่แน่นอน และปั่นป่วนตอนนี้ก็สงบลง

ทำทุกสิ่งเพื่อคนอื่น มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และการวางความหวัง หรือความไว้ใจทั้งหมดไว้กับคนอื่นก็เป็นเรื่องหลอกลวง

ทำเพื่อตัวเองเท่านั้นถึงเป็นนิรันดร์

ฉินซีตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆภายใต้น้ำเย็นๆ จากนั้นดวงตาที่ว่างเปล่าของเธอก็แข็งขึ้นเล็กน้อย

เพื่อตัวเธอเอง เธอต้องหาทางออกไป

ไปหาลู่เซิ่น…เป็นเพียงหนึ่งในเงื่อนไขเพิ่มเติม

ฉินซีอาบน้ำอย่างดี และเมื่อเธอออกมา ก็ถึงเวลาปิดไฟแล้ว

ไม่มีไฟในห้อง ห้องจึงดูมืดถนัดตา

เธออยากไปที่หน้าทีวี และหยิบรีโมทขึ้นมา เพื่อเปิดดูใบหน้าของลู่เซิ่นดีๆอีกครั้งมาก แต่เธอก็ข่มมันไว้

เธอรู้ว่า แม้ว่าห้องของเธอจะไม่ได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังใดๆ แต่…เธอใช้ทีวีดูข่าวอะไร จ้านเซินจะต้องรู้อย่างแน่นอน

ตะกี้เธอบอกว่าข่าวนี้ไม่น่าสนใจสำหรับเธอ ถ้าเธอหันหน้ามาอ่านอีกครั้ง มันจะดูขัดแย้งกัน

ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ระงับความคิดทั้งหมดของเธอ บังคับตัวเองให้ไปที่เตียง และฝังตัวเองลงบนหมอน

แต่ข่าวที่เห็นตอนกลางคืนก็ก้องอยู่ในหูของเธออีก

เมื่อไม่นานมานี้ เธอได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับความจำเชาวน์ปัญญามากมาย แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าสมองของเธอจะใช้ทักษะความจำเหล่านี้เพื่อจดจำข่าวของคืนนี้ เธอยังสามารถท่องทุกประโยคที่ผู้ประกาศข่าวพูดทีละประโยคแม้ว่าเธอตั้งใจที่จะลืมทั้งหมด

งานแต่งงานที่มีแต่ความสุข …

ฉินซีกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างหงุดหงิด และมองขึ้นไปที่เพดาน

แต่สมองของเธอก็ไม่ได้หยุดคิด เมื่อข่าวถูกขัดจังหวะ เธอก็นึกถึงวิดีโอที่จ้านเซินเอาให้ตัวเองดูได้

วิดีโอของลู่เซิ่นที่เข้าไปในเรือนจำ

ฉินซีมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าเธอและจ้านเซิน เป็นสองคนที่อยู่นอกแผนของลู่เซิ่น ที่ได้เห็นเจ้าสาวของเขา

ทำไมเขาต้องปิดบังผู้หญิงคนนั้นอย่างหนาแน่น

เพราะเธอออกมาจากคุกหรอ

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ขยายใบหน้าของผู้หญิงในหัวของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

ตอนเธอดูวิดีโอ เธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นคุ้นมาก

แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ในเมืองหนาน และฉินซีจำไม่ได้ว่าเธอเคยรู้จักใครบ้างในเมืองหนาน

เดี๋ยวนะ

ดวงตาของฉินซีก็เบิกกว้างขึ้น

เธอจำได้ว่าเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหน

ในวันที่เธอไปงานประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ฉินซึ่งเทียนโยนนิตยสารทิ้งมาโดนใบหน้าของเธอ

ลู่เซิ่นบังคับให้เธอไปที่โรงพยาบาลกลางเพื่อตรวจหน้า และหมอที่รับการรักษา…คือเธอคนนั้น

ฉินซีครุ่นคิดอย่างหนัก

ชื่อของเธอคือ……

ใช่……

เวินจิ้ง!

ฉินซีเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน แล้วเหงื่อเย็นๆก็ออกมาบนฝ่ามือของเธอไม่หยุด

ลู่เซิ่นและเวินจิ้ง …พบกันมานานแล้วหรือ

ฉินซียังจำได้ว่า ในเวลานั้นหลังจากที่เธอพูดถึงเวินจิ้ง ลู่เซิ่นก็จะเหม่อลอยเล็กน้อย

ในตอนนั้นเธอคิดว่าความเหม่อลอยของลู่เซิ่น เป็นเพราะตัวเธอ เพราะเขาไม่พอใจกับความไม่สนโลกๆใดๆก่อนหน้านี้ของเธอ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าเป็นเพราะการมีอยู่ของเวินจิ้ง

พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ความรักเกิดขึ้นเมื่อใด กำหนดชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่

ฉินซีรู้สึกว่ามีไฟลุกไหม้ในอกของเธอ

เดิมทีเธอคิดว่าลู่เซิ่นได้พบใครบางคนหลังจากหย่าร้างกับตัวเอง

เธอเป็นคนขอหย่าด้วยตัวเอง ดังนั้นเป็นเธอที่ยอมทิ้งโอกาสไป เธอจึงไม่สามารถโทษคนอื่นได้

แต่ถ้าเป็นเวินจิ้ง…

ถ้าทั้งสองคนรู้จักกันตั้งนานแล้ว

หรือว่าลู่เซิ่นจะติดต่อกับเวินจิ้งตั้งแต่ตอนที่เขายังแต่งงานอยู่กับเธอแล้ว

ฉินซีรู้สึกมึนงงกับข่าวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ไม่สามารถเย็นได้อีกต่อไป

เธอเอาเรื่องที่เกิดหลังจากตอนนั้นเรื่อยมาจนถึงตอนที่ลู่เซิ่นไม่คืนดีกับเธอมาขบคิด ทันใดนั้นก็เริ่มหวาดระแวงขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อคนคิดไปด้านหนึ่งแล้ว เขาก็จะเอาข้อมูลทั้งหมดโยงไปให้เป็นไปตามข้อสรุปที่ตัวเองคิดตั้งแต่แรกได้

ดังนั้นจิตใจของฉินซีในขณะนี้จึงสับสนวุ่นวาย

เธอรู้ดี ตามนิสัยของลู่เซิ่น เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหาคนอื่นมาแต่งงานด้วยไปเรื่อย ดังนั้นคนๆนี้จึงต้องคุ้นเคยกับเขามานาน เตรียมตัวดีแล้ว และเข้าใจกันเป็นอย่างดี

ถ้าเขาและเวินจิ้งรู้จักกันมาก่อน การแสดงของลู่เซิ่นก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดาอีก

ตอนที่แต่งงานกับเธอ เขาก็เป็นคนอ่อนโยนสุดๆ ดังนั้นการหลอกตัวเองไม่ได้ยากขนาดนั้น

ฉินซีไม่ได้ร้องไห้ แต่คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่น

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมลู่เซิ่นถึงทำแบบนี้

หลอกเธอ เล่นกับความรู้สึกของเธอ เป็นเรื่องที่น่ายินดีนักหรอ

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยอ่อนไหวเลย และถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำของเขาในภายหลัง เธอก็จะไม่มีทางสนใจเขา

ทั้งหมดนี้…มันเพราะอะไรกันแน่

ฉินซีรู้สึกว่ามีไฟออกมาจากหัวใจของเธอ

มันคือความโกรธ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท