Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1236

ตอนที่ 1236

บทที่ 1236 แลกแหวน

เช้าวันรุ่งขึ้น สำนักข่าวบันเทิงเกือบทั้งหมดต่างปล่อยข่าวซุบซิบออกมาเป็นเรื่องเดียวกัน

“บริษัทลู่ซื่อออกแถลงการณ์ ประกาศว่าประธานลู่เซิ่นแต่งงานแล้ว”

ข่าวนี้ได้จุดชนวนในใจของหนุ่มสาวที่ชอบในการซุบซิบนินทาตามท้องถนน และตรอกซอกซอยในทันที ตั้งแต่แผงขายของตอนเช้าที่ทางเท้า ไปจนถึงร้านกาแฟชั้นล่าง แทบทุกคนพูดถึงสิ่งเดียวกันบนโซเชียล จำนวนอดีตรักของประธานลู่, ใครคือสะใภ้ตระกูลลู่ บทความที่ไม่มีเค้ามูลอะไรเลย ก็สามารถทำให้ทุกคนเอามาคุยกันได้อย่างกระตือรือร้นว่าที่จริงแล้วเจ้าสาวของลู่เซิ่นคือใครกันแน่

“อ่านข่าวยัง เขาปฏิเสธทุกคนที่มีข่าวออกมาตอนนี้!”

“ฉันเห็นแล้ว! เธอว่าในประเทศ F ไม่ใช่ตระกูลหลี่ แล้วก็ไม่ใช่ตระกูลหวัง แล้วจะมีใครให้เลือกอีก!”

“เป็นไปได้ไหมที่จะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่”

“เป็นไปได้ยังไง! ผู้หญิงธรรมดาที่ไหนจะสามารถแต่งเข้าตระกูลลู่ได้”

ฉินซีซึ่งอยู่บนเกาะที่ห่างออกไป เมื่อเปิดทีวีเห็นข่าวนี้โดยธรรมชาติ

เธอเม้มริมฝีปาก และต้องการเปลี่ยนช่อง แต่พบว่าสถานีโทรทัศน์เกือบทุกช่องออกอากาศข่าวเดียวกัน

“ ทำไมไม่ดู”

จ้านเซินที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เดินเข้าไปข้างๆเธอ และเงยหน้าขึ้นมองเนื้อหาในทีวี จากนั้นก็หันไปมองฉินซียิ้มๆ “ทำไมล่ะ ลู่เซิ่นจะแต่งงานแล้ว รู้สึกไม่ดีหรอ”

ฉินซียิ้มอ่อนๆ

ตอนนี้เธอสามารถปกปิดความคิดภายในที่แท้จริงของเธอได้อย่างชำนาญ และผู้คนไม่สามารถมองเห็นข้อบกพร่องได้เลย

“ฉันแค่อยากดูสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่คิดไม่ถึงว่าข่าวทั้งหมดจะเป็นข่าวซุบซิบ”

จากนั้นจ้านเซินก็ถอนสายตาจับผิด และยิ้มจางๆ “เขาเป็นถึงหัวหน้าตระกูลลู่ ช่องข่าวบันเทิงต้องอยากรู้คู่แต่งงานของเขาอยู่แล้ว และช่องทางการเงินก็ต้องการทราบว่าข่าวนี้จะส่งผลต่อราคาหุ้นของบริษัทลู่ซื่อยังไง แม้แต่ช่องข่าวดั้งเดิมส่วนใหญ่ก็ต้องออกอากาศเช่นกัน”

ฉินซีพยักหน้า แล้วเปลี่ยนช่องอีกสองสามช่อง จนในที่สุดก็เลิกหาข่าวอื่น และพยายามแสดงออกอย่างไม่สนใยในขณะที่ฟังเนื้อหาในข่าว

เธอรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเธอถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งยังคงวิ่งอยู่ในร่างกายเพื่อควบคุมท่าทาง และอีกครึ่งหนึ่งกำลังบินออกจากร่าง มองดูตัวเองอย่างเวทนา

แม้จะรู้สึกว่าตัวเองน่าขำ แต่เนื้อหาของข่าวยังคงเข้าหูเธอทุกคำ

“โฆษกของบริษัทลู่ซื่อกล่าวว่า ประธานลู่จดทะเบียนสมรสเมื่อเร็วๆนี้ และจะไม่มีการประกาศชื่อ และตัวตนของเจ้าสาวในขณะนี้ งานแต่งงานยังเป็นงานแต่งงานส่วนตัว และจะจัดขึ้นในบ้านเก่าของตระกูลลู่ เฉพาะผู้ที่ได้รับคำเชิญเท่านั้นที่สามารถเข้างานได้….”

ฉินซีอยู่ในความสับสน ไม่สามารถยับยั้งจินตนาการของตัวเองได้ ว่างานแต่งงานของลู่เซิ่นจะเป็นอย่างไร

แม้ว่าลู่เซิ่นดูเหมือนจะไม่ใช่คนรักโรแมนติก แต่ฉินซีก็รู้ดีว่ารสนิยมทางสุนทรียภาพของเขานั้นดีมาก

ดังนั้นเจ้าสาวของเขาจะสวมชุดแต่งงานที่สวยงาม และแลกแหวนกับเขาในโบสถ์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม

ฉากนั้นน่าจะโรแมนติก และเป็นที่ตราตรึงมาก แต่….มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินซีแล้ว

ฉินซีรู้ว่า ถ้าเธอฟังต่อไป เธอจะต้องหลุดแน่

โชคดีที่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา มันก็เป็นเวลาสำหรับหลักสูตรการฝึกอบรมพอดี

ดังนั้นเธอจึงยืนขึ้น และหันไปมองที่จ้านเซิน “ฉันมีเรียน ต้องไปแล้ว”

จ้านเซินพยักหน้าเบา ๆ และยืนขึ้น “งั้นไปด้วยกันเถอะ”

เมื่อทั้งสองเดินไปถึงทางแยกบนถนน พวกเขาก็แยกจากกัน ฉินซีค่อยๆผ่อนคลายลงเล็กน้อยในที่สุด

ที่จริงหลักสูตรของเธอลดลงมามากแล้ว เธอจึงมีเวลาว่างมากขึ้นเรื่อยๆ

ฉินซีมีลางสังหรณ์ว่าเธอจะได้รับงานใหม่ในไม่ช้า

ถ้าเป็นอย่างนี้ เธอก็จะมีโอกาสจากไปแล้ว

หรืออย่างน้อย ก็มีโอกาสที่จะได้พบกับลู่เซิ่น

ฉินซีไม่มีเจตนาที่จะทำลายชีวิตแต่งงานของเขา และเธอไม่สนใจที่จะเป็นคนชั่วร้าย เธอแค่อยากรู้ว่าการแต่งงานของลู่เซิ่นในครั้งนี้ เริ่มต้นในรูปแบบของมือที่สามหรือไม่

เธอรู้ว่าคำตอบนี้ ไม่มีความหมายในทางปฏิบัติสำหรับตัวเอง

ใช่หรือไม่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้

แต่….นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของเธอ

ถ้าคำตอบคือใช่ เธอก็จะไม่มีทางให้อภัยลู่เซิ่นไปตลอดชีวิต

เธอคิดอย่างนี้ แล้วเธอก็เดินไปถึงหน้าห้องที่เธอจะต้องเรียน

ฉินซีทำได้เพียงรวบรวมความคิดทั้งหมดของเธอ และหายใจเข้าลึกๆในความเงียบ ก่อนจะยื่นมือไปเคาะประตู

แต่นักแสดงนำชาย ลู่เซิ่น ที่กำลังเป็นที่พูดถึงของสาธารณชนขณะนี้ กลับกำลังผ่อนคลายอยู่ในบริษัทลู่ซื่อ

สีหน้าของเขาผ่อนคลาย และดูเข้าถึงได้ง่ายกว่าปกติ ราวกับว่าเรื่องที่น่ายินดีกำลังใกล้เข้ามา

นอกจากหลินหยังผู้ช่วยคนสนิทคนแรกของเขา คนอื่นๆในบริษัทแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับลู่เซิ่นเลย

แน่นอนว่า ไม่รวมถึงสองคนที่ยืนอยู่ในห้องทำงานตอนนี้ด้วย

ลู่โยวโยวและลู่เจิ้นยืนอยู่คนละฝั่งของโต๊ะทำงานของลู่เซิ่น พร้อมจ้องมองไปที่เขา

สีหน้าของลู่โยวโยวตื่นเต้นมาก และน้ำเสียงของเธอก็สูงขึ้น “พี่! พี่แอบไปแต่งงานกับคนอื่นเมื่อไหร่! ทำไมพี่ถึงปิดบังได้แม้กระทั่งฉัน!”

ลู่เซิ่นลูบขมับของเขาด้วยความปวดหัว ขณะที่เขากำลังจะอธิบาย เสียงของลู่เจิ้นก็ดังขึ้น “ พี่แต่งงานแล้วจริงๆหรอ”

ลู่เจิ้นถูกส่งออกไปนอกนานกว่าครึ่งปีแล้ว ชีวิตรักของลู่เซิ่นสำหรับเขา จึงยังคงอยู่ในความยุ่งเหยิงระหว่างเขากับฉินซี ในตอนนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกเขาว่าลู่เซิ่นแต่งงานแล้ว มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะไม่แปลกใจ

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ปิดปาก และพยักหน้า

ยังไงซะ…นี่ก็ไม่ใช่เรื่องโกหก

ดวงตาของลู่โยวโยวเบิกกว้างทันที “พี่ ทำไมพี่ถึง…”

ลู่เจิ้นจับไหล่ลู่โยวโยวที่กำลังจะกระโดดขึ้นไว้ และหันไปมองลู่เซิ่น

เขา และลู่เซิ่นสนิทกัน และอยู่กับลู่เซิ่นมานานหลายปี

แม้ว่าลู่เซิ่นดูเหมือนจะจงใจทำให้ตัวเองดูยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ลู่โยวโยวยังคงกระโดดโลดเต้น และโห่ร้องอย่างดีใจเป็นเวลานาน จนลู่เซิ่นต้องเกลี้ยกล่อมด้วยกระเป๋ารุ่นใหม่ลิมิเต็ด เธอถึงยอมล่าถอยออกไป

แต่ลู่เจิ้นยังคงอยู่ที่เดิม

สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เขามองไปที่ลู่เซิ่นอย่างล้ำลึก และพูดว่า “พี่เกิดอะไรขึ้น พี่พูดออกมาเถอะ”

ลู่เซิ่นยกมุมปากของเขาขึ้นยิ้ม และเดินไปข้างๆเขา พร้อมตบไหล่ “นายต้องการให้พี่พูดอะไร”

ลู่เจิ้นกัดฟัน “ฉันยังรู้สึกว่า อยู่ดีๆพี่ก็แต่งงาน มันแปลกๆ….”

ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ “ทำไมมีอะไรผิดปกติ”

ลู่เจิ้นหันหน้ามามองเขา “พี่ไม่ใช่คนที่ตัดสินใจอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า”

ลู่เซิ่นแอบถอนหายใจในใจ

แม้แต่ลู่เจิ้นก็ดูออก แล้วฉินซี…..จะดูออกด้วยไหม

ถ้าดูออก เธอจะพยายามกลับมาอยู่ข้างๆเขา เพราะเรื่องปกติเล็กน้อยพวกนี้ไหม

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท