Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1237

ตอนที่ 1237

บทที่ 1237 บุคคลเพียงคนเดียว

เรื่องทั้งหมดนี้ ลู่เซิ่นคิดเพียงคนเดียวในใจ

เขาหันหน้าไป และได้สบตากับลู่เจิ้นพอดี และเขาก็เห็นความกังวลในดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน

เขาเชื่อใจลู่เจิ้นอย่างแน่นอน แต่ด้วยกฎของการรักษาความลับ….ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

ท้ายที่สุด แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ จะทำไปเพื่อหลอกให้ฉินซีกลับมา แต่มันก็จุดประสงค์อื่นด้วย

ดังนั้นลู่เจิ้นไม่รู้ จะเป็นการปลอดภัยกว่า

ลู่เซิ่นตบบ่าลู่เจิ้นแล้วกระซิบเบาๆว่า “จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น นายจะได้รู้ในวันแต่งงานของฉัน”

เมื่อลู่เจิ้นได้ยินดังนั้น เขาก็ก้มหน้าลง

เขารู้ว่าลู่เซิ่นไม่ต้องการพูดเรื่องนี้

เขาเชื่อลู่เซิ่น สิ่งที่เขาไม่ได้พูดนั้นมักเป็นผลดีต่อตนเอง

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก

“… พี่” ลู่เจิ้นคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง และพูดว่า “ถ้าพี่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันก็โทรมา”

ลู่เซิ่นยิ้มเบา ๆ “แน่นอน”

ลู่เจิ้นพยักหน้า และหันหลังเดินออกจากห้องทำงาน

วันนี้ห้องทำงานของลู่เซิ่นครึกครื้นมาก

เนื่องจากมีผู้เข้ามาไม่ขาดสาย มีพันธมิตรทางธุรกิจที่มาร่วมแสดงความยินดี และมีผู้คนที่มาสอบถามเกี่ยวกับเจ้าสาว และยังมีผู้ใต้บังคับบัญชา

ลู่เซิ่นไม่ได้ต้อนรับทุกคน ส่วนใหญ่เขาจะทิ้งหน้าที่ไว้ให้กับเลขา แต่สองคนที่มาหาเขาตอนใกล้จะหมดวัน เป็นคนที่เขาต้านทานไม่ได้จริงๆ

เพราะคนที่มาคือสูหยิง และลู่เหวย

การแสดงออกของลู่เหวยนั้นดูน่าเกลียดกว่าสูหยิง ทั้งสองคนมาที่ห้องทำงานของลู่เซิ่น โดยไม่ได้กล่าวทักทายล่วงหน้า

ลู่เซิ่นเพิ่งเสร็จจากการประชุมด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า แต่เขาก็ยังเชิญคนสองคนเข้าไปในห้องทำงาน

“ลูก นี่จดทะเบียนสมรสแล้วจริงๆหรอ” สูหยิงอดใจรอไม่ไหวที่จะถามทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดลง

ลู่เซิ่นไม่ได้พูด แต่พยักหน้าอย่างเงียบๆ

… เขาไม่นับว่าตัวเองหลอกเธอ ดังนั้นลู่เซิ่นจึงไม่รู้สึกผิดในใจ

คำตำหนิปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสูหยิง “ลูกนี่มันจริงๆเลย….คุยกันแล้วไม่ใช่หรอ บอกว่าให้ใช้วิธีนี้ทำให้คนสองใจในบริษัทออกไป แล้วทำไมถึงไปจดทะเบียนจริงๆได้”

ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆ “พวกเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น ถ้าผมไม่ทำจริงจังหน่อย พวกเขาจะเชื่อได้ยังไง”

สูหยิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกลู่เหวยเอื้อมมือออกไปหยุดไว้

“ลู่เซิ่นมาคุยกันสองคนหน่อย”

ใบหน้าของลู่เหวยดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จนแม้แต่สูหยิงก็ไม่กล้าขัด

ลู่เซิ่นสามารถตอบรับได้อย่างเดียวเท่านั้น

ทั้งสองลุกขึ้น และเดินเข้าไปในห้องรับรองเล็กๆ ที่ติดกับห้องทำงานของลู่เซิ่น สายตาของสูหยิงถูกปิดกั้นลงเมื่อประตูปิดลง

ลู่เหวยไม่ได้รีบร้อนเหมือนสูหยิง เขานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กด้วยตัวเอง และรอให้ลู่เซิ่นนั่งลง ก่อนที่เขาจะกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ลู่เซิ่นทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไร บอกฉันมาตรงๆ”

ลู่เซิ่นหยุดชั่วขณะ ในขณะที่เขาจะเอาท่าทางยิ้มๆเดียวกับที่ใช้กับลู่เจิ้น มาใช้กับลู่เหวย ก็มีเสียงเคร่งขรึมดังขึ้นมาย้ำอีกครั้ง“พูดความจริง”

ลู่เซิ่นยิ้มอยู่เต็มหน้า และพูดออกไป

“พ่อ” เสียงของลู่เซิ่นขมขื่นเล็กน้อย “ผมไม่มีทางอื่นแล้ว”

ในที่สุด เขาก็มีช่องระบายความเจ็บปวดในใจออกมา

เขาไม่สามารถบอกหลินยี่ เกี่ยวกับความเจ็บปวดของเขาหลังจากที่ฉินซีจากไปได้ เพราะเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา และลู่เซิ่นก็ไม่ได้พูดออกมา

ขนาดเพื่อนรักกันยังไม่สามารถบอกได้ แล้วยิ่งกับลู่โยวโยวยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย

เขาไม่มีแม้แต่คนที่จะคุยด้วย

และลู่เหวยที่อยู่ตรงหน้าเขา ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงคนเดียว

ลู่เหวยรู้ทุกอย่าง แม้กระทั่งเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาและฉินซียังคงมีความสัมพันธ์กัน หลังจากที่สูหยิงขอให้ทั้งคู่หย่ากัน

ดังนั้นในที่สุดลู่เซิ่นก็สามารถบอกความเจ็บปวดที่เขาสะสมมาเป็นเวลานานได้

“ผมไปเมืองหนาน ต้องการรอให้คดีของเวินจิ้งจบลงก่อน และตั้งใจจะพาเธอกลับไปรวมตัวกับหลินยี่ แต่ทันทีที่ผมออกจากศาล ผมก็ได้ข่าวว่าฉินซีหายตัวไป” เสียงของลู่เซิ่นแห้งผากเล็กน้อย

การแสดงออกของลู่เหวยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “อะไรนะ ฉินซีหายไป”

ลู่เซิ่นค่อยๆพยักหน้าช้าๆ “ผมกลับมา และพยายามหาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆเลย ดูเหมือนเธอจะหายไปจากโลกใบนี้ จนกระทั่งมีคนจากองค์กรที่เรียกว่าเฟิงติดต่อมา และบอกว่าฉินซีอยู่กับพวกเขา”

ใบหน้าของลู่เหวยนั้นมืดมน และน่ากลัวขึ้นมา ตั้งแต่ลู่เซิ่นจำความได้ เขาไม่เคยเห็นลู่เหวยทำหน้าแบบนี้มาก่อน

“ฉินซีอยู่ในมือของ … องค์กร” ลู่เหวยพูดซ้ำช้าๆ ทันใดนั้นก็ราวกับคิดบางอย่างได้ เขาจึงหันไปมองลู่เซิ่น “ดังนั้นเมื่อหลายวันก่อน ที่แกตามหาองค์กรนั้นอย่างหนักก็เพราะว่า….”

ลู่เซิ่นพยักหน้า “ผมไม่ต้องการหาองค์กรนั้นเพื่อเอาคืน จริงๆแล้วผมตามหาฉินซีอยู่”

คิ้วของลู่เหวยขมวดเข้าหากันทันที “ฉินซีจะเกี่ยวข้องกับองค์กรแบบนั้นได้ยังไง”

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก และตัดสินใจบอกความจริง “เพราะ … ฉินซีดูเหมือนจะเป็นสมาชิกขององค์กรของพวกเขามาก่อน”

“อะไรนะ” ลู่เหวยเสียอาการเล็กน้อย แต่ในตอนนี้เขาแทบไม่ได้ควบคุมระดับเสียงของตัวเองมาหลายครั้งแล้ว เขาหันหน้าไปมองลูกชายของเขาเขม็ง “ฉินซีเป็นสมาชิกขององค์กรแบบนั้นหรอ”

เขาดูแลตระกูลลู่มาหลายปีแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักองค์กรเหล่านั้นมากนัก แต่เขาก็ไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลย

ดังนั้นในความคิดของเขา ฉินซีมีความสัมพันธ์กับองค์กรจึงน่าแปลกใจยิ่งนัก

ลู่เซิ่นเจอสายตาของเขา ก็พยักหน้าด้วยความยากลำบาก “ตามที่อีกฝ่ายบอก เขาว่าอย่างนี้”

“แล้วฉินซีตอนนี้ล่ะ!” น้ำเสียงของลู่เหวยกลายเป็นกังวลเล็กน้อย “ยังไงเธอก็เป็นสมาชิกขององค์กร องค์กรจะไม่ควรโหดร้ายกับเธอใช่ไหม”

ลู่เซิ่นไม่ได้ให้คำตอบในทันที เขาหยุดชั่วขณะ ก่อนที่จะหลุบตาลง “ที่จริง…ผมก็ไม่รู้”

เขาไม่ค่อยแสดงความอ่อนแอ และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะแสดงด้านที่เปราะบางต่อหน้าผู้อื่น

ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเขาที่รู้ทุกอย่าง เขาคงไม่สามารถพูดได้ว่าเขา “ไม่รู้”

ลู่เหวยอึ้ง

เขารู้ว่าองค์กรประเภทนั้นส่วนใหญ่มีแบ็คที่แข็งแกร่งง แต่เขาคิดไม่ถึงว่า แม้ลู่เซิ่นจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหามัน เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินซีนั้นสบายดีหรือไม่

เขาถอนหายใจเบาๆ และยื่นมือออกไปตบบ่าลู่เซิ่นปลอบๆ

เมื่อได้รับความอบอุ่นผ่านฝ่ามือของลู่เหวย หัวใจที่เจ็บปวดของลู่เซิ่นก็เป็นแผลขึ้นมาอีกครั้ง เขากระแอมในลำคอ และแทบจะไม่สามารถรักษาความสงบของเสียงได้ “อันที่จริง….จากหลักฐานที่ผมพบ ฉินซีเหมือนจะวางแผนจากผมไปอยู่แล้ว แต่เพราะว่าองค์กรนั้นได้โอกาสพอดีมากกว่า”

ลู่เหวยมองลงไปที่ลูกชายของเขา

เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่มาหลายปีแล้ว จนบางครั้งลู่เหวยยังรู้สึกว่า พ่ออย่างเขาควรปลดเกษียณได้แล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท