Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1244

ตอนที่ 1244

บทที่ 1244 ยากที่จะทนไหว

อย่างไรก็ตาม ยังไงงานแต่งงานนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตนเองอยู่แล้ว

ฉินซีหัวเราะไม่เห็นด้วย ช่วยนำประเด็นสำคัญของข้อมูลมารวมกันด้วย ปิดสองไฟล์นี้และเปิดไฟล์อื่นแทน

เวลาที่รวบรวมข้อมูลนั้นเวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ

ฉินซีเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และแล้วก็ถึงเวลาอาหารค่ำ

เธอมองดูเอกสารที่ตนเองรวบรวมออกมา ด้วยสายตาที่เคร่งขรึม

ผู้ว่าจ้างที่สั่งฆ่าคนในครั้งนี้ เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่ง

เขาเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลังเบาๆ ทำให้พี่น้องที่แสนดีของตนเองนั้นต้องล้มละลาย พี่น้องกระโดดลงจากตึก

หลังจากไม่นั้นนานภรรยาก็ได้เสียชีวิตไป มีเพียงลูกคนเดียวและเติบโตขึ้นมา ภายหลังโชคดีและร่ำรวยขึ้น ดังนั้นเลยกลับเพื่อที่จะแก้แค้น

มาตรฐานขององค์กร“เฟิง” ในการรับงานนั้นไม่ต่ำ ไม่ใช่ปัญหาแค่เรื่องเงินเท่านั้น เช่นการฆ่าผู้บริสุทธิ์เรื่องแบบนี้พูดออกไปมันไม่ดี นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายให้กับหน้าตาขององค์กรด้วย สำหรับฉินซี.ในก่อนหน้านี้รู้สึกเกี่ยวกับภารกิจที่ยาวนานของตนเอง ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

แต่ในตอนนี้เธอกับไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถตัดสินชะตากรรมของผู้อื่นได้โดยง่าย

แม้ในนานของความยุติธรรม

แค่ตอนนี้เธอยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้ จึงทำได้แค่พยายามปลอบตัวเอง คนๆนี้ตายไปไม่ใช่เรื่องน่าเสียใจ จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ และจัดเรียงข้อมูลต่อไป

เธอพลาดมื้อเที่ยงไปแล้ว และไม่มีความอยากอาหารเย็นด้วย ดังนั้นได้แต่ฝังตนเองไว้ในคดีนี้ พยายามทำให้ตนเองไม่คิดมากเกินไป

… …

ในเวลาเดียวกันประเทศ f กลางคืนก็ลดลง

คนขับรถของลู่เซิ่นไม่ถามอะไรมาก และขับรถกลับไปที่บ้านตระกูลลู่

พิธีแต่งงานของลู่เซิ่นใกล้เข้ามาแล้ว ลู่เหวยและสูหยิงยังไม่ได้จากไป ลู่โยวโยวอยู่ภายใต้ตาของพ่อแม่ ก็ไม่กล้าแสดงท่าทีไม่ดีอย่างโจ่งแจ้งเหมือนเมื่อก่อนต่อหลินยี่ ทั้งคนเปลี่ยนไปอย่างสิ่งเชิญ เห็นได้ชัดว่าระงับสีที่แท้จริงของตนเองไว้

เดิมทีหลินยี่และเวินจิ้งเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว อยู่ต่อหน้าของลู่เหวยและสูหยิงก็เลยเงียบกว่าเดิม

บวกกับอารมณ์ของลู่เซิ่นก็ไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าบ้านตระกูลลู่ที่เป็นที่จัดงานแห่งความสุข แต่บ้านทั้งหลังกลับเงียบเป็นผิดปกติ

หลังจากกินอาหารเย็นในความเงียบ เวินจิ้งก็ได้ช่วยหลินยี่จากไป ส่วน ลู่โยวโยวทนบรรยากาศไม่ไหวแล้วจากไปด้วยข้ออ้าง

ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงลู่เหวย สูหยิงและลู่เซิ่น

“ในเวลาสองวันที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสองได้ติดต่อกับผู้ถือหุ้นทั้งหมด” ลู่เซิ่นยิ้มจางๆพร้อมกับสายตาที่ไม่พอใจ

“ ปกติถ้าขยันแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะรอจนถึงวันนี้ และใช้วิธีนี้เพื่อยึดอำนาจ

สีหน้าของลู่เหวยดูเคร่งขรึม แน่นอนว่าเขารู้ว่าลู่เซิ่นพูดถึงใคร

สูหยิงกล่าวว่า “อะไรนะ ? สองคนนี้สามารถสัมผัสกันได้จริงเหรอ ?

ลู่เซิ่นยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า หันหน้าไปมองสูหยิง และพยักหน้า “มันจริงด้วย”

สูหยิงเลิกคิ้วและไม่พูดอะไร

ลูกชายของเธอ เธอเข้าใจดี แสดงสีหน้านี้แบบออกมาส่วนใหญ่มีอะไรจะพูด

ลู่เซิ่นกล่าวต่อว่า “คนจากตระกูลสู อยู่ในคณะกรรมการ มีอยู่กี่ท่าน? ”

สูหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และตอบว่า “สามท่าน…ทำไมเหรอ”

ครอบครัวของฉันมีเรื่องอะไรเหรอ

ลู่เซิ่นยักไหล่ “แสดงความยินดีกับคุณด้วยจริงๆ สองในสามคนนั้นถูกย้ายแล้ว

สูหยิง ขมวดคิ้วในทันที “อะไร ? ”

ลู่เซิ่นหยิบรายชื่อที่หลินหยังให้มาและวางไว้บนโต๊ะน้ำชา “สองคนนี้ เป็นคนของตระกูลสูสินะ”

สูหยิงยื่นมือออกไปและหยิบมันขึ้นมา คิ้วของเธอขมวดแน่นขึ้นและมุมปากของเธอเหยียดเป็นเส้นตรง หลังจากนั้นไม่นานก็ได้กล่าวว่า “ไร้ประโยชน์ ”

ลู่เซิ่นกล่าวต่อ ถ้าเป็นคนอื่น ฉันจะจัดการเอง แต่เนื่องจากเป็นคนที่มาจากตระกูลสู… คุณคงมีอะไรที่อยากจะพูดสินะ ?

สูหยิงไม่ได้ตอบในทันที ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่รายชื่อบางๆนั้น และไม่นานก่อนที่จะบีบคำพูดสองสามคำออกจากปากมา ฉันมาเก็บกวาดมัน

ลู่เซิ่นยิ้มจางๆ “ก็ดี ”

เขาขี้เกียจที่จะทำด้วยตนเอง สูหยิงเต็มใจที่จะออก แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

“มีแค่สมาชิกสองคนของตระกูลตระกูลสูเหรอ? ” ”ลู่เหวยเงียบอยู่ข้างๆเป็นเวลานาน ก่อนที่เขาถามขึ้น

ลู่เซิ่นส่ายหัวเบาๆ “นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารระดับสูงอีกสองคนที่ยังไม่แน่นอน ฉันจะปล่อยให้ลุงที่แสนดีสองคนนั้นของฉันทดสอบพวกเขาต่อไป ถ้ามีอะไรผิดพลาด ฉันค่อยมาวางแผนใหม่”

ลู่เหวยพยักหน้าและเห็นด้วย

เรื่องที่ลู่เซิ่นอยากจะพูดได้พูดไปจนหมดแล้ว สูหยิงก็เดินออกจากห้องด้วยใบหน้าที่เหยียดเย็น แต่ ลู่เหวยไม่รีบร้อนที่จะออกไป

เมื่อสูหยิงเดินออกจากห้องนั่งเล่นอย่างสมบูรณ์ เขาถึงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ลู่เซิ่น“ มีข่าวอะไรหรือเปล่า ? ”

เขาไม่อยากพูด เพียงแต่ส่ายหัวเล็กน้อย

ลู่เหวยถอนหายใจเบาๆ และลุกขึ้นยืน “เหลือเพียงห้าวัน ”

เขาไม่ได้สนับสนุนแผนของลู่เซิ่นในตอนแรก แต่ว่าเห็นลู่เซิ่นผอมซูบลงทุกๆวัน ท้ายสุดเลยทนไม่ได้

เช่นนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไร และเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปอย่างเงียบๆ

ในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า เหลือเพียงลู่เซิ่นคนเดียว

เขาหลับตาลง

เหลือเพียงห้าวัน เขารู้ได้อย่างไร

เขาจะต้องเผชิญกับอะไรในอีกห้าวันข้างหน้า

เขาถอนหายใจ และเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป

… …

เมื่อค่ำคืนใกล้เข้ามา ฉินซีได้แยกแยะเบาะแสทั้งหมด และใช้แผนการที่วาดขึ้นนั้นวางแผนเบื้องต้นออกมา

จ้านเซินไม่ได้พูดโกหกอย่างสิ้นเชิง คดีนี้แน่นอนว่าง่ายมาก ฉินซีก็ทำมันให้เสร็จโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก

แต่เธอก็รู้สึกเหนื่อยมาก

บังคับตนเองให้เพิกเฉย และแสร้งทำเป็นไม่สนใจงานแต่งงานของลู่เซิ่นกับคนอื่น มันรู้สึกเจ็บปวดกว่าที่คิด

ฉินซีมองไปที่แผนการของตนเอง

ตามนิสัยของช่างก่อสร้างคนนี้ เขาคงเอารถตนเองไปที่บ้านตระกูลลู่อย่างแน่นอน และหลังจากงานเลี้ยงจบลงก็จะขับรถกลับไปด้วยตนเอง

บางทีทำสิ่งที่ไม่ดีไว้มากมาย รถของเขาหรูหรามากและได้รับการเสริมแรงเป็นพิเศษ นอกจากนี้เขายังจ้างคนขับรถที่มีประสบการณ์มาขับ

แต่สำหรับองค์กรนั้น การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน มันไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย

ความคิดของฉินซีได้ผ่านแว๊บๆ

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิด จะลงมือต่อคนๆ นี้ในงานแต่งงาน

แต่สุดท้าย เธอก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป

แม้ว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุด เป็นเพราะงานแต่งงานของลู่เซิ่นต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากอย่างแน่นอน ในเวลานี้ความเสี่ยงสูงมาก และอาจไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ฉินซีเข้าใจดี เหตุผลที่ทำให้เธอล้มเลิกในที่สุด ไม่ใช่สิ่งนี้

แม้ว่านี่……จะเป็นงานแต่งงานของลู่เซิ่นกับคนอื่นก็ตาม ฉินซีก็หวังว่า ทุกอย่างจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ในเส้นทางชีวิตของลู่เซิ่นไม่ควรมีการเสียใจใดๆ ดังนั้นจึงไม่ควรมีงานแต่งงานที่นองเลือด

ดังนั้นในที่สุดฉินซีก็ตัดสินใจ ระหว่างทางคนนี้จะเดินทางกลับ ถึงเริ่มลงมือจริงๆ

เธอหัวเราะอยู่ภายในใจสักครู่ ตนเองกลับมีช่วงเวลาที่เป็นแม่พระเหมือนกัน

ถ้าเกิดให้ครูในองค์กรที่มีหน้าที่ล้างสมองตนเองรู้ล่ะก็ เกรงว่าคงตกใจน่าดู

ก่อนที่จะพบลู่เซิ่น เธอก็ไม่รู้ว่า ตนเองอจะเป็นคนแบบนี้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท