Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1253

ตอนที่ 1253

บทที่ 1253 ผลกระทบรุนแรงเกินไปแล้ว

“วันนี้ตอนเช้า ลูกซื้อหุ้นของบริษัทลู่ซื่อไปเท่าไร” จู่ๆสูหยิงกลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างไม่มีสัญญาณ

ลู่เซิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ตามความคิดที่กระโดดไปมาของเธอไม่ทัน แต่ก็ยังตอบกลับว่า “ซื้อไป 40% ครับ”

สูหยิงยื่นหน้ามาดูสถิติบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา ทอดถอนใจเบาๆประโยคหนึ่ง “การซื้อขายในครั้งนี้ทำได้งดงามมากจริงๆ……”

ลู่เซิ่นเม้มปากรับคำชมของเธอ

“ดังนั้นลูกดูสิ แม้ว่าวันนี้แม่จะไม่ได้พาน้าชายที่ไม่ได้เรื่องทั้งสองคนของลูกมา ให้พวกเขาโอนหุ้นในมือให้ลูก อาศัยเพียงแค่ความสามารถของตัวลูกเอง ก็สามารถทำกำไรได้ในระดับสูงสุดภายใต้ความขัดแย้งนี้” สูหยิงหันหน้ามามองลู่เซิ่น “ถ้าหากว่าแม่ใช้บริษัทมาข่มขู่ลูก สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดอาจจะไม่ใช่การที่ลูกปล่อยมือจากผู้หญิงคนนั้น แต่เป็นการที่ลูกปล่อยมือจากบริษัทลู่ซื่อ”

ลู่เซิ่นมองเธอ พยักหน้าเรียบๆ

เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าจะไปจากบริษัทลู่ซื่อ ลู่เซิ่นก็รู้ว่า อาศัยความสามารถของตัวเอง เขาไม่ต้องใช้เวลานานก็สามารถได้รับในสิ่งที่ตัวเองควรจะมีทั้งหมดใหม่อีกครั้ง ถ้าหากว่าวันนี้ผู้หญิงที่ตัวเองต้องการแต่งงานด้วยคือฉินซี และตัวเองถูกบีบบังคับจนจนมุม…….

เขาจะต้องปล่อยมือจากบริษัทลู่ซื่อจริงๆ

รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าสูหยิงแฝงไปด้วยความอาลัยที่รู้สึกถึงได้ยาก “ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งบริษัทลู่ซื่อ แม่ไม่มีทางใช้บริษัทมาข่มขู่ลูก สำหรับเรื่องที่แม่ใช้สุขภาพของตัวเองมาข่มขู่ลูกนั้น….แม่รู้ว่า ยังใช้ได้ แต่ว่าหลังจากที่ลูกปล่อยมือจากเธอเพื่อแม่แล้ว ลูกก็ไม่มีความสุขเลย ไม่ใช่หรือ”

ลู่เซิ่นเงยหน้ามองเธอ

เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก

ในสามเดือนกว่าที่ฉินซีไปจากข้างกายตัวเองนี้ เขาแทบจะไม่ได้หัวเราะดีๆเลย นอนที่รีสอร์ทชิงหยวนนั้นหลับไม่สนิท ย้ายไปบ้านตระกูลลู่ก็หลับไม่สนิทเช่นกัน

แรกเริ่มคือความกังวลและเป็นทุกข์ ในภายหลังคือความคิดถึง และหลังจากนั้นก็รวมกันกลายเป็นโทสะเล็กน้อย

จู่ๆสูหยิงก็ยื่นมือมา ประคองแก้มของลู่เซิ่นเอาไว้ “ช่วงนี้นักโภชนาการดูแลลูกไม่ดี”

ลู่เซิ่นมองตาเธอ ยิ้มบางๆ

พวกเขาล้วนรู้ว่า การที่สูหยิงพูดแบบนี้ เป็นเพียงแค่ข้ออ้างข้อหนึ่งเท่านั้น

ระยะนี้มองดูแล้ว ลู่เซิ่นผอมลงไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างและโครงหน้าที่แหลมตอบของเขา สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือการเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกลักษณะของเขา

ก่อนหน้านี้ลู่เซิ่นล้วนมีความมั่นใจจนรู้กันไปทั่ว กระทั่งบางครั้งยังถูกหลินยี่เหน็บแนมว่าเป็นนกยูงรำแพน

แต่ว่าระยะนี้เขาเงียบขรึมโดดเดี่ยวไม่น้อย มองดูแล้วไม่เหมือนกับคุณชายตระกูลลู่จอมเผด็จการที่รู้กันไปทั่วคนนั้น

เขากลายเป็นประธานลู่ที่เงียบขรึมไปแล้วจริงๆ แต่การเติบโตแบบนี้กลับต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยการสูญเสียคนรักไป

สูหยิงจะใจร้ายอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นแม่คนหนึ่ง เธอเห็นการเปลี่ยนแปลงของลู่เซิ่นแล้ว ก็รู้สึกเป็นทุกข์

เห็นลู่เซิ่นได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงในวันหนึ่ง เวลาทั้งหมดแทบจะหมกตัวอยู่ในบริษัท แววตาคล้ายกับว่ามีเรื่องในใจมากมาย แต่กลับไม่อาจพูดออกมาได้ ความรู้สึกแรกที่เธอสัมผัสได้กลับไม่ใช่ความภาคภูมิใจที่เลี้ยงเขาออกมาด้วยมือตัวเอง แต่เป็นความปวดใจ

“ดังนั้น” เสียงของสูหยิงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “ถ้าหากว่าลูกมีคนที่อยากอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต แม่อาจจะไม่เห็นด้วย แต่ว่า…..แม่ก็จะไม่ทำให้ลูกลำบากใจแล้ว”

…………

ตอนที่หลินหยังกลับมาเคาะประตู หลังจากส่งสูหยิงจากไปแล้ว ก็เห็นลู่เซิ่นที่ยังมีท่าทางเหม่อลอยอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

“ประธานลู่” เขายังคงต้องเอ่ยเรียก “ทางบ้านส่งอาหารมาแล้วครับ”

ลู่เซิ่นที่มองเขาวางกล่องข้าวไว้บนโต๊ะทำงาน หลังจากจัดเรียงอุปกรณ์ทานอาหารเรียบร้อย ก็พยักหน้าให้ และเดินออกไปแล้ว ก็ไม่ได้ยื่นมือไปหยิบตะเกียบในทันที

คำพูดเมื่อครู่นี้ของสูหยิงมีผลกระทบต่อเขามากเกินไปแล้ว

เขาไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันหนึ่งที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้จากมารดาที่เชิดหน้าอยู่ตลอดของตัวเอง

นับตั้งแต่เขาจำความได้ สูหยิงก็เป็นมารดาที่มีความเข้มงวดมากคนหนึ่ง เธอแทบจะไม่เคยชื่นชมตัวเอง มากสุดก็ใช้สายตาแสดงถึงความเห็นด้วยของตัวเอง สิ่งที่พูดออกมาคือคำตำหนิอย่างแน่นอน

ลู่เซิ่นรู้สึกว่าการที่ตัวเองเติบโตขึ้นมาเป็นคนปกติคนหนึ่ง ภายใต้การอบรมสั่งสอนแบบนี้ของมารดานั้นไม่ง่าย

ดังนั้นสำหรับลู่เซิ่นแล้ว คำพูดเมื่อครู่นี้ของสูหยิง แทบจะไม่เคยคาดคิดมาก่อน

กระทั่งเขายังรู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่า เป้าหมายที่แท้จริงในการจัดงานแต่งงานนี้ของตัวเอง ถูกลู่เหวยเปิดเผยให้สูหยิงรู้แล้วใช่หรือไม่ ถึงได้ทำให้เธอเกิดความรู้สึกทอดถอนใจแบบนี้ขึ้นมากะทันหัน จนถึงขั้นเปิดปากพูดถึงคู่แต่งงานของตัวเองหลังจากนี้

นี่ไม่เหมือนเธอเกินไปแล้ว แทบจะทำให้ลู่เซิ่นนึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่ภาพหลอนภาพหนึ่ง

แต่ว่าเขากลับสามารถรู้สึกได้ว่า มีกระแสความอบอุ่นเริ่มไหลเข้ามาในหัวใจ กระแทกเข้ากับทุกส่วนในร่างกายของตัวเอง

เขาไม่ปรารถนาถึงการเห็นด้วยของสูหยิง ถ้าหากว่าฉินซีสามารถกลับมาได้ ขอเพียงแค่สูหยิงไม่ทำให้ลำบากใจ อย่างนั้นก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว

ลู่เซิ่นคิดถึงตรงนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมุมขวาด้านล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ครั้งหนึ่ง

เวลา 12:05 แล้ว

ยังเหลืออีก 20 ชั่วโมงก็จะถึงวันแต่งงาน

ฉินซี……กลับไม่มีข่าวคราวใดๆ

…………

ในเวลาเดียวกันนั้น ฉินซีก็กำลังทานอาหารกลางวันอยู่

เธอโดยสารรถมาจนถึงฐานที่มั่นที่ปลอดภัย และไม่สะดุดตาแห่งหนึ่งขององค์กรในประเทศF ด้านในไม่มีใคร ทานอาหารกลางวันก็ต้องสั่งอาหารเดลิเวอรี่

ฉินซีทานไป พลางพิจารณามองสภาพแวดล้อมรอบด้านอย่างพยายามไม่ทิ้งร่องรอย ผ่านทางหน้าต่างที่อยู่ด้านหน้าตัวเอง

อาศัยการจับตาดูทิศทางที่เลือนรางจากบนรถ ตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่ทางทิศใต้ของเมืองA

ตอนที่พวกเขากำลังลงจากรถ ฉินซีก็กวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบด้านอีกรอบหนึ่ง พบว่าบ้านที่อยู่รอบๆล้วนเหมือนกับบ้านที่พวกเขาอยู่ เป็นอาคารที่อยู่อาศัยเก่าที่เฉลี่ยแล้วสูงไม่เกิน 5 ชั้น

ฉินซีค้นข้อมูลในสมองรอบหนึ่ง กำหนดตำแหน่งทิศทางที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้คร่าวๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเหตุบังเอิญ หรือว่าจ้านเซินจงใจจัดการ ถ้าหากว่าตำแหน่งของฉินซีไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาอยู่ไม่ใกล้บ้านตระกูลลู่ แต่กลับมีระยะทางที่อยู่ใกล้กับรีสอร์ทชิงหยวนมาก

ตอนที่รับรู้ถึงจุดนี้นั้น หัวใจก็ฉินซีก็เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

แน่นอนว่าเธอรู้ว่าวันนี้ลู่เซิ่นไม่อาจจะอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนได้ เขาจะต้องอยู่ที่บ้านตระกูลลู่เพื่อตระเตรียมงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้แน่นอน

เธอก็รู้เช่นกันว่าการพบกับลู่เซิ่นคือเจตนาเดิมที่แท้จริง เพื่อที่จะทำให้ตัวเองตัดใจได้

แต่เมื่อเห็นสภาพการณ์เบื้องหน้าที่ถูกสอดส่องอย่างหนักแล้ว เธอก็รู้เช่นกันว่า การจะบรรลุเป้าหมายนี้ของตัวเอง คาดว่าเป็นไปได้ยากอยู่บ้าน

ถ้าหากไม่ได้จริงๆล่ะก็ อย่างนั้นก็กลับไปดูที่รีสอร์ทชิงหยวนสักหน่อยก็พอแล้ว

แม้ว่าตอนจากกันจะบอกลากันเรียบร้อยแล้ว แต่ฉินซีกลับมักจะฝันว่ากลับมารีสอร์ทชิงหยวนในความฝัน

กระทั่งในบางครั้ง เธอไม่ได้ฝันถึงลู่เซิ่น แต่กลับฝันถึงแม่บ้านและเหล่าคนรับใช้ที่ดีต่อตัวเองมาก

ตอนที่คุณปู่ยังอยู่ก่อนหน้านี้ เธอถือว่าที่นี่เป็นบ้าน ภายหลังคุณปู่ไม่อยู่แล้ว เธอกลับค่อยๆคิดว่าที่นั่นเป็นบ้าน

ดังนั้น ฉินซีจึงวางแผนในใจเงียบๆ อีกครู่หนึ่งทานข้าวเสร็จแล้ว จะอ้างว่าตัวเองต้องการออกไปเดินเล่น และจะสามารถแวะไปดูที่รีสอร์ทชิงหยวนสักหน่อยได้หรือไม่นะ…….

เธอวางแผนในใจ แต่กลับถูกเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้สะดุ้งตกใจ

เธอมองไปตามที่มาของเสียง ถึงได้พบว่าไม่ใช่โทรศัพท์มือถือของเธอที่เสียงดัง แต่เป็นของจ้านเซิน

จ้านเซินก็คล้ายกับน่าประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือและลุกขึ้นยืน เดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท