Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1256

ตอนที่ 1256

บทที่ 1256 นอกเหนือการคาดการณ์

ลู่เซิ่นมองบรรยากาศตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนแล้ว ก็รู้ว่า แม้ว่าหลังจากนี้อารองจะหาโอกาสไปชี้แจง เรื่องที่เขาเปิดเผยให้ลู่เหวยรู้เป็นแค่เรื่องพื้นๆเล็กน้อยจริงๆ ไม่มากพอที่จะสนับสนุนให้ลู่เซิ่นเตรียมตัวพร้อมสรรพแบบนี้ อาสามก็ยากที่จะเชื่อแล้ว

“อาสาม” ลู่เซิ่นได้โอกาสที่เหมาะจะเอ่ย “หลายปีมานี้ อาอยู่ที่เมืองหนานจนเบื่อแล้ว ถึงได้ก่อเรื่องขึ้นมาเรื่องแล้วเรื่องเล่าใช่ไหมครับ”

อาสามหัวเราะเสียงเย็น “ฉันอายุมากขนาดนี้แล้ว จะก่อเรื่องพวกนี้ไปเพื่ออะไร ถึงแม้ว่าฉันจะได้มาไว้ในมือ จะมีเวลาชื่นชมมันสักกี่ปีกัน สิ่งที่ฉันทำทั้งหมด ก็แค่เพื่อลูกชายที่ไม่เอาอ่าวของฉันคนนั้นเท่านั้นเอง!”

ลู่เซิ่นพยักหน้าเล็กน้อย คำตอบนี้ก็ไม่ถือว่าอยู่นอกเหนือการคาดการณ์

ตอนแรกคุณปู่ของเขา ได้นำหุ้นส่วนหนึ่งของบริษัทลู่ซื่อขายให้กับพี่น้องของตัวเองในราคาต่ำ เนื่องจากมีความผูกพันกันกับพี่น้อง นั่นก็คือบิดาของอารองกับอาสาม

หลังจากที่บิดาของพวกเขาเสียชีวิตแล้ว สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นเหล่านี้ย่อมให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอดต่อ

แต่จากพินัยกรรมของคุณปู่ของลู่เซิ่น ถ้าหากว่าอารองและอาสามเสียชีวิตไปแล้ว หากจำเป็นต้องให้ผู้สืบทอดรุ่นถัดไปได้ครอบครองสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นเหล่านี้ สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นจะต้องถูกลดลงหนึ่งเท่า

คุณปู่น่าจะเป็นกังวลว่า อาจจะเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจขึ้นในภายหลัง ถึงได้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงสถานการณ์เช่นนี้เป็นพิเศษ

แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า พินัยกรรมของตัวเองจะทำให้อารองกับอาสามนั่งไม่ติด

“อาสาม” น้ำเสียงของลู่เซิ่นเรียบเฉย “ผมกับคุณพ่อแทบจะไม่ได้กลับเมืองหนาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเราไม่รู้เรื่องที่พวกอาทำในเมืองหนานเหล่านั้น”

อาสามสีหน้าชะงัก ริมฝีปากขยับไปมา แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร

“หลายปีมานี้ อาใช้ประโยชน์จากป้ายชื่อของตระกูลลู่ในการทำธุรกิจ เพราะว่าสุดท้ายก็ไม่ค่อยมีชื่อเสียง ผมจึงไม่ได้สนใจ” ลู่เซิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยต่อ “แต่จากข้อมูลที่ผมได้ทราบมา เงินที่พวกคุณได้รับในหลายปีมานี้…….ก็ไม่น้อยแล้วนะครับ”

เขากวาดตามองผ่านทั้งสองคนเนือยๆ อารองและอาสามกลับไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย

“อาสามครับ” ลู่เซิ่นเดินไปข้างกายเขา วางมือข้างหนึ่งบนบ่าเขา “สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นในมือของอา แม้ว่าจะถูกลดลงไปครึ่งหนึ่ง บวกกับเงินที่หามาได้ในหลายปีมานี้ ก็มากพอที่จะให้ลูกชายของอาใช้ชีวิตดีๆต่อไปได้แล้ว อาก่อเรื่องแบบนี้ กลับกลายเป็นว่าอะไรก็ไม่เหลือแล้ว”

คำพูดนี้ของลู่เซิ่นแทงไปยังจุดที่เจ็บปวดของอาสาม

เพื่อต่อสู้ให้ถึงที่สุดในวันนี้ เขาติดค้างน้ำใจผู้คนนับไม่ถ้วน เพื่อยืมเงินจำนวนมหาศาล

แต่สิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ล้วนไม่มีอะไรที่ได้เลย

เขาได้ประเมินระหว่างเดินทางมาแล้ว แม้ว่าตัวเองจะขายทรัพย์สินของตัวเองทั้งหมดทิ้ง ก็ไม่มีทางที่จะใช้หนี้พวกนี้ได้

เขามีชีวิตมานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเงินทองเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ ที่กดทับตัวเองเอาไว้อย่างโหดร้าย

แผ่นหลังเขางองุ้มลงโดยไม่ทันรู้ตัว

“อาสาม” น้ำเสียงของลู่เซิ่นแฝงไปด้วยการปลอบประโลมหลายส่วน “วันนี้ลำบากมาทั้งวันแล้ว ผมประเมินดูแล้ว จำนวนเงินที่อาลงทุนน่าจะประมาณสามเท่าของทรัพย์สินที่อาสะสมมาหลายปีนี้สินะ”

อาสามไม่ได้รู้สึกประหลาดใจว่า ทำไมลู่เซิ่นถึงได้รู้เกี่ยวกับตัวเองชัดเจนขนาดนี้อีกแล้ว และก็คร้านที่จะโต้กลับต่อ เพียงแค่พยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ส่งเสียงอะไร

ลู่เซิ่นตอบเสียงเบา “อย่างนั้น……อาวางแผนจะใช้คืนอย่างไรครับ”

อาสามแค่นเสียงเย็น “ฉันเดินมาถึงจุดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าถูกแกทำร้ายหรอกหรือ ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเจ็บปวดทุกข์ทรมานอะไรกับฉันหรอก”

ลู่เซิ่นกลับส่ายหน้า “อาสาม คำพูดนี้ อาพูดผิดแล้วครับ คนที่ทำร้ายให้อาเดินมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ในวันนี้ คือตัวอาเอง แต่ว่าผม……อาจจะช่วยอาได้”

แน่นอนว่าอาสามไม่เชื่อ ยังนึกว่าลู่เซิ่นกำลังพูดเยาะเย้ยอะไรตัวเองอยู่ เงยหน้ามองเขา “ลู่เซิ่น แกก็ไม่จำเป็นต้องอวดดีเกินไป ชีวิตของคนเราไม่อาจราบรื่นได้ตลอด วันนี้แกพึงพอใจเพราะสิ่งที่หวังไว้เป็นไปตามปรารถนา รอพรุ่งนี้แต่งงานแล้ว ไม่มีแม่ที่ยอดเยี่ยมของแกคอยสนับสนุนแกอีก หลังจากนั้นจะกลายเป็นอย่างไร พวกเรามาคอยดูกัน”

ลู่เซิ่นกลับไม่ได้ถูกเขาแทงถูกจุดที่เจ็บปวด กลับหัวเราะออกมาเบาๆ “ดูท่าอาสามจะไม่ค่อยเชื่อผมแล้ว อย่างนั้นผมจะพูดตรงๆเลยแล้วกัน อาสาม หากอยากจะชำระหนี้นี้ หุ้นบริษัทลู่ซื่อในมือของอาคงเก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้วแน่นอน ผมสามารถออกเงินซื้อเอาไว้ได้ อาสามารถนำเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการช่วยอาหรอกหรือครับ”

อาสามหยุดชะงักไปสองสามวินาที สีหน้ากลับไม่ได้อ่อนลงเลย “เป็นฉันที่ดูถูกแก ลู่เซิ่น กระเพาะแกใหญ่จริงๆ วันนี้ทั้งวันซื้อไป 8% แล้วยังไม่พอหรือ ยังอยากจะได้สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นในมือฉันด้วยหรือ”

ลู่เซิ่นกลับไม่ได้ถูกเขาทำให้มีโทสะ เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “อาสาม ทำไมอาถึงยังไม่เข้าใจกันนะ ผ่านวันนี้มาทั้งวัน อายังมองไม่ออกอีกหรือครับ หุ้นที่ผมต้องการ มีวิธีการมากมายที่สามารถซื้อได้ แต่อาต้องการเงิน เพียงแค่ขายหุ้นทิ้ง เส้นทางนี้ก็สามารถเดินต่อไปได้แล้ว ผมไม่ได้ทำร้ายอา แต่ผมกำลังช่วยอานะ”

อาสามยังไม่ได้เอ่ยปาก แต่อารองที่ถูกเมินมาตลอดกลับโผเข้ามาคว้าแขนของลู่เซิ่นเอาไว้กะทันหัน “ลู่เซิ่น อาสามารถขายให้แกได้! อาสามารถขายหุ้นทั้งหมดให้แกได้!”

ลู่เซิ่นหันไปมองสีหน้าร้อนใจของเขา พยักหน้าเบาๆ “อารอง อาอย่าเพิ่งใจร้อน ถ้าหากว่าอาร้อนใจต้องการเงิน แน่นอนว่าผมสามารถซื้อหุ้นกับอาได้”

ใบหน้าของอารองเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “ต้องการ แน่นอนว่าอาต้องการ!”

เรื่องราวดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว อารองย่อมไม่อาจจะไม่ออกเงินแม้แต่แดงเดียว แม้ว่าจะจ่ายน้อยกว่าอาสาม แต่เมื่อกลายเป็นแบบนี้ บนร่างเขาก็แบกหนี้เอาไว้เช่นกัน

เดิมจุดยืนของอาสามก็ไม่แน่วแน่ เมื่อถูกอารองทำให้วุ่นวาย สีหน้าก็หวั่นไหวเล็กน้อย

“อารอง” น้ำเสียงลู่เซิ่นอ่อนโยน “แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องบอกอาก่อน ผมใช้เงินซื้อได้ แต่ว่า…..ไม่สามารถดำเนินการซื้อขายตามราคาในตลาดได้ อีกทั้งเรื่องในวันนี้……พวกอาก็มีเจตนาไม่ดี ถ้าหากว่าผมเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วย ก็ไม่มีใครโทษผม ผมยินยอมที่จะออกเงินช่วยอา เพราะเห็นแก่ความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดของพวกเรา ไม่ใจร้ายพอที่จะมองพวกอาถูกบีบบังคับสู่ทางตัน”

อารองจับแขนของเขา เหมือนกับคนที่จมน้ำแล้วคว้าขอนไม้ที่ลอยอยู่ในน้ำได้ เสียงของลู่เซิ่นเพิ่งจะสิ้นสุดลง เขาก็รีบร้อนพยักหน้า “แน่นอน อารู้! เรื่องราคาอะไรนั่น ล้วนปรึกษากันได้! ถ้าหากว่าไม่ได้คืนเงินที่ติดค้างไว้………”

เขาพูดถึงตรงนี้ ก็ตัวสั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่

ในใจของลู่เซิ่นมีความสงสัยพาดผ่าน

ถ้าหากว่ากู้เงินจากธนาคาร เกรงว่าอารองคงไม่กลัวขนาดนี้

ดูท่า………พวกเขาคงจะไปกู้ยืมเงินที่ดอกเบี้ยสูงจากภาคเอกชนบางกลุ่มมา

เมื่อมองเห็นชัดเจนในจุดนี้แล้ว ในใจของลู่เซิ่นก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น เขาเอ่ยปลอบใจอารอง พร้อมกับรับประกันว่าตัวเองจะไม่รังแกคนในเรื่องของราคา จะให้เขาสามารถคืนหนี้ที่ติดค้างไว้ พลางแสร้งทำเป็นมองอาสามที่ตัวแข็งทื่ออยู่อีกด้านอย่างไม่ตั้งใจ

สีหน้าของอาสามแข็งค้างเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองการเคลื่อนไหวระหว่างอารองกับลู่เซิ่นเขม็ง มือกำหมัดแน่น

เขาหวั่นไหวแล้ว

ลู่เซิ่นรู้แจ้งในใจ ดังนั้นจึงดึงสายตากลับมา หันหน้าไปพูดกับหลินหยังที่ยืนอยู่อีกด้านว่า “เรียกทนายของฉันมาหน่อย”

หลินหยังไปตามคำสั่ง ทนายความตามกลับมาอย่างรวดเร็ว

ถ้าหากว่าฉินซีอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย เธอจะต้องจำได้อย่างแน่นอนว่า ทนายความท่านนี้ เป็นทนายที่ช่วยเธอจัดการคดีหย่าร้าง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท