Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1283

ตอนที่ 1283

บทที่ 1283 ไม่เคยหย่า

ฉินซีซบอกของลู่เซิ่น ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ตุบๆ

มือซ้ายของลู่เซิ่นจับมือของตัวเอง แหวนส่องประกายแสง

ฉินซีรู้สึกเสียดายขึ้นมาแวบหนึ่ง

แหวนวงนี้ หลังไปจากที่นี่ คงจะไม่มีโอกาสได้ใส่บนนิ้วต่อแล้ว

พิธีแต่งงานที่มีพระเจ้าเป็นพยานแล้ว ในที่สุด กลับไม่เหลืออะไร สุดท้ายแล้วรู้สึกน่าเสียดาย

“วันนี้ไม่มีเวลา” เธอกระซิบ “ไปจดทะเบียนไม่ทัน”

ลู่เซิ่นชะงักนิดหนึ่ง ถึงค่อยเข้าใจว่ามันคือ “จดทะเบียนสมรส”

ฉินซีพยักหน้า น้ำเสียงบ่งบอกความเสียดาย “ครั้งหน้าไม่รู้จะมีโอกาส ออกมาตอนไหน”

แน่นอนว่าเธอเชื่อมั่นความรักของลู่เซิ่นที่มีต่อตัวเอง และรู้ว่าเขาสาบานต่อหน้าพระเจ้าแล้วไม่มีทางทอดทิ้งเธอ แต่เมื่อไม่มีเอกสารทางกฎหมาย สุดท้ายก็ยังรู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง

ลู่เซิ่นกลับหัวเราะเบาๆ “เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วงครับ”

ฉินซีรู้สึกได้ว่าคำพูดของเขามีความนัยอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วนิดๆ เงยหน้ามองเขา “หมายความว่าไงคะ”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นแฝงด้วยอารมณ์ขัน “ไม่ต้องไปจดทะเบียนอะไรหรอก พวกเราไม่เคยหย่ากันสักหน่อย”

ฉินซีตะลึง ครู่หนึ่งค่อยรู้สึกตัว

เธอรู้สึกตื่นตะลึง ราวกับถูกค้อนทุบศีรษะ

เธอนั่งตัวตรงทันที หันไปมองลู่เซิ่น “คุณว่าไงนะคะ”

ลู่เซิ่นคิดว่าเธอได้ยินไม่ชัด จึงย้ำอีกรอบหนึ่ง “ผมบอกว่า พวกเราไม่เคยหย่าครับ”

“เป็นไปได้ไงคะ” ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองสับสน “พวกเราจะไม่เคยหย่าได้ไงกันก็สัญญาหย่านั่นฉันเซ็นเองกับมือ คุณก็เซ็นแล้ว จะไม่เคยหย่าได้ไง”

แต่ระหว่างที่เธอพูด เสียงยิ่งเบาลง

ทันใดนั้นเธอคิดถึงคำพูดที่อานหยันพูดกับเธอตอนนั้น

ครั้งนั้นเธอคิดว่าตัวเองหย่ากับลู่เซิ่นแล้ว หนีไปบ้านอานหยันดื่มเหล้าเมา สุดท้ายลู่เซิ่นมาหา แล้วพาเธอกลับ

ก่อนกลับ เขาพูดอะไรบางอย่างนะ

“รีสอร์ทชิงหยวนคือบ้านของคุณตลอดไป”

ฉินซีพึมพำ

ตอนนั้นอานหยันบอกเธอ ฉินซียังรู้สึกว่าคำพูดของลู่เซิ่นไม่ได้มีความหมายอื่น เพียงแต่จะปลอบใจเธอ แต่ตอนนี้ดูแล้วคงไม่ได้มีความหมายผิวเผิน

ที่แท้ตอนนั้นลู่เซิ่นกำลังบอกใบ้ ฉินซียังไม่ได้หย่ากับเขา

ฉินซีอยากจะหัวเราะ แต่ก็รู้สึกเคืองอยู่บ้าง

เธอเข้าใจลู่เซิ่นทำไมแกล้งหย่ากับเธอแล้ว ในเมื่อตอนนั้นสูหยิงไม่พอใจเธอหนักมาก แถมฉินซีก็เป็นคนพูดเรื่องหย่าก่อน ถ้าไม่ทำให้ทุกคนคิดว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว เกรงว่ายากจะทำให้ทุกอย่างลงตัว

แต่คำอธิบายที่มีเหตุมีผลไม่ทำให้ความรู้สึกฉินซีเลิกตำหนิลู่เซิ่นไปได้

ถ้ารู้ว่าพวกเขาไม่เคยหย่ากัน อย่างนั้นฉินซีคงจะไม่ต้องสับสนนานขนาดนี้ และบางทีเธอคงจะไม่หวั่นไหวกับคำพูดและคลิปพวกนั้น

ถึงแม้เธอจะรู้ดี ถ้าจ้านเซินต้องการพาตัวเธอไป เขาจะต้องหาวิธีจนได้ แต่โอกาสนี้ลู่เซิ่นหยิบยื่นให้เขาเองกับมือ ทุกอย่างจึงดูน่าขัน

“ทำไมคุณไม่รีบบอกฉันล่ะคะ” ฉินซีพึมพำ

ใบหน้าลู่เซิ่นในตอนแรกมีรอยยิ้ม

เขาคิดมาตลอด จะหาโอกาสที่เหมาะสม บอกกับฉินซีว่าพวกเขายังไม่หย่ากัน

ในตอนแรกเริ่มเขาปิดบังฉินซีก็จริง เพราะเขารู้ว่า การแต่งงานของทั้งสองคนไม่ได้เริ่มต้นมาจากพื้นฐานของความรักใดๆ เขาอยากจะลองดูว่าเมื่อฉินซีหลุดพ้นข้อผูกมัดจากหนังสือทางกฎหมายนั่น จะทิ้งเขาไหม

ต่อมาเขาคิดอยากจะบอกฉินซีจริงๆ แต่ไม่มีโอกาสแล้ว

เมื่อครู่เป็นจังหวะที่ดี ฉินซีเป็นคนพูดถึงเรื่องอยากจะไปจดทะเบียนสมรสขึ้นมาเอง เขาก็เลยตามน้ำบอกเธอ ควรจะเรียกว่าเหมาะสมที่สุดถึงจะถูก

นึกไม่ถึง เมื่อเขาพูดออกไป ท่าทางของฉินซีกลับเปลี่ยนไป ค่อยๆ เงียบขรึมลง

มีอะไรไม่ถูกต้อง

ในใจลู่เซิ่นระวังตัว

แต่ยังไม่ทันพูดเสริมอะไร ก็ได้ยินฉินซีพูดเสียงขรึม “ลู่เซิ่น แกล้งกันอย่างนี้ สนุกมากไหมคะ”

ลู่เซิ่นรู้สึกหนาวเยือก คดีใส่ร้ายทั้งโลกนี้ไม่มีทางกล่าวหาว่าเขาผิด “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่ได้คิดจะแกล้งคุณ คุณก็รู้นี่ ตอนนั้นสถานการณ์มันเป็นยังไง”

“แต่ตอนหลังคุณมีโอกาสเยอะแยะที่จะบอกฉันนี่คะ” ฉินซีตีสีหน้าขรึมตัดบทเขา

ลู่เซิ่นอ้าปาก แต่สุดท้ายก็พูดอะไรไม่ออก

ระหว่างสองคนเงียบงันไปอีกครั้ง แต่ต่างกับความเงียบที่อบอุ่นก่อนหน้านี้ สีหน้าของฉินซีมีแววตำหนิ แต่ลู่เซิ่นหลบสายตา ไม่มองหน้าเธอ

สุดท้ายเป็นเสียงเคาะประตูของถังย่าที่ขัดจังหวะทั้งสองคน

“ยังเหลืออีกหนึ่งนาที รีบบอกลากันเถอะ”

สองคนที่อยู่ในห้องขยับตัวเพราะเสียงของเธอ

สุดท้ายฉินซีสูดหายใจลึก ลุกขึ้น

สายตาของลู่เซิ่นยังอาลัยอาวรณ์สุดซึ้ง ทำให้ความโกรธของเธอเมื่อครู่สลายหายไปในพริบตา

เธอถอนหายใจเบาๆ ยื่นมือไปจับคางลู่เซิ่น น้ำเสียงมีแววขู่ “วันหน้าวันหลังอย่าหลอกฉันอีกนะคะ”

แต่ขณะที่เธอขู่ในสายตาลู่เซิ่นเหมือนแมวน้อยกางกรงเล็บ แสร้งทำเป็นคำรามดุร้าย ดูเหมือนโหดเหี้ยมมาก ที่จริงไม่ได้จะโจมตีอะไร

เขาเห็นฉินซีแกล้งทำท่าดุ ในสายตายิ้มขัน รู้ว่าเธอไม่โกรธแล้ว ก็ยิ้มบางๆ พลิกมือมาจับมือเธอ กระซิบ “ครับ วันหลังผมจะไม่ทำแบบนี้อีก”

ฉินซีถูกรอยยิ้มของเขาดึงดูด จากการนำของเขา เธออดไม่ได้ที่จะก้มลง

ขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองกำลังเคลื่อนเข้าหากัน ประตูห้องของลู่เซิ่นก็ถูกเปิดออก

“ถึงเวลาแล้วค่ะ” สายตาของถังย่ากวาดตามองทั้งสองคนที่ใกล้ชิดกัน ยิ้มพลางพูดแหย่ “พวกเธอไม่ได้ล็อกประตูเอง ว่าฉันไม่ได้นะ”

ฉินซีถูกถังย่าเห็นเข้า สีหน้าเก้อเขิน อยากจะลุกขึ้น แต่ลู่เซิ่นกลับยื่นคอ มาประทับจูบฉินซีเสียงดัง

ทันใดนั้นฉินซีหูแดง

แม้แต่ถังย่าก็ทำหน้าไม่ถูก แม้แต่การแสดงออกเชิงล้อเล่นก็ยังลืมไปสนิท

มีแต่ลู่เซิ่นที่สีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ลุกขึ้นจากเตียง จูงมือฉินซีเดินไปหาถังย่า

“ดูแลเธอดีๆ นะคับ”

ถังย่าใช่ว่าไม่เคยร่วมงานกับลู่เซิ่นแต่ไม่เคยเห็นลู่เซิ่นจริงจังขนาดนี้แม้แต่การทำสัญญาที่สำคัญที่สุดก็ตาม

คำพูดล้อเล่นในตอนแรกก็กลืนลงไป พยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วถอยไปก้าวหนึ่ง หันเดินไปอีกทางของระเบียง

ฉินซีเม้มริมฝีปาก สุดท้ายหันมามองลู่เซิ่นแวบหนึ่ง เหมือนกับตัดสินใจได้แล้ว ยกชายกระโปรงชุดแต่งงานแสนหนัก เดินตามถังย่าไป

ลู่เซิ่นยืนพิงประตู มองตามเงาของฉินซีที่หายลับไปตรงมุมหนึ่งของระเบียง ไม่หันกลับมามองสักครั้ง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท