Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1266

ตอนที่ 1266

บทที่ 1266 คำอธิบายที่สายเกินไป

แต่ฉินซีนั้นรับรู้ได้ชัดเจนมาก

ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดถึงรสสัมผัสแนบเนื้ออย่างใกล้ชิดกับลู่เซิ่น แต่สถานการณ์เบื้องหน้ายังไม่ถูกอธิบายให้ชัดเจน ทั้งสองคนยังไม่เข้าใจกัน ถ้าหากว่าเกิดเรื่องแบบนั้น จะทำให้สถานการณ์ควบคุมไม่ได้มากยิ่งขึ้น

ดังนั้นคล้ายกับว่ามีเสียงแหลมสูงของนกหวีดดังขึ้นในสมองของฉินซี ทันใดนั้นเธอก็ได้สติตื่นขึ้นมาจากบรรยากาศคลุมเครือที่มาพร้อมกับจูบอันเร่าร้อน มือทั้งสองข้างฝืนยันแผงอกของลู่เซิ่นไว้ พลางดิ้นรนอย่างต้องการถอยหลัง

แต่การกระทำของเธอคล้ายกับทำให้ลู่เซิ่นตกใจตื่นจากฝันอันงดงาม ใบหน้าของเขามีร่องรอยแห่งความไม่ยินดีพาดผ่าน มือที่โอบอยู่รอบเอวของฉินซี ไม่เพียงแต่จะผ่อนแรง แต่กลับเพิ่มแรงกอดฉินซีเอาไว้ เหมือนกับต้องการให้ฉินซีจมไปในอ้อมกอด กลายเป็นเลือดเนื้อเดียวกันกับตัวเอง แบบนี้ทั้งสองคนจะได้ไม่ต้องแยกจากกันอีก

แต่การกระทำแบบนี้ของเขากลับทำให้ฉินซีต่อต้านหนักขึ้นกว่าเดิม

ความแนบชิดสนิทสนมของทั้งสองคนกลายเป็นสงครามที่ถูกทำลายลง ใครก็ไม่ยินยอมที่จะประนีประนอม

สุดท้ายแล้ว หลังจากที่บนริมฝีปากถูกฉินซีกัดจนได้แผลหนึ่ง ลู่เซิ่นก็ถอยก้าวหนึ่ง และปล่อยฉินซีในที่สุด

แต่สายตาของเขายังคงจ้องคงจับจ้องเธออยู่

“ลู่เซิ่น” ฉินซียื่นมือออกมาถูริมฝีปากของตัวเอง เหมือนกับต้องการลบสัมผัสอันแนบชิดเมื่อครู่นี้ทิ้งไป เพื่อให้ตัวเองมีสติเล็กน้อย “คุณยังไม่ได้อธิบายชัดเจนว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นอย่างไรกันแน่ให้ฉันฟัง”

ความปรารถนายังคงลุกโชนอยู่ในนัยน์ตาของลู่เซิ่น ดูแล้วคล้ายกับการฝืนให้ตัวเองสงบเยือกเย็นลงอย่างไม่เต็มใจ

แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างใจกว้างนั้นทำให้ผู้คนตกตะลึง

“คุณอยากจะฟังอะไร ผมจะอธิบายให้คุณฟังทั้งหมด”

ไม่ใช่ว่าฉินซีจะไม่รู้สึกตะลึง

ก่อนจะมาที่นี่ เธอเคยจินตนาการไว้ว่า ถ้าหากตัวเองเรียกร้องคำอธิบายหนึ่งจากลู่เซิ่น เขาจะใช้ท่าทีแบบไหนมาเผชิญหน้ากับตัวเอง

ในจินตนาการของฉินซี แม้ว่าตัวเองจะสามารถพบเขาได้อย่างราบรื่น ก็ต้องลงทุนลงแรงอยู่บ้าง ถึงจะสามารถได้ยินความจริงทั้งหมดจากเขา

แต่ความใจกว้างของลู่เซิ่นนั้นล้วนอยู่นอกเหนือจากการคาดการณ์ของเธอทั้งหมด

นี่เป็นเพราะว่าอะไรก็ไม่ได้ทำ ดังนั้นจึงสามารถพูดจาได้อย่างมีเหตุมีผลและเต็มไปด้วยความมั่นใจ หรือว่าเป็นเพราะ……เตรียมการทั้งหมดไว้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว ดังนั้นจึงไม่กลัวที่จะถูกตั้งคำถามกันนะ

ฉินซียังคงมีความสงสัยสุดท้ายอยู่ในใจ

แต่เธอก็ยังตัดสินใจที่จะเอ่ยพูดตั้งแต่แรกเริ่ม

“ที่ตอนนั้นฉันตัดสินใจจากไป เป็นเพราะการไปเมืองหนานของคุณในตอนบ่ายวันนั้น ในกล่องอีเมลของฉันได้รับอีเมลที่ไม่ระบุชื่อฉบับหนึ่ง ด้านในมีคลิปเสียงเสียงหนึ่ง ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าคุณกับหลินยี่กำลังพูดคุยวางแผนว่าจัดงานแต่งงานอย่างไร” ฉินซีก็ไม่ได้ปิดบัง บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเองออกมาหมดเปลือก “ตอนนี้ฉันก็สงสัยอยู่บ้าง ประจวบเหมาะกับที่สองสามวันนั้น ฉันกำลังจัดเตรียมงานนิทรรศการภาพถ่าย จึงถือโอกาสติดต่อถังย่า ให้เธอช่วยฉันตรวจสอบคลิปเสียงคลิปนั้นว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่”

สีหน้าของลู่เซิ่นก็จริงจังขึ้นตามคำอธิบายของฉินซี เขาถามต่อประโยคหนึ่งว่า “คลิปเสียงนั้นพูดว่าอะไร”

ฉินซีแทบจะไม่จำเป็นต้องพยายามย้อนคิดเลย คำพูดนั้นเหมือนถูกสลักเอาไว้ในใจของเธอ แค่อ้าปากก็ท่องออกมาได้อย่างคล่องแคล่วรอบหนึ่ง

ลู่เซิ่นฟังจบแล้ว สีหน้าก็ยิ่งไม่น่ามอง

“ตอนนั้นฉันให้ถังย่าช่วยฉันตรวจสอบคลิปเสียงคลิปนั้นว่าผ่านการตัดต่อเติมแต่งเข้าไปหรือไม่ แต่ผลคือไม่มี ช่วงเวลานั้น…….การแสดงออกของคุณแปลกไปอยู่บ้างจริงๆ ดังนั้นในใจของฉันจึงเก็บงำความสงสัยเอาไว้” ฉินซีเอ่ยต่อ

คิ้วของลู่เซิ่นขมวดเล็กน้อย

ถ้าหากว่าฉินซีไปตรวจสอบการตัดต่อของเสียงพูด อย่างนั้นคลิปเสียงนั้นไม่อาจจะมีปัญหาใดๆแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดออกมาจากปากเองจริงๆ แต่ว่าไม่มีบริบทอื่นๆ เมื่อฟังเพียงแค่เสียงพูดท่อนนั้น ก็จะทำให้ความหมายเดิมของคำพูดนั้นห่างไกลจากเป้าหมายเดิมมากยิ่งขึ้น

คนที่พยายามใส่ร้ายตัวเองนั้น มีวิธีการที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ทั้งตรวจสอบไม่พบปัญหาใดๆ ทั้งยังสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่พวกเขาต้องการได้

แต่ลู่เซิ่นยังคงมีความสงสัยในปัญหาอีกข้อหนึ่ง

ถ้าหากว่าตัวเองจำไม่ผิดล่ะก็ คำพูดท่อนนั้น เขาพูดกับหลินยี่ที่บริษัทลู่ซื่อ

ภายในห้อง นอกจากตัวลู่เซิ่นแล้ว ก็มีเพียงแค่ลู่เหวยเท่านั้น

เขาเชื่อว่าลู่เหวยจะต้องไม่ทำเรื่องประเภทนี้ออกมาแน่ๆ และก็รู้ว่าอ้างอิงจากระดับความปลอดภัยของบ้านตระกูลลู่ ไม่สามารถมีหน่วยสอดแนมปะปนเข้ามาติดตั้งเครื่องดักฟังอะไรพวกนั้นอย่างแน่นอน

คลิปเสียงนั้น ไปอยู่ในกำมือได้อย่างไรกันแน่

แต่เมื่อเหลือบตาขึ้นมอง ก็เห็นว่าฉินซีกำลังรอคำอธิบายของตัวเองอยู่ ลู่เซิ่นทำได้เพียงแค่กดความสงสัยในใจของตัวเองลงไปก่อนชั่วคราว คิดไปคิดมาก็เอ่ยว่า “ถ้าพูดแบบนี้……คุณคงยากที่จะเชื่อ เสียงพูดนี้ไม่ได้ผ่านการตัดต่อเติมแต่งจริงๆ เป็นคำพูดเดิมที่ออกมาจากปากของผม แต่เจตนาที่แท้จริงที่ผมพูดคำพูดนี้ออกมา ก็แค่กำลังหยอกล้อหลินยี่เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าพิจารณาที่จะแต่งงานกับเวินจิ้งอย่างจริงจัง”

ในสายตาของฉินซีมีอะไรบางสิ่งพาดผ่านไป จากนั้นก็ดับลง

เธอหลุบตาลง ทำให้คนมองไม่ออกว่าผิดหวังหรือไม่ แต่ลู่เซิ่นสามารถรู้สึกได้ว่า สภาพจิตใจของเธอหม่นหมองเป็นอย่างมาก

“ผม…….” เขาคิดจะอ้าปากอธิบาย แต่เมื่อถึงตอนนี้ ก็พบว่าคำพูดเป็นเรื่องที่อ่อนแอไร้กำลังมากเพียงใด

เขาไม่มีคลิปเสียงดีๆที่สามารถใช้อธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นกันแน่ และก็ไม่มีวิธีที่จะทำให้ฉินซีเชื่อตัวเองได้โดยสิ้นเชิง

วิธีการเพียงหนึ่งเดียว มีเพียงแค่ให้หลินยี่ที่มีฐานะเป็นพยานทางบุคคลมาอธิบายแทนตัวเอง

แต่ลู่เซิ่นก็รู้เช่นกันว่า สำหรับฉินซีนั้น ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือในคำพูดของหลินยี่ ก็ไม่ได้สูงมาก

……..เดี๋ยวก่อน คลิปเสียงหรือ

ลู่เซิ่นคล้ายกลับว่ามีแสงหนึ่งพาดผ่านสมองไป คิดอะไรขึ้นมาได้ในทันที

ถ้าหากว่าในเหตุการณ์ไม่มีคนอื่นแล้ว อย่างนั้น…….สิ่งที่ฉินซีเรียกว่าองค์กรนั้น มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะดักฟังผ่านโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ใช้ฟังก์ชั่นบันทึกเสียง เพื่อให้ได้เนื้อหาในบทสนทนาของตัวเองกับหลินยี่

เมื่อเข้าใจในจุดนี้แล้ว ลู่เซิ่นก็วาดแผนการหนึ่งขึ้นในสมองด้วยความเร็วแสงว่า จะไล่ตามเบาะแส เพื่อจับกุมคนที่บุกรุกเข้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองเหล่านั้นอย่างไร

แต่เขาก็แค่คิดวาดแผนการคร่าวๆแผนหนึ่ง และวางไว้อีกด้าน ไม่ได้ลงรายละเอียด

ถึงอย่างไร เบื้องหน้าก็ยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่เขาจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ

“ฉินซี” แววตาที่ลู่เซิ่นมองเธอจริงจังเป็นอย่างมาก “มีบางคำพูด เพียงแค่ฟังส่วนหนึ่งในนั้น ก็อาจจะเข้าใจผิดจากเป้าหมายเดิมไปคนละทาง ผมไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ถึงจะสามารถทำให้คุณเชื่อผมได้ แต่ผมจำเป็นต้องบอกกับคุณ ผมไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงานกับเวินจิ้งเลย”

สีหน้าของฉินซีนั้นทำให้คนมองไม่ออกว่า เธอเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่ เธอเพียงแค่ยิ้มบางๆ ทว่าแววตากลับไม่มีความอบอุ่นใดๆ

“แน่นอนว่าฉันรู้ว่า คลิปเสียงสามารถจะหลอกคนได้ อาจจะมีคนต้องการทำให้ฉันเข้าใจผิดจากเบื้องหลัง ดังนั้น วันนั้นตอนเช้า ฉันไปตรวจสอบที่บริษัทของถังย่า ยืนยันแล้วว่าคลิปเสียงไม่มีปัญหา และก็ไม่ได้เชื่อในทันที คุณอาจจะได้ฟังพ่อบ้านพูดแล้วสินะ ฉันเพิ่งจะกลับบ้าน ก็พบว่ารีสอร์ทชิงหยวนถูกคนบุกเข้ามา

แน่นอนว่าลู่เซิ่นรู้ และยังรู้อีกว่าผู้บุกรุกอาจจะทำอะไรบางอย่างกับคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ฉินซีรู้สึกผิดหวังกับตัวเองโดยสิ้นเชิง หลังจากที่ฉินซีได้ดู

แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่าฉินซีเห็นอะไรกันแน่

แต่เขามีลางสังหรณ์หนึ่งว่า เรื่องที่ฉินซีจะบอกตัวเองในเร็วๆนี้ น่าจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท