Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1269

ตอนที่ 1269

บทที่ 1269 ขอแต่งงาน

ลู่เซิ่นสังเกตได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่า พูดคุยกันมานานขนาดนี้ ฉินซีไม่เอ่ยถึงช่วงเวลาสามเดือนที่ตัวเองอยู่ที่องค์กรออกมาเลย ไม่พูดว่าตัวเองทำอะไร และก็ไม่พูดว่าตัวเองใช้ชีวิตผ่านมาอย่างไรบ้าง

ลู่เซิ่นสามารถเดาได้ว่า เธอน่าจะไม่สามารถพูดได้

แต่ในเมื่อไม่พูด ลู่เซิ่นก็สามารถเดาได้เช่นกันว่า เธอน่าจะใช้ชีวิตอย่างลำบาก

แม้ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องขั้นตอนการบำบัดรักษาให้นึกความทรงจำเหล่านั้นออก ก็น่าจะทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก

จึงรู้สึกรักระคนสงสาร และมีโทสะอยู่บ้าง

คนที่เขาประคองไว้กลางฝ่ามือ กลัวว่าจะละลาย ได้รับความไม่เป็นธรรมและความทุกข์ทรมานมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรได้

ลู่เซิ่นหลับตา เก็บงำโทสะที่พาดผ่านเข้ามาในแววตาเอาไว้

แต่สุดท้ายแล้วก็ตั้งใจจะไม่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อฉินซีต่อไป

ตอนนี้ถือว่าเขาเข้าใจแล้วว่า อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า เมื่อตกหลุมรัก ก็จะมีจุดอ่อน

มองฉินซีได้รับความเป็นธรรมไม่ได้ เห็นเธอเป็นทุกข์ไม่ได้

ดังนั้นตัวเองจึงใจอ่อน เลือกที่จะเป็นฝ่ายประนีประนอมก่อน

“สาเหตุที่ผมจัดงานแต่งงานนี้ขึ้นมา ที่จริงแล้วก็เพื่อที่จะ……..ให้คุณปรากฏตัวออกมา” ลู่เซิ่นพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา และรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก จึงทำได้เพียงแค่หลับตาแล้วปล่อยให้ความอับอายนั้นผ่านไป และเอ่ยต่อว่า “ในภายหลังถังย่าเคยมาหาผมครั้งหนึ่ง จากคลิปวิดีโอที่เธอมอบให้นั้น คุณ……..มีอิสระ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระได้”

ในที่สุดฉินซีก็อดไม่ไหว เอ่ยพูดว่า “เธอให้คุณดูอะไรหรือ”

ลู่เซิ่นไม่ได้ปิดบัง “คลิปวิดีโอหนึ่ง ในคลิปนั้นมีคนถามคุณว่าอยากจะออกทะเลไหม คุณปฏิเสธไป”

ลู่เซิ่นคล้ายว่าแข่งกับตัวเอง ไม่อยากจะพูดชื่อจ้านเซินออกมาตรงๆ แต่ฉินซียังคงมีปฏิกิริยาขึ้นมา

“เป็นจ้านเซินหรือ” เธอถามอีก

ลู่เซิ่นเม้มปาก พยักหน้า

ฉินซีย้อนนึกถึงความทรงจำนั้นอยู่หลายวินาที ถึงได้นึกออกว่าลู่เซิ่นพูดถึงเรื่องอะไร

ช่วงเวลานั้น ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จ้านเซินมักจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายเธอ ถามคำถามต่างๆนาๆว่าต้องการจะจากไปหรือไม่ ฉินซีถือว่าสิ่งนี้เป็นการทดสอบแบบใหม่อย่างหนึ่งของจ้านเซิน ดังนั้นจึงหันหน้าให้กับกล้อง ยิ้มและพูดเพียงแค่ว่าไม่ไป

เธอจะคิดได้อย่างไรว่า สิ่งที่จ้านเซินถ่ายจะมีประโยชน์ในการใช้สอยแบบนี้

จากประสบการณ์ของเธอ สำหรับองค์กรแล้ว การจัดเตรียมอย่างการดึงข้อมูลบางส่วนและการบิดเบือนข้อมูลเดิม แทบจะเรียกได้ว่าชำนาญมาก

ดังนั้นสิ่งที่ลู่เซิ่นเห็นในคลิปวิดีโอนั้น คาดว่าตัวเองจะมีอิสระและมีความสุข ดังนั้นเขาถึงได้……..

“คุณคิดว่าฉันเป็นอิสระสินะ เพียงแต่ไม่คิดจะกลับมาหาคุณเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากใช้วิธีการแบบนี้ดึงให้ฉันกลับมา” ฉินซีพูดแล้วก็รู้สึกว่าเหลวไหลอยู่บ้าง “คุณรู้ได้อย่างไรว่า ถ้าใช้วิธีประเภทนี้ ฉันจะต้องติดเบ็ดอย่างแน่นอน”

ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ผมรู้จักคุณ ถ้าหากว่าผมประกาศว่าจะแต่งงานในตอนนี้ คุณจะต้องสงสัยว่าผมมีชู้ในช่วงที่แต่งงานกับคุณหรือไม่ สำหรับคุณแล้ว ไม่สามารถอดทนต่อเรื่องแบบนี้ได้ ดังนั้นคุณจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”

ฉินซีหมดคำพูดไปชั่วขณะ

เป็นเช่นนั้นจริงๆ นี่เป็นจุดที่เจ็บปวดของเธอ และไม่สามารถให้อภัยได้ตลอดกาลเช่นกัน

“ดังนั้น คุณดูสิ คุณก็มาแล้วไม่ใช่หรือ” ลู่เซิ่นเหลือบตาขึ้นจ้องฉินซี

แววตาของเขามีรอยยิ้มและแววปลอบประโลมอย่างเห็นได้ชัด ฉินซีไม่อาจฝืนทนที่จะพูดออกไปว่า ถ้าหากตัวเองไม่ได้มา เขาจะทำอย่างไร

ที่แท้ลู่เซิ่นก็สามารถทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ และต้องเดิมพันเป็นด้วย

เมื่อพูดคุยทุกอย่างจนเข้าใจแล้ว เธอถึงพบว่าที่แท้ตัวเองก็มีความไว้วางใจให้กับลู่เซิ่น อย่างที่ไม่สามารถบอกเหตุผลออกมาได้โดยตลอด

เขาพูดทั้งหมดด้วยความจริงใจเกินไปแล้ว ความปีติยินดีที่ได้กลับมาพบกัน หลังจากไม่ได้พบหน้ากันนานกับตัวเองบนใบหน้าเขา ก็ไม่มีทางเสแสร้งแกล้งทำออกมาได้

ฉินซีมองเขา เบื้องลึกในจิตใจก็รู้สึกถึงความปวดแปลบที่ไม่อาจมองข้ามได้

การได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในตอนนี้เป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เหมือนกับน้ำค้างยามเช้าก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ที่อยู่สั้นๆเพียงแค่คืนเดียว

รอจนถึงงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้สิ้นสุดลง เรื่องที่ถังย่าช่วยปิดบังแทนตัวเองจะไม่มีผลแล้ว เธอก็จำเป็นต้องไปจากที่นี่ กลับไปยังเกาะที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และถูกแยกจากลู่เซิ่นไปอยู่คนละที่อีกครั้ง

ฉินซีไม่อาจฝืนทนที่จะบอกความจริงนี้กับลู่เซิ่น ดังนั้นจึงบีบบังคับตัวเองให้เบนสายตาหนีไป

แต่เมื่อหันหน้าไป ก็เห็นชุดแต่งงานอันงดงามที่วางอยู่บนเตียงชุดนั้น

“ผมไปเมืองหนานในตอนนั้น” ลู่เซิ่นเห็นว่าเธอไม่ตลกอยู่นาน ก็มองตามทิศทางสายตาเธอไป ยังนึกว่าเธอเกิดความสนใจต่อชุดแต่งงาน จึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า “เพราะได้ไปพบกับเวินจิ้งที่อยู่ในคุก และก็นึกขึ้นได้กะทันหันว่า ระหว่างพวกเราไม่มีงานแต่งงานที่เป็นรูปเป็นร่างเลย ดังนั้นจึงเริ่มจัดเตรียมงานแต่งของพวกเราสองคนด้วยความสุขใจ จองชุดแต่งงานและแหวน กระทั่งหาบริษัทรับจัดงานแต่งงาน เพื่อเตรียมวางแผนงานแต่งงานของพวกเรา เตรียมรอผมกลับมาก็จะจัดงานแต่งงานดีๆงานหนึ่ง แต่ว่า……….”

คำพูดของลู่เซิ่นเอ่ยไม่จบ แต่ฉินซีก็รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น

เขายังไม่ได้กลับมา ฉินซีก็หายตัวไปแล้ว

ตอนนั้นลู่เซิ่นที่มีความสุขล้นใจ จะต้องเหมือนถูกน้ำเย็นถังหนึ่งสาดใส่หน้าแน่นอน

แค่ฉินซีคิด ก็รู้สึกว่าภาพนั้นโหดร้ายอยู่บ้าง

แต่เมื่อเขาอธิบายแบบนี้แล้ว ชุดแต่งงานงดงามที่อยู่บนเตียงชุดนั้นก็ดูแล้วไม่ขัดตาขนาดนั้นอีก

ฉินซีเหมือนกับถูกอะไรบางสิ่งดึงดูด ลุกขึ้นและเดินไปทางชุดแต่งงานที่อยู่ด้านนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

เพียงแต่เดินไปได้ครึ่งทาง ก็รู้สึกเหมือนใต้เท้าเตะถูกอะไรกะทันหัน

ฉินซีก้มหน้ามอง จึงพบว่าเป็นกล่องกำมะหยี่สีดำกล่องนั้นที่ตัวเองทำหลุดจากมือ หล่นลงพื้น หลังจากสะดุ้งตกใจ เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของลู่เซิ่น

เธอโค้งตัวลง คิดจะเก็บขึ้นมา แต่การเคลื่อนไหวของลู่เซิ่นกลับเร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง

เขาย่อตัวลง เก็บกล่องนั้นขึ้นมา คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นกะทันหัน และยกกล่องแหวนขึ้นไปทางฉินซี

“เมื่อคิดย้อนดูสักหน่อย ก็พบว่าผมไม่เคยพูดประโยคนี้กับคุณมาก่อน กระทั่งการแต่งงานในครั้งที่แล้วก็ถือว่า คุณขอผมแต่งงาน อย่างนั้นในครั้งนี้ เปลี่ยนให้ผมเป็นคนเอ่ยถามคุณอย่างจริงจังว่า ฉินซี คุณยินยอมที่จะแต่งงานกับผมไหม”

ตอนที่ลู่เซิ่นเข้ามา ก็เปิดไฟในห้องนอนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ภายในห้องนอนสว่างจนแสบตา มีแสงไฟหนึ่งส่องลงบนร่างของลู่เซิ่นพอดี

ฉินซีก้มหน้ามอง ก็เห็นว่าใบหน้าลู่เซิ่นเต็มไปด้วยความจริงจัง และความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาด

ผู้ชายที่ตัวเองรักมากคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนฟื้น ชูแหวนขึ้นมา ขอตัวเองแต่งงาน

ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถปฏิเสธภาพแบบนี้ได้

แม้ว่าสมองของฉินซีจะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ เตือนเธอว่า เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ตอนนี้รับปากลู่เซิ่น ก็จะหลงเหลือแต่ความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิมไว้ให้กับคนทั้งสองคน

แต่เธอกลับไม่มีเวลาจะใส่ใจการห้ามปรามของสตินั้น

เธอหน่วยตาแดงระเรื่อ ยื่นนิ้วมือไปทางลู่เซิ่น อย่างควบคุมไม่อยู่

เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าการกระทำนั้นชัดเจนมากพอแล้ว

สีหน้าซีดขาวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่เซิ่นหนึ่งวินาทีสั้นๆ จากนั้นก็เป็นความดีใจอย่างท่วมท้น เหมือนกับคลื่นกระทบจมใบหน้าเขาเอาไว้

เขาก้มหน้าหยิบแหวนออกมาจากกล่องกำมะหยี่ คิดจะสวมให้กับฉินซีอย่างจริงจัง

หางตาฉินซีกลับพบว่า นิ้วของลู่เซิ่นสั่นเล็กน้อย

…….ที่แท้ผู้นำบริษัทลู่ซื่อที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้ จะรู้สึกตื่นเต้นในเวลาแบบนี้เป็นด้วย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท