บทที่ 1269 ขอแต่งงาน
ลู่เซิ่นสังเกตได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่า พูดคุยกันมานานขนาดนี้ ฉินซีไม่เอ่ยถึงช่วงเวลาสามเดือนที่ตัวเองอยู่ที่องค์กรออกมาเลย ไม่พูดว่าตัวเองทำอะไร และก็ไม่พูดว่าตัวเองใช้ชีวิตผ่านมาอย่างไรบ้าง
ลู่เซิ่นสามารถเดาได้ว่า เธอน่าจะไม่สามารถพูดได้
แต่ในเมื่อไม่พูด ลู่เซิ่นก็สามารถเดาได้เช่นกันว่า เธอน่าจะใช้ชีวิตอย่างลำบาก
แม้ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องขั้นตอนการบำบัดรักษาให้นึกความทรงจำเหล่านั้นออก ก็น่าจะทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
จึงรู้สึกรักระคนสงสาร และมีโทสะอยู่บ้าง
คนที่เขาประคองไว้กลางฝ่ามือ กลัวว่าจะละลาย ได้รับความไม่เป็นธรรมและความทุกข์ทรมานมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรได้
ลู่เซิ่นหลับตา เก็บงำโทสะที่พาดผ่านเข้ามาในแววตาเอาไว้
แต่สุดท้ายแล้วก็ตั้งใจจะไม่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อฉินซีต่อไป
ตอนนี้ถือว่าเขาเข้าใจแล้วว่า อะไรคือสิ่งที่เรียกว่า เมื่อตกหลุมรัก ก็จะมีจุดอ่อน
มองฉินซีได้รับความเป็นธรรมไม่ได้ เห็นเธอเป็นทุกข์ไม่ได้
ดังนั้นตัวเองจึงใจอ่อน เลือกที่จะเป็นฝ่ายประนีประนอมก่อน
“สาเหตุที่ผมจัดงานแต่งงานนี้ขึ้นมา ที่จริงแล้วก็เพื่อที่จะ……..ให้คุณปรากฏตัวออกมา” ลู่เซิ่นพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา และรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก จึงทำได้เพียงแค่หลับตาแล้วปล่อยให้ความอับอายนั้นผ่านไป และเอ่ยต่อว่า “ในภายหลังถังย่าเคยมาหาผมครั้งหนึ่ง จากคลิปวิดีโอที่เธอมอบให้นั้น คุณ……..มีอิสระ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระได้”
ในที่สุดฉินซีก็อดไม่ไหว เอ่ยพูดว่า “เธอให้คุณดูอะไรหรือ”
ลู่เซิ่นไม่ได้ปิดบัง “คลิปวิดีโอหนึ่ง ในคลิปนั้นมีคนถามคุณว่าอยากจะออกทะเลไหม คุณปฏิเสธไป”
ลู่เซิ่นคล้ายว่าแข่งกับตัวเอง ไม่อยากจะพูดชื่อจ้านเซินออกมาตรงๆ แต่ฉินซียังคงมีปฏิกิริยาขึ้นมา
“เป็นจ้านเซินหรือ” เธอถามอีก
ลู่เซิ่นเม้มปาก พยักหน้า
ฉินซีย้อนนึกถึงความทรงจำนั้นอยู่หลายวินาที ถึงได้นึกออกว่าลู่เซิ่นพูดถึงเรื่องอะไร
ช่วงเวลานั้น ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จ้านเซินมักจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายเธอ ถามคำถามต่างๆนาๆว่าต้องการจะจากไปหรือไม่ ฉินซีถือว่าสิ่งนี้เป็นการทดสอบแบบใหม่อย่างหนึ่งของจ้านเซิน ดังนั้นจึงหันหน้าให้กับกล้อง ยิ้มและพูดเพียงแค่ว่าไม่ไป
เธอจะคิดได้อย่างไรว่า สิ่งที่จ้านเซินถ่ายจะมีประโยชน์ในการใช้สอยแบบนี้
จากประสบการณ์ของเธอ สำหรับองค์กรแล้ว การจัดเตรียมอย่างการดึงข้อมูลบางส่วนและการบิดเบือนข้อมูลเดิม แทบจะเรียกได้ว่าชำนาญมาก
ดังนั้นสิ่งที่ลู่เซิ่นเห็นในคลิปวิดีโอนั้น คาดว่าตัวเองจะมีอิสระและมีความสุข ดังนั้นเขาถึงได้……..
“คุณคิดว่าฉันเป็นอิสระสินะ เพียงแต่ไม่คิดจะกลับมาหาคุณเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากใช้วิธีการแบบนี้ดึงให้ฉันกลับมา” ฉินซีพูดแล้วก็รู้สึกว่าเหลวไหลอยู่บ้าง “คุณรู้ได้อย่างไรว่า ถ้าใช้วิธีประเภทนี้ ฉันจะต้องติดเบ็ดอย่างแน่นอน”
ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ผมรู้จักคุณ ถ้าหากว่าผมประกาศว่าจะแต่งงานในตอนนี้ คุณจะต้องสงสัยว่าผมมีชู้ในช่วงที่แต่งงานกับคุณหรือไม่ สำหรับคุณแล้ว ไม่สามารถอดทนต่อเรื่องแบบนี้ได้ ดังนั้นคุณจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
ฉินซีหมดคำพูดไปชั่วขณะ
เป็นเช่นนั้นจริงๆ นี่เป็นจุดที่เจ็บปวดของเธอ และไม่สามารถให้อภัยได้ตลอดกาลเช่นกัน
“ดังนั้น คุณดูสิ คุณก็มาแล้วไม่ใช่หรือ” ลู่เซิ่นเหลือบตาขึ้นจ้องฉินซี
แววตาของเขามีรอยยิ้มและแววปลอบประโลมอย่างเห็นได้ชัด ฉินซีไม่อาจฝืนทนที่จะพูดออกไปว่า ถ้าหากตัวเองไม่ได้มา เขาจะทำอย่างไร
ที่แท้ลู่เซิ่นก็สามารถทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ และต้องเดิมพันเป็นด้วย
เมื่อพูดคุยทุกอย่างจนเข้าใจแล้ว เธอถึงพบว่าที่แท้ตัวเองก็มีความไว้วางใจให้กับลู่เซิ่น อย่างที่ไม่สามารถบอกเหตุผลออกมาได้โดยตลอด
เขาพูดทั้งหมดด้วยความจริงใจเกินไปแล้ว ความปีติยินดีที่ได้กลับมาพบกัน หลังจากไม่ได้พบหน้ากันนานกับตัวเองบนใบหน้าเขา ก็ไม่มีทางเสแสร้งแกล้งทำออกมาได้
ฉินซีมองเขา เบื้องลึกในจิตใจก็รู้สึกถึงความปวดแปลบที่ไม่อาจมองข้ามได้
การได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในตอนนี้เป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เหมือนกับน้ำค้างยามเช้าก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ที่อยู่สั้นๆเพียงแค่คืนเดียว
รอจนถึงงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้สิ้นสุดลง เรื่องที่ถังย่าช่วยปิดบังแทนตัวเองจะไม่มีผลแล้ว เธอก็จำเป็นต้องไปจากที่นี่ กลับไปยังเกาะที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และถูกแยกจากลู่เซิ่นไปอยู่คนละที่อีกครั้ง
ฉินซีไม่อาจฝืนทนที่จะบอกความจริงนี้กับลู่เซิ่น ดังนั้นจึงบีบบังคับตัวเองให้เบนสายตาหนีไป
แต่เมื่อหันหน้าไป ก็เห็นชุดแต่งงานอันงดงามที่วางอยู่บนเตียงชุดนั้น
“ผมไปเมืองหนานในตอนนั้น” ลู่เซิ่นเห็นว่าเธอไม่ตลกอยู่นาน ก็มองตามทิศทางสายตาเธอไป ยังนึกว่าเธอเกิดความสนใจต่อชุดแต่งงาน จึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า “เพราะได้ไปพบกับเวินจิ้งที่อยู่ในคุก และก็นึกขึ้นได้กะทันหันว่า ระหว่างพวกเราไม่มีงานแต่งงานที่เป็นรูปเป็นร่างเลย ดังนั้นจึงเริ่มจัดเตรียมงานแต่งของพวกเราสองคนด้วยความสุขใจ จองชุดแต่งงานและแหวน กระทั่งหาบริษัทรับจัดงานแต่งงาน เพื่อเตรียมวางแผนงานแต่งงานของพวกเรา เตรียมรอผมกลับมาก็จะจัดงานแต่งงานดีๆงานหนึ่ง แต่ว่า……….”
คำพูดของลู่เซิ่นเอ่ยไม่จบ แต่ฉินซีก็รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น
เขายังไม่ได้กลับมา ฉินซีก็หายตัวไปแล้ว
ตอนนั้นลู่เซิ่นที่มีความสุขล้นใจ จะต้องเหมือนถูกน้ำเย็นถังหนึ่งสาดใส่หน้าแน่นอน
แค่ฉินซีคิด ก็รู้สึกว่าภาพนั้นโหดร้ายอยู่บ้าง
แต่เมื่อเขาอธิบายแบบนี้แล้ว ชุดแต่งงานงดงามที่อยู่บนเตียงชุดนั้นก็ดูแล้วไม่ขัดตาขนาดนั้นอีก
ฉินซีเหมือนกับถูกอะไรบางสิ่งดึงดูด ลุกขึ้นและเดินไปทางชุดแต่งงานที่อยู่ด้านนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เพียงแต่เดินไปได้ครึ่งทาง ก็รู้สึกเหมือนใต้เท้าเตะถูกอะไรกะทันหัน
ฉินซีก้มหน้ามอง จึงพบว่าเป็นกล่องกำมะหยี่สีดำกล่องนั้นที่ตัวเองทำหลุดจากมือ หล่นลงพื้น หลังจากสะดุ้งตกใจ เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของลู่เซิ่น
เธอโค้งตัวลง คิดจะเก็บขึ้นมา แต่การเคลื่อนไหวของลู่เซิ่นกลับเร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง
เขาย่อตัวลง เก็บกล่องนั้นขึ้นมา คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นกะทันหัน และยกกล่องแหวนขึ้นไปทางฉินซี
“เมื่อคิดย้อนดูสักหน่อย ก็พบว่าผมไม่เคยพูดประโยคนี้กับคุณมาก่อน กระทั่งการแต่งงานในครั้งที่แล้วก็ถือว่า คุณขอผมแต่งงาน อย่างนั้นในครั้งนี้ เปลี่ยนให้ผมเป็นคนเอ่ยถามคุณอย่างจริงจังว่า ฉินซี คุณยินยอมที่จะแต่งงานกับผมไหม”
ตอนที่ลู่เซิ่นเข้ามา ก็เปิดไฟในห้องนอนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ภายในห้องนอนสว่างจนแสบตา มีแสงไฟหนึ่งส่องลงบนร่างของลู่เซิ่นพอดี
ฉินซีก้มหน้ามอง ก็เห็นว่าใบหน้าลู่เซิ่นเต็มไปด้วยความจริงจัง และความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาด
ผู้ชายที่ตัวเองรักมากคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนฟื้น ชูแหวนขึ้นมา ขอตัวเองแต่งงาน
ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถปฏิเสธภาพแบบนี้ได้
แม้ว่าสมองของฉินซีจะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ เตือนเธอว่า เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ตอนนี้รับปากลู่เซิ่น ก็จะหลงเหลือแต่ความเจ็บปวดที่มากกว่าเดิมไว้ให้กับคนทั้งสองคน
แต่เธอกลับไม่มีเวลาจะใส่ใจการห้ามปรามของสตินั้น
เธอหน่วยตาแดงระเรื่อ ยื่นนิ้วมือไปทางลู่เซิ่น อย่างควบคุมไม่อยู่
เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าการกระทำนั้นชัดเจนมากพอแล้ว
สีหน้าซีดขาวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่เซิ่นหนึ่งวินาทีสั้นๆ จากนั้นก็เป็นความดีใจอย่างท่วมท้น เหมือนกับคลื่นกระทบจมใบหน้าเขาเอาไว้
เขาก้มหน้าหยิบแหวนออกมาจากกล่องกำมะหยี่ คิดจะสวมให้กับฉินซีอย่างจริงจัง
หางตาฉินซีกลับพบว่า นิ้วของลู่เซิ่นสั่นเล็กน้อย
…….ที่แท้ผู้นำบริษัทลู่ซื่อที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้ จะรู้สึกตื่นเต้นในเวลาแบบนี้เป็นด้วย