Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1287

ตอนที่ 1287

บทที่ 1287 ออกจากบ้านตระกูลลู่

ลู่เซิ่นกวาดสายตามองลู่เหวยกับสูหยิง

เรื่องที่ฉินซีแต่งงานแล้วหายตัวไป ใช่ว่าเขาไม่สับสน สาเหตุก็เพราะ นอกจากจะไม่อยากให้ฉินซีไป ยังเป็นเพราะ…เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องที่ฉินซีไม่อยู่ที่นี่กับพ่อแม่อย่างไร”

เรื่องที่ฉินซีอยู่กับองค์กร เป็นความลับที่บอกไม่ได้ แต่เรื่องที่เธอหายตัวไป ก็ปิดพ่อแม่ไม่ได้เช่นกัน

หลังจากที่รู้ว่าถ้ารั้งเธอไว้ ชีวิตฉินซีจะตกอยู่ในอันตราย ลู่เซิ่นก็ไม่คิดถึงเรื่องที่จะต้องอธิบายกับพ่อแม่อีก

แต่ตอนนี้ เขาจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างไร

เขาจึงตั้งใจใช้น้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉินซีไปแล้วครับ แต่ผมแต่งงานแล้ว ภรรยาก็ต้องปรากฏตัวใช่มั้ยครับ เวินจิ้งก็เลยมารับหน้าที่แทน”

คำพูดของเขาสั้นกระชับแต่ครบถ้วน แต่ละคนในที่นั้นมีปฏิกิริยาแตกต่างกันมาก

หลินยี่กับเวินจิ้งที่รู้เรื่องทุกอย่างดีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ลู่เหวยกับสูหยิงสีหน้าเปลี่ยนไป

สูหยิงสีหน้าเคร่งเครียด “ฉินซีไม่อยู่ ไปไหน กว่าจะได้แต่งงานกัน กว่าฉันจะยอมพวกเธอ นี่เธอกำลังทำอะไรกันแน่”

ลู่เหวยก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน “งานแต่งเพิ่งจัดเสร็จ ฉินซีก็ไม่อยู่แล้วงั้นหรือ”

ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “เธอมีธุระด่วน ต้องรีบไปทำ พ่อ แม่ งานแต่งของพวกเราได้รับคำอวยพรจากพ่อแม่แล้ว พวกเราซาบซึ้งมาก แต่เรื่องต่อจากนี้…ขอให้ผมจัดการเองได้มั้ยครับ”

สูหยิงฟังความหมายเป็นนัยๆ ของลู่เซิ่นออก เธอเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว ชักสีหน้าตำหนิ “แกหมายความว่าไง ข้ามแม่น้ำแล้วตัดสะพานงั้นหรือ ลู่เซิ่น ถึงฉันเคยบอกว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของแก แต่ถึงยังไงฉันก็เป็นแม่แก! เรื่องแกแต่งงานกับฉินซีทำเป็นเด็กเล่นไปได้ จะให้ฉันวางใจได้ยังไง!”

ลู่เหวยนึกถึงคำพูดของลู่เซิ่นที่เคยพูดกับเขา

ลู่เซิ่นเคยสารภาพกับเขา เบื้องหลังของฉินซี…ซับซ้อน ดูเหมือนจะเป็นคนขององค์กรสายลับอะไรทำนองนั้น

…หรือว่าที่ฉินซีไม่อยู่ที่นี่ จะเกี่ยวกับสถานะของเธอหรือไม่

เหมือนด้วยจิตใต้สำนึก เขามองลู่เซิ่นแวบหนึ่ง

ลู่เซิ่นดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าเขามองมา จึงมองกลับไป

พ่อลูกประสานสายตากันครู่เดียว

ดูเหมือนลู่เหวยพบคำตอบจากการมองตากันสั้นๆ นี่เอง

ท่าทางสบายๆ ของลู่เซิ่นเป็นเพียงการแสดงตบตาเท่านั้น เขาไม่มีความสุขที่ต้องแยกกับฉินซี

อย่างนั้น…ต้องเป็นเพราะสถานะของฉินซีที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้

เมื่อเข้าใจเรื่องราวแล้ว ลู่เหวยจึงไม่ซักไซ้อีก หันไปทางสูหยิง พูดเกลี้ยกล่อม “เอาล่ะ ในเมื่อเด็กๆ แต่งงานแล้ว ก็เป็นเรื่องของเด็กสองคน เราอย่าไปยุ่งให้มากเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

สูหยิงดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเวลานี้ลู่เหวยจะไม่ช่วยเธอพูดอะไร แต่กลับช่วยพูดแทนลู่เซิ่น จึงสาดความโกรธใส่ลู่เหวย “คุณพูดอะไร! อะไรคือพวกเรายุ่มย่าม!”

พวกเขานั่งเถียงกันไปมาบนโซฟา ขณะที่ลู่เซิ่นหันไป มองเวินจิ้ง

“ขอบคุณครับ”

น้อยครั้งที่เขาจะกล่าวขอบคุณอย่างจริงจังเช่นนี้ อย่าว่าแต่เวินจิ้ง แม้แต่หลินยี่ที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าวก็ตะลึงเช่นกัน

แต่เวินจิ้งตะลึงอยู่เพียงครู่เดียว ก็ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ทำมือปฏิเสธกับลู่เซิ่น “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ พวกเราก็แค่ต่างฝ่ายวินๆ เท่านั้น”

ลู่เซิ่นยิ้มตอบ

ก่อนหน้านี้เขาพูดคุยแผนกับเวินจิ้งเรียบร้อยแล้ว เวินจิ้งไม่ต้องปรากฏตัว เพียงแต่ยืมชื่อเธอเท่านั้น จะไม่ให้เกิดอันตรายใดๆ กับเธอ

แต่วันนี้เพื่อปกป้องฉินซี เขาเปลี่ยนแผนกะทันหัน ให้เวินจิ้งปรากฏตัวแบบลับๆ ล่อๆ

แม้ว่าเพื่อรักษาความลับงานแต่งงาน ตอนที่แขกเข้ามาถูกเรียกเก็บของที่ถ่ายรูปได้ทุกอย่าง แต่ไม่อาจรับประกันว่าจะไม่มีคนถ่ายรูปเวินจิ้งได้

เมื่อรูปของเธอหลุดออกไป เช่นนั้นความรักที่ลู่เซิ่นแสดงออกกับฉินซีวันนี้ ทั้งหมดก็จะกลายเป็นอันตรายกับเวินจิ้ง

นี่มันเกินขอบเขตผลประโยชน์ร่วมกันที่พวกเขาเคยตกลงไว้แล้ว

ลู่เซิ่นเป็นนักธุรกิจ รู้ดีที่สุดว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับความยุติธรรม วันนี้เวินจิ้งเสียสละมาก สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

“วันนี้ผมติดค้างน้ำใจของคุณ” น้ำเสียงของลู่เซิ่นจริงจังมาก เหมือนตอนนั้นที่เขาให้คำสัญญาหน้าเตียงคนป่วยของหลินยี่ “ต่อไปมีปัญหาอะไร คุณขอให้ผมช่วยได้นะครับ”

เวินจิ้งอึ้งไป แล้วค่อยๆ มีรอยยิ้มออกมา

“ตกลงค่ะ”

แม้เธอจะรู้สึกว่าคงไม่มีวันที่เธอจะมีโอกาสใช้น้ำใจนี้ แต่ในเมื่อลู่เซิ่นเป็นคนเสนอเอง เธอจึงไม่ปฏิเสธ

ลู่เซิ่นพูดจบ ก็เงยหน้ามองหลินยี่

หลินยี่พยักหน้านิดหนึ่ง

เขาเองที่ตอบตกลงกับลู่เซิ่น ให้เวินจิ้งออกมาเสี่ยงอันตราย

ต่อให้มิตรภาพแน่นแฟ้น ก็สู้น้องสาวของตัวเองไม่ได้

หลินยี่ไม่มีทางยอมให้เวินจิ้งต้องแบกรับความเสี่ยงมากขนาดนี้โดยไม่มีเหตุผล

หลังจากพวกเขาคุยกันเรียบร้อย ลู่เหวยกับสูหยิงก็หยุดทะเลาะกันชั่วคราว เมื่อดูจากสีหน้าทั้งสองคน ลู่เหวยคงจะเกลี้ยกล่อมสูหยิงสำเร็จ

“พ่อไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ มีอะไรอีกที่ไม่ได้บอกพวกเรา” ลู่เหวยเงยหน้ามองลู่เซิ่น น้ำเสียงจริงจัง “แต่วันนี้ไม่ใช่แค่งานแต่งของแก ยังเกี่ยวข้องกับหน้าตาทั้งบริษัทลู่ซื่อ ไม่ว่าแกคิดจะทำอะไร แกต้องทำให้งานแต่งนี้จบลงด้วยดี หลังจากนี้ แกกลับไปอยู่ รีสอร์ทชิงหยวนเถอะ ฉันสั่งอะไรแกไม่ได้แล้ว”

ความหมายก็คือ ให้ลู่เซิ่นย้ายออกจากบ้านตระกูลลู่ เมื่อไม่เห็นหน้าก็ไม่ต้องกลุ้มใจอีก

ลู่เซิ่นฟังจบ ก็ยิ้มออกมา “ตอนแรกผมก็คิดว่าวันนี้จะกลับไปรีสอร์ทชิงหยวนอยู่แล้ว ที่นี่ผมอยู่ไม่ค่อยสบาย ไม่ต้องห่วงครับ ผมวางแผนไว้แล้ว พ่อแม่อยู่กันสบายๆ เถอะครับ”

อารมณ์ของสูหยิงถูกลู่เหวยปลอบให้สงบพอดี สีหน้าตอนนี้ยังคงบูดบึ้ง เพียงแต่มองลู่เซิ่นทำเสียงไม่พอใจทีหนึ่ง

ลู่เหวยโบกมือ “เอาล่ะ พวกเธอออกไปได้”

ลู่เซิ่นตอบรับทันที หันไปจะเดินไปที่ประตู ขณะที่กำลังจะเปิดประตู ก็หยุดฝีเท้า ท่ามกลางสายตาของหลินยี่ที่คล้ายจะยิ้ม ยืนอยู่ที่เดิมรอเวินจิ้งเดินมาที่ประตู ก็ยื่นแขนไปทางเธอ

เวินจิ้งชะงักนิดหนึ่ง ใบหน้ามีรอยยิ้มจนใจนิดหนึ่ง แต่ก็ทำตามยื่นมือออกไป คล้องแขนของลู่เซิ่น

หลินยี่มองลู่เซิ่นอย่างมีความหมายลึกๆ อยู่นาน ช่วยเขาเปิดประตูห้องรับแขกเล็ก

ได้จังหวะลับหลัง หลินยี่ค่อยกระซิบเสียงต่ำได้ยินกันเพียงสองคน “น้องสาวฉันยังไม่หย่านะ”

ลู่เซิ่นยิ้ม ใช้น้ำเสียงเบาเท่ากันตอบ “บังเอิญจัง ฉันก็ยัง”

พูดจบ ก็ไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของหลินยี่ พาเวินจิ้งเดินออกไป

เขาไม่ได้หยุดที่ห้องโถง แต่เดินตรงขึ้นบันไดไป ส่งเวินจิ้งขึ้นชั้นบน

เวินจิ้งเดินเข้าไปในห้องท่ามกลางสายตาของคนรับใช้ที่มีความหมายต่างๆ กัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท