บทที่ 1293 ไร้เดียงสา
ฉินซีทำได้เพียงกลืนคำถามที่อยากรู้ลงไป เธอเอื้อมมือไปรับเอกสารตรงหน้าอย่างสุภาพ ก่อนพูดขอบคุณหญิงตรงหน้าๆ “เธออยากกินน้ำสักแก้วไหม?”
ถังย่านิ่งคิด ดวงตามีความสับสน แต่ในที่สุดก็พยักหน้า “งั้นรบกวนหน่อยนะ”
ฉินซีก้าวเท้าไปข้างหลัง เพื่อให้เธอเข้ามาในห้อง ก่อนเดินไปปิดประตู
ฉินซีรู้ว่าห้องของตัวเองไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้น แต่ท่าทางของถังย่าดูผ่อนคลายมาก
รอจนประตูปิดลง เหมือนร่างกายของเธอจะปลดความกังวลลง เธอหมุนกายไปนั่งลงบนโซฟา
ฉินซีต้องการที่จะเตือนเธอ แต่ก็กังวลกับกล้องวงจรในห้องเช่นกัน ทำได้เพียงแค่เตือนถังย่าผ่านสายตาเท่านั้น
ไม่คิดว่าถังย่าจะรู้ว่าเธอกำลังจะสื่ออะไรผ่านดวงตา แต่เธอกลับหัวเราะ
“ไม่ต้องกังวลหรอก” ถังย่ากล่าว “กล้องวงจรปิดแล้วก็เครื่องดักฟังของที่นี่ถูกเอาออกไปแล้วล่ะ”
ฉินซีถึงกับผงะ “เป็นไปได้ยังไง … ”
ถังย่าหัวเราะคิกคัก นอนเหยียดลงบนโซฟา “ที่จริงในหอพักนี้ไม่มีกล้องวงจรหรอกนะ มีแค่เครื่องดักฟัง แต่จ้านเซินอยากรู้ว่าเธอยังคงมีใจให้ลู่เซิ่นอยู่หรือเปล่า ก็เลยติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่ตอนนี้ เขาคงมั่นใจแล้วว่าเธอคงตัดใจจากลู่เซิ่นได้ ก็เลยให้อิสระเธอยังไงล่ะ”
ฉินซียังคงขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นเครื่องดักฟัง … ”
รอยยิ้มบนมุมปากของถังย่าปรากฏขึ้น “ฉันขอให้เอาออกไปแล้วน่ะ”
เมื่อพูดจบ เธอก็นิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ
ฉินซีสังเกตใบหน้าของถังย่า รู้ดีว่าเธอไม่ควรถามอะไรต่อ
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางรู้เลยว่า เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนถังย่ามีความสุขแค่ไหนที่ได้รับโทรศัพท์จากจ้านเซิน และเมื่อได้ฟังคำถามของเขาให้ชัด ความรู้สึกผิดหวังก็เอ่อล้น
ถังย่าคาดว่า ตอนที่เขาโทรศัพท์มาหาเธอนั้น จ้านเซินและฉินซีก็คงยังอยู่บนเครื่องบิน คำถามของเขาเรียบง่ายตรงไปตรงมา ไม่มีคำทักทายก่อน เขาแค่ถามมาโต้งๆเลยว่า “เธอทำยังไงถึงเข้าหาฉินซีได้? ฉันลองคุยกับเธอแล้ว แต่มันไม่ได้ผล”
ถังย่ารู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอถูกกดลงในน้ำเย็นเฉียบ ที่ทั้งดึงทึ้งร่างของเธอให้จมลง
เธอรู้ดีว่าจ้านเซิน จับตามองดูความสัมพันธ์ของเธอและฉินซีอย่างใกล้ชิด และคงอยากที่จะเหมือนเธอบ้าง
ณ ตอนนั้น เธอถึงได้ตระหนักรู้ จ้านเซินที่อยู่ตรงนั้น ฉินซีก็ยังคงไม่เหมือนเดิมอย่างแต่ก่อน
แต่เธอไม่สามารถอธิบายความจริงกับจ้านเซินได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่โกหกออกไป “ที่ที่ฉันคุยกับเธอมันปลอดภัย ไม่มีใครคอยตามดู ไม่มีกล้องและเครื่องดักฟัง”
น้ำเสียงของจ้านเซินดูงุนงง “แต่บนเครื่องบินก็ไม่มี … ”
ร่างกายถังย่า ราวกับแบ่งออกเป็นสองส่วน
ร่างกายที่ถือโทรศัพท์กำลังตอบคำถามของเขาอย่างอดทน แต่ทว่าวิญญาณกลับล่องลอยเพราะความรู้สึกเจ็บปวดในใจ เมื่อมองดูตัวเองเธอก็รู้สึกสมเพช
“คุณเอากล้องวงจรปิดรอบๆทั้งหมดออกก่อน ให้คุณมีความรู้สึกปลอดภัยและมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ แล้วค่อยๆสร้างความปลอดภัยกับเธอ” ถังย่าพูดต่อ “ฉันบอกเขาเอง ฉันรู้ว่าเขาต้องทำแน่”
ฉินซีเม้มริมฝีปาก “ฉัน … ”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอ ฉันรู้” ถังย่าพึมพำเสียงต่ำ “ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ฉันก็อาจจะออกไปจากที่นี่ … ”
แม้ว่าเสียงของเธอจะเบา แต่ฉินซีก็ยังได้ยิน
เธอส่ายหัวในใจ
สิ่งที่เธอพูดออกมา มันไม่เป็นความจริง
ถังย่าไม่ได้เต็มใจที่จะออกไปจากที่นี่
เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ เมื่อถังย่าพูดจบประโยค ราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในความทรงจำเก่าๆ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
จู่ๆห้องก็เงียบลง
ฉินซีกอยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่ถังย่ามา และได้ให้เอกสารเธอ
มันเกี่ยวกับอะไร?
ฉินซีหยิบขึ้นมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เสียงกระดาษที่กระทบกันทำให้ถังย่าสะดุ้งตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังเอกสารที่ฉินซีถืออยู่ พูดเสียงเบา “เขาให้ฉันนำรายงานของภารกิจเมื่อวานมาให้เธอ”
ฉินซีรู้ว่า “เขา” ที่ว่าหมายถึงใคร แต่ตอนนี้เธอเพียงแค่รู้สึกว่าเอกสารในมือดึงดูดเธอให้อ่านมัน เธอไม่พูดอะไรต่อ เพียงแค่มองลงไป
เนื้อความข้างในไม่ยาวมากแต่ก็ไม่สั้น ฉินซีอ่านผ่านๆข้อความที่ดูไม่สำคัญ ก่อนพลิกไปยังท้ายๆ ดูบรรทัดท้ายๆอย่างละเอียด
ทว่าใบหน้าของเธอ เมื่อยิ่งอ่านกลับยิ่งเสียลงไปเรื่อยๆ
ตามข่าวที่ฉินซีได้รับมาก่อนหน้านี้ เป้าหมายจู่โจมของภารกิจนี้จะเข้าร่วมงานแต่งงานของลู่เซิ่นคนเดียว ดังนั้นจะมุ่งเป้าหมายไปที่บุคคลนี้อย่างสมบูรณ์
ตามแผน เขาควรจะอยู่ในบ้านตระกูลลู่นานหน่อย และจะไม่ออกมาจนกว่างานเลี้ยงแต่งงานจะจบลง เขาจะขับรถจากย่านที่อยู่อาศัยเก่าที่มีทางโค้งคดเคี้ยว และคนในองค์กรจะแกล้งทำเป็นเมาแล้วขับ ทำทีจะพุ่งออกไปชนรถ
ทว่าชายคนนั้นไม่ได้ไปงานเลี้ยงคนเดียว
เขาพาหลานสาวตัวน้อยของเขาไปด้วย
อาจเป็นเพราะมีเด็กด้วย เขาจึงตัดสินใจออกจากงานเร็วกว่าที่คิด โชคดีที่คนในองค์กรซุ่มตัวอยู่พอดี มิฉะนั้นการโจมตีครั้งนี้คงล้มเหลว
แต่ฉินซีก็ไม่ได้สนใจกับความสำเร็จหรือล้มเหลวของภารกิจสักนิด เธอเพียงแค่ขมวดคิ้วมุ่น
เธอมองไปยังบรรทัดที่บรรยายถึงหลานสาวของชายคนนั้น
แน่นอนว่าชายคนนั้นคงมีเหตุผลที่พาหลานสาวไปงานสังสรรค์
เป็นเพียงเพราะว่า … ลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาหย่าร้างกัน
นิสัยของเขาไม่ดีนัก และการสั่งสอนของเขาก็ใช้ไม่ได้เท่าไหร่ ลูกชายของเขาดื่มสุราเมาเละเทะทุกวัน ในที่สุดภรรยาของเขาก็ทนไม่ได้และทิ้งลูกสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยง
หลังจากหย่าขาดจากภรรยา ลูกชายเขาก็ยังเอาแต่เที่ยวเล่น หลานสาวขาดพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก มักจะร้องไห้งอแงเสมอ เขาไม่มีทางเลือก จึงมักจะต้องกระเตงหลานไปนู่นมานี่
ข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า แม้เขาจะเป็นคนไม่ดี สั่งสอนลูกชายไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะดีกับหลานสาวคนนี้มาก
ในบางครั้งคนเราก็ปลดปล่อยเจตนาดีของตัวเองออกมา
อาจเป็นเพราะตัวเองเป็นหนี้คนอื่นตอนยังเด็ก หรืออาจเป็นเพราะเฝ้ามองดูลูกชายของตัวเองเติบโตขึ้น แต่ก็ยังล้มเหลวชายคนนี้ดูเหมือนจะมอบความรักทั้งหมดให้กับหลานสาวตัวน้อยของเขา
และตอนนี้…
เขาตายแล้ว
สำหรับคนในองค์กรที่รับหน้าที่นี่ คงจะมีความสุขมาก ถ้าได้จัดการความแค้นในครั้งนี้
แต่สำหรับหลานสาวตัวน้อยที่ไร้เดียงสาคนนั้น โลกของเธอก็คงพังทลายลงมา
เธอไม่ได้อยู่กับแม่ และพ่อของเธอก็ไม่สนใจไยดี ปู่ที่รักเธอมากที่สุดได้ก็จากโลกนี้ไปต่อหน้าเธอ
ฉินซีและคุณปู่ฉิน มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก
คุณปู่ฉินเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ถึงอย่างไร ฉินซีก็ยังคงเสียใจ
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเสียชีวิตต่อหน้าหลานสาวของเขา?
ฉินซีขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เกือบจะเห็นอกเห็นใจเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ
จนกระทั่งเสียงของถังย่า ดึงเธอออกจากภวังค์