Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1299

ตอนที่ 1299

บทที่ 1299 ไม่คาดคิด

หลินหยังไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เขาถึงยังปรากฏตัวที่บริษัท

เมื่ออารองและอาสามออกไปจะเกิดความเคลื่อนไหวไม่มาก แต่ในฐานะพันธมิตร ผู้จัดการไม่น่าจะไม่รู้

แต่ในสถานการณ์แบบนี้เขาก็ยังเข้าบริษัท

เขาสมองกลับหรือว่าบ้าไปแล้วกันแน่

หลินหยังไม่รู้เหมือนกัน

ในเวลานี้ ผู้จัดการทั่วไปรู้ว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้ เขาจึงทำได้แค่ลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนโค้งคำนับให้ลู่เซิ่น “ผมขอโทษ”

ลู่เซิ่นยิ้มจาง ๆ และโบกมือ “ไม่ต้องขอโทษฉันหรอก ขอโทษตัวเองเถอะ”

ที่จริงแล้วแล้วผู้จัดการคนนี้ไม่ใช่แค่ได้รับการชื่นชมจากลู่เซิ่น เขาทำงานหนักโดยใช้ความพยายามของตัวเองมาโดยตลอด

จนถึงตอนนี้ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาของเขาสูญเปล่าไปเพราะความโลภเล็กน้อยแค่นั้น

เขาควรจะพูดขอโทษตัวเองจริงๆ

ลู่เซิ่นไม่ใช่คนที่ใจดีแบบนั้น เขาอธิบายต่อสาธารณะถึงความพยายามของอารองและอาสาม และเน้นย้ำถึงบุคคลที่สามที่ถูกย้ายโดยเขา มันมีนัยยะอะไร

เขากำลังเชือดไก่ให้ลิงดู(หมายความว่าเตือนผู้อื่นด้วยการลงโทษคน ๆ เดียว )

ใครๆ ก็รู้ดี

แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร

ในอาณาจักรธุรกิจของตระกูลลู่ ลู่เซิ่นจะเป็นจักรพรรดิที่พูดคำไหนก็คำนั้น

หากต้องการอยู่ที่นี่ต่อไป ก็ต้องปฏิบัติตามกฎ

ในตอนสุดท้ายของการประชุม ผู้จัดการออกไปจากห้องด้วยท่าทางที่สิ้นหวัง ใบหน้าของทุกคนดูจริงจัง แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงตกใจกับเหตุการณ์

คนสนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่อารองหรืออาสาม แต่เป็นผู้ถือหุ้นสองคนและผู้จัดการใหญ่ของตระกูลสูที่ถูกขับไล่โดยลู่เซิ่น

พวกเขาก็รู้ ว่าคืนวันที่ตัวเองได้อยู่ในบริษัทลู่ซื่อ มันถึงจุดจบแล้ว

ถึงอย่างไร การกระทำของลู่เซิ่นก็ค่อนข้างคาดไม่ถึงไปนิด

เขาไม่ได้ตัดสินจากใครมาก่อนหลัง หรือมีความสัมพันธ์กันมาอย่างไร เขาตัดสินเพราะความสามารถ

เมื่อทุกคนรู้ว่าคนที่ไม่มีความสามารถจะถูกเตะออกไป บรรยากาศในบริษัทจากที่ดูหวาดผวาตลอดทั้งวันกลับดูขยันตั้งอกตั้งใจกันใหญ่

แต่มีเพียงหลินหยังเท่านั้นที่รู้ ว่าลู่เซิ่นก็ลงแรงไปเยอะเหมือนกัน

เขาไม่เพียงแค่ไม่ไปฮันนีมูน แต่ยังทำงานล่วงเวลาไปครึ่งเดือน โดยไม่กลับบ้าน ทานอาหารที่แม่บ้านทำมาให้เหมือนแมวดม ถึงแม้หลินหยังจะคิดว่าตัวเองมาบริษัทเช้าแค่ไหน แต่เมื่อเปิดประตูมา ก็จะเห็นลู่เซิ่นนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธานอย่างพร้อมเริ่มทำงานเสมอ

หลินหยังคิดว่าแบบนี้มันผิดปกติแล้ว

ดูเหมือนว่า หลังจากที่ลู่เซิ่นแต่งงาน มันจะเหมือนพันธกิจอะไรสักอย่างมากกว่า

ครั้งหนึ่งเขาเคยชื่นชอบบริษัทลู่ซื่อ แต่มันก็เหมือนมรดกมากกว่า เหมือนกับจะพิสูจน์ว่าบริษัทที่ทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อจะได้รับการส่งเสริมต่อที่ดี ทำงานหนักเพื่อบริษัท

แต่ตอนนี้ลู่เซิ่นหมดหวังแล้ว

ดูเหมือนเขาจะแข่งขันกับบางสิ่งบางอย่าง พยายามอย่างหนักที่จะทำให้บริษัทใหญ่ขึ้นแข็งแกร่งขึ้นและได้รับการยอมรับมากขึ้น

– เป็นไปได้ไหม ที่จะได้รับความกดดันมาจากครอบครัว?

หลินหยังไม่รู้

เสียงของลิฟต์ดังขึ้น เรียกสติของหลินหยังกลับมา

ลู่เซิ่นมีอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อยบนใบหน้า เขามองไปข้างหน้า คล้ายกลับไม่รับรู้การมีตัวตนอยู่ของเขา

หลินหยังถอนหายใจ ตามลู่เซิ่นไปที่รถ

หลังจากรอให้คนขับเปิดประตูให้ลู่เซิ่นขึ้นไปนั่ง เขาค่อยตามเข้าไป

เขาสงสัยเกี่ยวกับการแต่งงานของลู่เซิ่น ไม่ใช่แค่ครั้งนี้

เรื่องทุกเรื่องตั้งแต่นั้นมา มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะสงสัย

ลู่เซิ่นแทบไม่ได้กลับบ้าน เขาออกไปดูงานแทบทุกที่ เมื่อหลินหยังเข้าไปเก็บของในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นชิงหยวนหรือบ้านใหญ่ตระกูลลู่

– ใช่ ตั้งแต่งานแต่งงานผ่านมา เขาไม่เคยเห็นเวินจิ้งอีกเลย

เมื่อตอนแรกๆ ที่เขาเคาะห้องด้านข้าง แต่ก็จะถูกสายตาเย็นชาของลู่เซิ่นจ้องกลับมา

เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาที่เขาจำเป็นต้องรู้

บางครั้งเขาก็สงสัยว่าลู่เซิ่นซ่อนคนไว้ที่ไหนสักแห่ง แต่เมื่อมองไปยังลู่เซิ่น มันไม่เหมือนกำลังนึกถึงเวินจิ้ง

เพราะเขาเคยเห็นลู่เซิ่นตามหาใครสักคนจริงๆ อย่างฉินซี เขารู้ว่าเมื่อไหร่ที่ลู่เซิ่นรักใครสักคน จะเป็นอย่างไร

สำหรับลู่เซิ่นในปัจจุบัน … เขาเหมือนโสดมากกว่าที่จะเป็นคนที่แต่งงานแล้ว

ไม่ว่าหลินหยังจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้มากเพียงใด แต่เขารู้ดีว่าเขาจะไม่ได้รับคำตอบใด ๆ

ดูเหมือนจะเป็นความลับที่ลู่เซิ่นตั้งใจที่จะซ่อนไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางได้รู้

หลินหยังเงยหน้ามองลู่เซิ่นจากกระจกหลัง เขาไม่เห็นว่าชายหนุ่มจะทานของว่างเลยสักนิด แค่วางไว้ข้างๆ

เรื่องที่เวินจิ้งไม่อยู่ในชิงหยวน ก็เป็นเพราะพ่อบ้านที่นั่นบอกมา

เขากลับไปที่ชิงหยวนเพื่อช่วยลู่เซิ่นเก็บของในวันนั้น แต่ถูกพ่อบ้านรั้งไว้ก่อน

“ผู้ช่วยหลิน”ดวงตาของพ่อบ้านเต็มไปด้วยความห่วงใย “ช่วงนี้ประธานลู่เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ?”

หลินหยังนึกไปถึงตารางงานที่แน่นขนัดของลู่เซิ่น ก่อนพยักหน้า “ใช่”

พ่อบ้านถอนหายใจ “เด็กคนนั้นไม่ได้กลับมาพักผ่อนที่บ้านดีๆนานแล้วนะ”

หลินหยังย้อนนึกถึง “มันก็นานมาแล้ว”

สัปดาห์นั้น ลู่เซิ่นใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินมากกว่าบนพื้นดินเสียอีก

“ผู้ช่วยหลินครับ” พ่อบ้านพูดเสียงขรึม “ข้างกายของประธานลู่ไม่มีใคร ช่วยดูแลเขาหน่อยนะครับ ”

ความขัดแย้งเกิดขึ้นภายในใจหลินหยัง

ลู่เซิ่นแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือ จะไม่มีดูแลได้ยังไงกัน

แต่ความเป็นห่วงที่ฉายชัดผ่านดวงตาของชายชรานั้น ทำให้เขาได้แค่พยักหน้าตอบ “ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ”

พ่อบ้านดูเหมือนจะโล่งใจ กล่าวขอบคุณหลินหยัง ก่อนจะออกไปส่งเขาด้วยตนเอง

ในใจของหลินหยังมีแต่คำถาม เมื่อขึ้นรถแล้วเขาจึงหันไปพูดกับพ่อบ้านก่อนไป “ระหว่างที่ลู่เซิ่นไม่อยู่ คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ นะครับ อยู่ที่นี่คนเดียว ลำบากแย่ ”

เบ้าตาของชายชราเป็นสีแดงเล็กน้อย เขาก็พยักหน้าตอบรับ

หลินหยังรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเวินจิ้งไม่ได้อาศัยอยู่ในรีสอร์ทชิงหยวน

แต่เขารับปากกับพ่อบ้านแล้วว่าจะดูแลลู่เซิ่นให้ดี เขาไม่อาจผิดคำพูดได้ หลังจากนั้น เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากพ่อบ้าน เขาจะคอยบอกให้ลู่เซิ่นกินเยอะๆ นอนเยอะๆ จู้จี้เหมือนแม่แก่ๆ คนหนึ่ง

จนลู่เซิ่นมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

หลินหยังจึงจำต้องสารภาพว่าทำเพื่อคุณพ่อบ้าน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

ลู่เซิ่นจึงจะละความสงสัยไว้ได้

เพียงแค่เมื่อหลินหยังบอกอะไร ลู่เซิ่นก็ใช่ว่าจะฟัง

เขายังคงกินน้อย พักผ่อนน้อย เข้าสังคมก็เหมือนไปเพื่อดื่มแอลกอฮอล์ ทำงานเหมือนกำลังเก็บเงินเผื่อคนทั้งโลก

บางครั้งเขาก็คิดถึงลู่เซิ่นตอนที่มีฉินซีอยู่ใกล้ๆ

ทันใดนั้น หลินหยังก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท