Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1304

ตอนที่ 1304

บทที่ 1604 ฮันนีมูน

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นตามการจูบของลู่เซิ่น

เป้าหมายของฉินซี ก็คือคนนั้นที่จะคุยธุรกิจกับลู่เซิ่น พรุ่งนี้ถึงจะขึ้นเรือ ดังนั้นคืนนี้สำหรับเขาทั้งสองคนแล้ว เป็นคืนที่ใช้พักผ่อนตั้งแต่ต้นจนจบ

สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันและต้องแยกกันมานานได้มาพบกันอีกครั้ง จะทำอะไรได้ในวันวันพักผ่อน?

ก็คงทำได้แค่ทำอะไรกันสักอย่าง

เมื่อริมฝีปากของลู่เซิ่นย้ายออกจากมือของฉินซี แววตาก็เปลี่ยนเป็นลึกลับขึ้นมานิดหน่อย

ฉินซีนอนอยู่บนพื้น เงยหน้ามองรอยยิ้มที่เผยให้เห็นความอันตรายเล็กของลู่เซิ่น สีหน้าก็เปลี่ยนตามไปด้วย

เธอหลับตาลง ยกหัวขึ้นกะทันหัน และกัดริมฝีปากของลู่เซิ่นเบาๆ

ทันใดนั้นแววตาของลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นลึกลับยิ่งขึ้น

“สงสัย…จะทนไม่ไหว ไม่ห้ามฉันเลย” ลู่เซิ่นกระซิบหยอกล้อที่ข้างหูฉินซี

เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร รู้สึกตัวเบาและพบว่าตัวเองถูกลู่เซิ่นอุ้มขึ้นมาแล้ว

“ในเมื่อรอไม่ไหว งั้นพวกเราก็ไม่มีใครต้องแล้วสิน่ะ”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นฟังดูง่ายดาย แต่การก้าวเดินอย่างเร่งรีบของเขาทำให้รู้ความคิดเขา

ประตูห้องนอนถูกปิดลง และเสียงหอบหายใจเบาๆ เริ่มดังขึ้น จนกระทั่งค่ำมืดดึกดื่น

……

เช้าวันที่สอง ฉินซีถูกปลุกขึ้นเพราะแสงแดดที่สาดเข้ามาที่ใบหน้า

ผ้าม่านไม่ได้ปิดสนิท แสงแดดส่องเข้ามาจากช่องว่างลงบนเปลือกตาของเธอพอดี

เธอขยับตัว รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ห่างหายไปนาน

พูดถึงสมรรถภาพร่างกายของฉินซีในตอนนี้แล้ว กิจกรรมแบบนี้ไม่ถือว่ามีอะไรเลย อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องพักอยู่บนเตียงครึ่งค่อนวันไม่ขยับตัวเลย

แต่ความเจ็บปวดนี้ไม่เหมือนกับความเจ็บปวดที่เกิดจากออกกำลังกายในปกติ

อะไรที่ไม่เหมือนกันนั้น…ฉินซีก็บอกไม่ได้

อาจจะเป็น…ผลทางจิตวิทยา?

แต่เธอไม่ทันได้คิดอะไรเยอะ อ้อมกอดที่อยู่ด้านหลังกระชับแน่นขึ้น ลู่เซิ่นซุกหัวไว้ที่ข้างคอเธอ และพูดอู้อี้ว่า : “ตื่นแล้ว?”

ทั้งสองคนเปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่ม ดังนั้นระหว่างลู่เซิ่นหายใจลมหายใจทั้งหมดถูกพ่นมาที่ผิวหนังบริเวณคอของฉินซี ทำให้เธออดที่จะขดตัวไม่ได้

แต่ลู่เซิ่นสังเกตได้ถึงการขยับตัวของเธออย่างชัดเจน เขาเงยหน้าขึ้น เอื้อมมือพยุงร่างกายท่อนบนของตัวให้ขยับเข้าใกล้และมองดูฉินซี : “กลัวฉัน?”

ฉินซียื่นมือไปดันหน้าอกเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้าใกล้มากขึ้นอีก

แต่ไม่รอให้เธอพูดอะไร ดวงตาของฉินซีก็เบิกกว้างขึ้น

“คุณ…”

ลู่เซิ่นต้องรู้แน่นอน เธอรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

“โทษฉันไม่ได้” ลู่เซิ่นเลียเขี้ยวตัวเอง รอยยิ้มปรากฏความร้ายกาจน้อยๆ “จะโทษก็โทษคุณที่ยั่วยวนเกินไปแล้ว”

พูดจบไม่รอการตอบสนองของฉินซี ก็ประคองหน้าเธอไว้และเริ่มจูบอีกครั้ง

……

รอจนกระทั่งลู่เซิ่นและฉินซีจัดระเบียบเสื้อผ้าเสร็จ เดินออกมาจากห้อง ก็เป็นเวลาชั่วโมงครึ่งหลังจากนั้นแล้ว

แววตาของฉินซีมีความโกรธเล็กน้อย

…ตอนนี้ถึงเวลาอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว

แต่เธอก็ไม่สามารถตำหนิอะไรลู่เซิ่นได้ ในเมื่อเรื่องนี้ถ้าไม่ใช่ทั้งสองฝ่ายยินดีร่วมกัน ก็ไม่สามารถสานสัมพันธ์กันได้แบบนี้

รอยยิ้มของลู่เซิ่นมีความรู้สึกพึงพอใจ เหมือนคนที่หิวมานานมากในที่สุดก็ได้กินอิ่มท้อง เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อให้ฉินซีผูกเนกไทได้สะดวก พลางเอ่ยปากถาม : “อยากกินอะไร ฉันจะให้คนมาส่งที่ห้อง”

ฉินซีไม่เคยชินกับการผูกเนกไท ดังนั้นตอนนั้นจึงตั้งใจเป็นอย่างมาก และพูดลอยไปว่า : “ได้หมด ฉันชอบกินอะไร ใช่ว่าคุณไม่รู้”

พูดจบ ในที่สุดก็ผูกเนกไทเสร็จ เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าวเล็กๆ มองสำรวจสักพักให้แน่ใจว่าตัวเองผูกได้ไม่มีปัญหาอะไร และพยักหน้าเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง

เมื่อเงยหน้าขึ้น เห็นแววตาอมยิ้มของลู่เซิ่น

“ยิ้มอะไร!” ฉินซีเข้าใจว่าเขากำลังหัวเราะเยาะท่าทางของเธอ จึงทำเป็นแกล้งดุ

ลู่เซิ่นแค่ยิ้มและขยับเข้าใกล้เธอ จูบลงบนหน้าผากเธอ และพูดเบาๆ ว่า : “ตอนนี้ฉันรู้สึก…ว่าพวกเราเป็นคู่แต่งงานใหม่ขึ้นมากะทันหัน”

ฉินซีแววตาวิบวับ ลดน้ำเสียงลง : “…เพราะฉัน”

เธอคิดมาหลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเธออายุยังน้อย ไม่รู้เรื่องอะไรและไปเข้าร่วมกับองค์กร ตอนนี้คงไม่เป็นแบบนี้

“ไม่ใช่ความผิดคุณ” ดูเหมือนลู่เซิ่นจะอ่านความคิดเธอได้ ประคองหน้าเธอไว้และพูดเบาๆ ว่า : “ถ้าคุณไม่ได้เข้าร่วมกับองค์กร ฉันก็จะไม่เจอคุณ และก็จะไม่มีรักแรกพบกับคุณ”

ฉินซีรู้ว่าเขากำลังปลอบตนเอง จึงพยายามยิ้มออกมา ไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่อารมณ์ที่ไม่ดี

“โอเค สามวันนี้ถือว่าชดเชยฮันนีมูนเถอะ” ลู่เซิ่นกล่าวยิ้มๆ “งานแต่งมีแล้ว แหวนแต่งงานมีแล้ว ฮันนีมูนก็ต้องมี”

ฉินซียิ้มน้อยๆ : “สามวันก็ถือว่าฮันนีมูนแล้วหรือ?”

ลู่เซิ่นหันมองเธอ แววตาเต็มไปด้วยความจริงจัง : “รอให้มีโอกาสก่อน พวกเราจะไปฮันนีมูนกับสักครั้ง”

ฉินซีดูออกว่าเขาจริงจัง ก็อดที่จะรู้สึกเศร้าไม่ได้

หลังจากนี้…คือเมื่อไหร่กัน?

…ไม่คิดแล้ว!

ฉินซีส่ายหน้าสะบัดหัวตัวเอง หลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองตกลงไปอยู่กับอารมณ์เชิงลบอีก

อาหารเช้าที่ลู่เซิ่นสั่งไว้ใกล้มาส่งแล้ว

ถึงแม้ว่าถ้าตามเวลาแล้ว จะเรียกว่าอาหารเช้าไม่ได้แล้วก็ตาม

ฉินซีก้มหน้ามอง อดยิ้มออกมาไม่ได้ : “อยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนคุณก็กินแบบนี้ไม่ใช่หรือไง? ทำไมมาถึงนี่แล้วยังกินแบบนี้อีก? ไม่เปลี่ยนรสหน่อยหรือ”

ลู่เซิ่นยิ้ม ไม่ได้อธิบายให้เธอฟังว่าหลายวันมานี้กระเพาะเขามีปัญหา กินได้แค่แบบนี้ ทำได้แค่ยื่นตะเกียบเข้าไปในมือเธอ : “กินไป! ไม่ต้องพูดแล้ว!”

ลู่เซิ่นสั่งขนมสำหรับชายามเช้ามาไม่น้อย เมื่อคืนฉินซีไม่ค่อยได้กินอะไร และยัง “ออกกำลังกาย” นานพอสมควร ขณะที่กำลังหิวอยู่นั้น ค่อยๆ ชิมไปทีละอย่าง แววตาก็ค่อยๆ สว่างขึ้น

“อร่อย!” ฉินซีคีบเกี๊ยวกุ้งขึ้นมา วางลงบนจานของลู่เซิ่น “พ่อครัวที่นี่ฝีมือดีมากๆ เลยล่ะ!”

ลู่เซิ่นจงใจจับผิด : “ทำอร่อยกว่าพ่อครัวของรีสอร์ทชิงหยวนอีกหรือไง?”

ฉินซีเม้มปาก : “รสชาติอาหารที่บ้านดีที่สุดอยู่แล้ว”

เมื่อเธอตอบคำถามออกมา ทั้งสองคนต่างตะลึง

ฉินซีก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดว่า “บ้าน” ได้อย่างสะดวกปากขนาดนี้ ลู่เซิ่นประหลาดใจยิ่งกว่า

แต่ความประหลาดใจของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นความสุขได้อย่างรวดเร็ว

“อืม” เขาพยักหน้า และยื่นมือไปคีบเกี๊ยวกุ้งที่ฉินซีส่งมา “แน่นอนของที่บ้านต้องดีที่สุดอยู่แล้ว”

สองคนมองหน้าและยิ้มให้กันโดยไม่มีใครพูดอะไร แต่บรรยากาศกลับอบอุ่นอย่างน่าแปลกใจ

อาหารเช้าและเที่ยงรวมกันหนึ่งมื้อ สองคนทานอาหารอย่างไม่รีบร้อน หลีกเลี่ยงไม่พูดถึงหัวข้อสนทนาที่หนักหนา พูดคุยกันไปเรื่อยๆ เมื่อจ้องตากันอย่างกะทันหัน ก็หัวเราะกันออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ

แสงแดดส่องเข้ามาทางช่องหน้าต่าง ส่องกระทบใบหน้าด้านข้างของลู่เซิ่นแปร่งประกาย เผยรอยยิ้มอบอุ่น

ฉินซีอดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในภวังค์ของภาพนี้

ช่างเป็นเหมือนการฮันนีมูนสำหรับพวกเขาทั้งสองคน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท