Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1301

ตอนที่ 1301

บทที่ 1301 ถ้า

“ประธานลู่” ประธานหวังไม่ได้สังเกตเห็นความว้าวุ่นของลู่เซิ่น ยังคงมองเขาอย่างด้วยความกระตือรือร้น

ในที่สุดหลินหยังกระซิบเตือนเบาๆ ว่า : “ประธานลู่ เวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว”

ประธานลู่จึงจะดึงสติกลับมา

เขากะพริบตาและยิ้มให้ ประธานหวัง : “ฉันไม่แน่ใจว่าสัญญาจะหมดอายุเมื่อไหร่ แต่เมื่อต้องการ พวกเราจะประมูล ประธานหวังไม่ต้องกังวล”

ความหวังของประธานหวังหายไป ความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรกับลู่เซิ่น ทำได้แค่พยักหน้า

ลู่เซิ่นยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ตอนนี้เลยเก้าโมงไปแล้ว

วันนี้เขากินข้าวเช้ามาแล้วอย่างดี ตอนนี้ท้องหิวจนรู้สึกสั่นเล็กน้อย

มาปรากฏตัวที่ตรงหน้าประธานหวังสักหน่อย จุดประสงค์สำเร็จแล้ว ก็ควรจะไปแล้ว

หลินหยังแสดงท่าทีแสดงออกว่าลู่เซิ่นยังมีตารางงานต่ออีก ทำให้ประธานหวังไม่กล้าพูดอะไร และส่งลู่เซิ่นออกไปด้วยความเคารพ

“เรียกหมอซุนมาที่บ้านหน่อย” ลู่เซิ่นสั่งงานหลังขึ้นรถโดยสีหน้าไร้ความรู้สึก

หลินหยังตกใจ : “ท่าน…ไม่สบายหรือ?”

ลู่เซิ่นไม่ตอบคำถามเขา ทำแค่โบกมือไปมา : “เอายาโรคกระเพาะที่เตรียมมาหน่อย”

แน่นอนลู่เซิ่นรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่เวลาที่ยุ่งขึ้นมาก็หาเวลาปลีกตัวไปกินข้าวไม่ได้ริง

หนึ่งปีก่อนที่ปล่อยฉินซีจากไปอย่างไม่มีทางเลือก ลู่เซิ่นก็สาบานกับตัวเองว่าเขาจะเข้มแข็งกว่าเดิม

ถ้าตอนนั้นบริษัทลู่ซื่อยิ่งใหญ่มากพอที่จะต่อสู้กับองค์กรของฉินซี เขากับฉินซีก็ไม่จำเป็นต้องมาทนต่อการแยกย้ายจากกันแบบนี้ เขาก็สามารถมีเธอข้างตัวได้อย่างเปิดเผย

ดังนั้นหนึ่งปีมานี้ ความพยายามของเขาทั้งหมดเพื่อให้บริษัทลู่ซื่อแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

วันหนึ่งถ้าบริษัทลู่ซื่อสามารถต่อสู้เทียบเท่ากับองค์กรได้ งั้น…ฉินซีก็อาจจะได้กลับมาสิน่ะ?

ลู่เซิ่นไม่กล้ายืนยัน ได้แต่กอดความหวังนี้ไว้

หนึ่งปีมานี้ ใช่ว่าเขากับฉินซีไม่เคยเจอกัน แต่ทุกครั้งที่เจอกันจะเป็นตอนที่ฉินซีออกมาทำภารกิจ โอบกอดกันอย่างเร่งรีบเพียงหนึ่งคืน ราวกับเขากับฉินซีไม่ใช่สามีภรรยากันอย่างถูกต้อง แต่เหมือนเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

ลู่เซิ่นจะทนกับเรื่องแบบนี้ไปตลอดได้ยังไง

เขาอยากจะโอบกอดฉินซีในคืนนี้

แต่ความจริงแล้ว ครั้งล่าสุดที่เจอกับฉินซีเป็นเรื่องราวของเมื่อหนึ่งเดือนก่อน

หนึ่งเดือนเต็ม สามสิบวันสามสิบคืนเต็มๆ ที่ไม่มีฉินซีอยู่ข้างๆ ไปด้วยกัน

ลู่เซิ่นคิดไม่ถึงว่าการแยกจากกันอย่างทรมานนี้จะเทียบได้กับการไม่ได้รับข่าวคราวของฉินซีเมื่อสามเดือนก่อนได้เลย

เพราะความจริงแล้ว เขายังไม่ได้รับข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับฉินซีเลย

ปกติแล้วฉินซีไม่มีทางติดต่อเขาได้ เขาจะทราบเบาะแสของฉินซีล่วงหน้าเพียงหนึ่งวันเท่านั้น

กระทั่งบางครั้งสองคนได้แค่แอบกอดกันในมุมเงียบๆ ของสนามบินเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

“หมอซุนบอกว่าถึงแล้ว” เสียงของหลินหยังขัดจังหวะความคิดของเขา

ลู่เซิ่นพยักหน้า บ่งบอกว่าตัวเองได้ยินแล้ว

เมื่อกลับมาถึงรีสอร์ทชิงหยวนหมอซุนมารอแล้วสักพัก

สอบถามอาการของลู่เซิ่น คิ้วขมวดกันยกใหญ่ จัดยาไว้ให้และกลับไป

หลินหยังดูไม่ออกว่าลู่เซิ่นได้ฟังที่หมอพูดไหม เขาอ้าปากค้างอย่างลังเล ในที่สุดก็ตัดสินใจเสนอความเห็นอย่างกล้าหาญ “ประธานลู่ งานเลี้ยงที่เมืองหนานห้าวันหลังจากนี้…”

ความกล้าของเขาหายไปตอนที่ประธานลู่กวาดสายตามา

ดีที่เขาไม่ยืนหยัดที่จะพูดสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดให้จบ ไม่งั้นเขาโดนลู่เซิ่นหักเงินเดือนไปครึ่งเดือนโดยไม่รู้อะไรเลย

“เรื่องที่จัดการไว้ดีแล้ว อย่าเปลี่ยนตามใจชอบ” ลู่เซิ่นพูดทิ้งไว้หนึ่งประโยค และลุกเดินขึ้นไปด้านบน

……

ห้าวันสำหรับลู่เซิ่นแล้วเวลาผ่านไปไวมาก ขณะที่เขาจัดการกับธุระต่างๆ ตามปกติเวลาก็ผ่านไปแล้ว

ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าห้าวันนี้สำหรับฉินซีแล้วยากแค่ไหน

เธอต้องทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อหน้าจ้านเซิน ต้องซ่อนความดีใจของตัวเองไว้จนไม่สามารถมองออกได้ ต้องเตรียมสำหรับภารกิจครั้งนี้ให้ดี และยังต้องดูแลตัวเอง

ระยะห่างประมาณหนึ่งเดือนกับการเจอกับลู่เซิ่นครั้งก่อน ความคิดถึงที่เธอมีให้ลู่เซิ่นไม่น้อยกว่าลู่เซิ่นมีให้เธอ

หลังจากกลับมาที่องค์กร นี้เป็นภารกิจแรกที่ฉินซีรอคอย เวลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

แต่ไม่ว่าเธอจะกังวลแค่ไหน เวลายังคงผ่านไปอย่างปกติไม่เร่งรีบ

กระทั่งถึงวันที่เธอออกเดินทางไปเมืองหนาน

จ้านเซินก็มีธุระของตัวเองที่ต้องทำ ไม่สามารถรับส่งฉินซีได้ทุกครั้ง ความจริงแล้ว เขารับส่งด้วยตัวเองแค่หน้าที่ในงานแต่งงานเมื่อหนึ่งปีก่อนเท่านั้น ครั้งอื่นๆ ก็แค่ทางผ่านเท่านั้น

น่าเสียดายครั้งนี้เขาเองก็ต้องออกจากสำนักงานใหญ่ แต่เส้นทางของเขากับฉินซีกลับกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงทำได้แค่มองดูฉินซีขึ้นเครื่องบินไป

เมื่อแผ่นหลังของฉินซีหายไปตรงทางเดินขึ้นเครื่องบิน เปลือกตาของจ้านเซินกระตุกขึ้นมา เหมือนเป็นลางบอกเหตุไม่ดี

แต่จ้านเซินไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาได้แค่มองอยู่ไม่นานและหันหลังจากมา

……

ขณะเดียวกัน ลู่เซิ่นมาถึงเมืองหนานแล้ว

ครั้งก่อนที่หมอซุนมาและจัดยาไว้ให้ หลายวันมานี้เขาไม่ทรมานเพราะปวดท้องอีกแล้ว

แต่หลินหยังกลับไม่รู้สึกว่าอารมณ์เขาจะดีจะขึ้นสักนิดเลย

“ประธานลู่ นี้คือตารางงานสองวันหลังจากนี้” หลินหยังส่งของให้ลู่เซิ่น โทรศัพท์ของคนที่อยู่ด้านหลังกลับสั่นขึ้นในเวลาเดียวกัน

ในฐานะที่หลินหยังเป็นผู้ช่วยของลู่เซิ่น มั่นใจว่าเสียงเตือนข้อความเข้าของลู่เซิ่นก่อนหน้านี้ไม่ใช่เสียงนี้

หรือจะบอกได้ว่า เสียงเตือนข้อความเข้าของคนอื่นๆ ไม่ใช่เสียงนี้

งั้น คนที่ส่งข้อความมาเป็นใคร ถึงได้มีเสียงเตือนข้อความเข้าที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ ในโทรศัพท์ของลู่เซิ่น?

หลินหยังแปลกใจเล็กน้อย แต่ความเป็นมืออาชีพของเขาทำให้เขาไม่ก้มไปที่โทรศัพท์ของลู่เซิ่น อีกทั้งลู่เซิ่นเองก็ไม่เปิดโอกาสให้เขามองด้วย

เขาก้มลงกวาดตามองหน้าจอ และเก็บกลับไป

แต่หลินหยังสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาอย่างชัดเจน

ลู่เซิ่นอารมณ์ดีมาก

เขาคิดไม่ออกมาว่าจะมีใครแค่ส่งข้อความมาหนึ่งข้อความสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของลู่เซิ่นได้ โดยเฉพาะยิ่งเห็นท่าทางของลู่เซิ่น ข้อความนั้นน่าจะไม่ยาวมาก

ความแปลกใจในใจหลินหยังมากยิ่งขึ้น และคำพูดหลังจากนี้ของลู่เซิ่นกลับทำให้เขาสับสนยิ่งขึ้น

“เลื่อนวันไปล่องเรือเร็วขึ้นอีกวัน” ลู่เซิ่นกวาดตามองตารางงานที่เขาส่งให้ และออกปากสั่งงาน

หลินหยังรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย

ลู่เซิ่นไม่ชอบสถานที่ล่องเรือตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะไม่ว่าห้องโดยสารจะหรูหราแค่ไหน ก็มีขนาดเล็กจนเทียบไม่ได้กับห้องพักบนบก อีกอย่างปกติแล้วการล่องเรือไม่มีอะไรพิเศษ ทั้งหมดก็แค่กิจกรรมเพื่อความบันเทิง และความบันเทิงเหล่านั้นสำหรับลู่เซิ่นในปีนี้แล้ว “เสียเวลาทั้งนั้น”

หลินหยังไม่เข้าที่เขาเปลี่ยนความสนใจกะทันหัน แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า เสียงเตือนข้อความเข้าพิเศษของคนในความลับ ข้อความนั้นต้องมีความสัมพันธ์กับลู่เซิ่นอย่างแน่นอน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท