Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1314

ตอนที่ 1314

บทที่ 1314 ผู้มาเยือน

ก่อนที่จะขึ้นเรือสำราญ ฉินซีเดิมทีได้วางแผนการดำเนินชีวิตกลับไปสู่โหมดปกติ แม้แต่ตอนที่ออกจากโรงพยาบาล เธอก็ยังคิดเช่นนี้

แต่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่า…..จะกลายมาเป็นนี้

ใบหน้าฉินซีค่อยๆผุดรอยยิ้มออกมา ที่ราวกับว่าไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองไว้ได้ และได้ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ออกมา

……

ในห้องผู้ป่วยของลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นอยู่ในห้องผู้ป่วยอยู่หลายชั่วโมง ก็ได้มีคนหลายกลุ่มเข้ามาเยี่ยม

จนในที่สุดแพทย์ก็ทนดูต่อไปไม่ได้ ต้องการอยากให้เขาพักผ่อนให้เต็มที่ จึงได้ปิดประตูลง เขาถึงได้รับความสงบ

แพทย์คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเวินจิ้งนั่นเอง

“คุณย้ายมาที่แผนกลำไส้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมไม่ยักรู้” ลู่เซิ่นยิ้มขึ้นเบาๆ “อยู่เป็นเพื่อนผมทั้งคืน ทำไม หรือว่าอยากจะเป็นคุณหญิงลู่จริงๆ”

เวินจิ้งกลอกตามองบน : “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อบ้านของคุณมาขอร้องฉันด้วยตัวเอง ฉันคงไม่มีเวลาว่างมาสนใจคุณ”

ลู่เซิ่นยิ้ม ไม่มีการตอบใดๆ

เวินจิ้งกวาดสายตามองเขา : “ทำไม เจ็บกระเพาะเหรอ”

ลู่เซิ่นส่ายหัว

เขาดูเงียบสงบจนเป็นที่ผิดสังเกต เวินจิ้งครุ่นคิด แล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ

ลู่เซิ่นเห็นเธอนั่งลง จึงได้ยิ้มขึ้น : “ดึกขนาดนี้ยังจะอยู่ที่ห้องผู้ป่วยของผมอีก ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าจะคิดว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริงๆหรอก”

ครั้งนี้เวินจิ้งขี้เกียจจะสนใจเขา และก็พูดขึ้น : “ฉันเห็นภรรยาของคุณ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เซิ่นแข็งทื่อทันใด จากนั้นก็ค่อยๆจางหายไป

“รั้งเธอไว้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นอารมณ์ถึงไม่ดีเหรอ” เวินจิ้งถามขึ้น

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบ แต่ถามกลับขึ้น : “ทำไม คืนนี้จู่ๆเกิดอยากเป็นจิตแพทย์ขึ้นมาเหรอ”

เวินจิ้งมองใบหน้าที่ฝืนยิ้มของเขา ทำให้นึกถึงท่าทางการขอร้องของพ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์ จึงได้พูดต่อ : “ก็เห็นคุณอารมณ์ไม่ค่อยดี ที่ถามขึ้นก็เพราะในฐานะเพื่อนเท่านั้นเอง”

ลู่เซิ่นกลับขมวดคิ้วขึ้น: “ผมไม่ยักรู้ว่าพวกเรายังเป็นเพื่อนกัน”

เวินจิ้งถูกคำพูดของเขาดักไว้จนพูดไม่ออก และก็ดูออกจริงๆว่าเขาคงไม่อยากพูด ดังนั้นพูดไปก็เปล่าประโยชน์ จึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางประตู

“ฉันหากเป็นภรรยาคุณ ฉันยินยอมให้คุณปลอดภัย”

เธอทิ้งประโยคนี้แล้วก็ผลักประตูจากไป

เหลือลู่เซิ่นอยู่ที่เดิมเพียงคนเดียว ผ่านไปสักพัก มุมปากมีการยกขึ้น ราวกับว่าจะผุดรอยยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ใช่

มือซ้ายหยอดน้ำเกลืออยู่ จนท่อนแขนนั้นเย็นไปหมด แต่ยังดีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของมือขวาของเขา

ลู่เซิ่นกำลังจะเปิดแล็ปท็อปเพื่อดูงาน โทรศัพท์ก็เกิดดังขึ้น

เขาคิดว่าคงจะเป็นเรื่องงาน และเมื่อกำลังจะกดรับสาย หมายเลขที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ได้ทำให้ชะงักไปสองสามวินาที

หมายเลขนี้…..นี่เป็นหมายเลขของฉินซี

ถึงว่าทำไมลู่เซิ่นตกใจ ฉินซีแทบจะไม่เคยโทรหาลู่เซิ่น

สัญญาณของเธอจะถูกตรวจจับแบบเรียลไทม์เมื่ออยู่ในองค์กรใหญ่ ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าติดต่อกับลู่เซิ่น มีเพียงเวลาที่ออกจากองค์กรใหญ่ แล้วนัดพบกับลู่เซิ่นเป็นบางครั้ง และก็ส่งข้อความให้กับลู่เซิ่นเท่านั้น

ตอนนี้เธอที่เพิ่งจากไป แล้วทำไมถึงได้โทรศัพท์มาหา

ลู่เซิ่นคิดไม่ตก แต่ก็ไม่รีรอ รีบรับสายโทรศัพท์ขึ้น

วินาทีที่เสียงฉินซีดังขึ้น จิตใจของเขาได้สงบนิ่งทันใด

“ลู่เซิ่น” เสียงของฉินซีที่เรียบนิ่ง “คุณพักผ่อนหรือยัง”

ลู่เซิ่นส่ายหน้า น้ำเสียงได้เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลขึ้นอย่างไม่รู้ตัว : “ยัง คุณล่ะ อยู่บนเครื่องบินขากลับแล้วเหรอ”

ทันใดนั้นในน้ำเสียงของฉินซีมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ : “ฉัน…..ไม่กลับไปแล้ว”

“ไม่กลับ” น้ำเสียงลู่เซิ่นสูงขึ้น “คุณ…..”

“ไม่ใช่” ฉินซีรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองนั้นเหมือนจะทำให้คนเข้าใจผิด จึงรีบเอ่ยปากอธิบายขึ้น “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องกลับไปที่องค์กร เพียงแต่แค่ไม่ต้องกลับไปที่องค์กรใหญ่แล้ว”

เธอใช้คำสั้นๆอธิบายให้กับลู่เซิ่นถึงเรื่องที่เธออยู่เมืองหนาน แต่ว่าไม่ได้พูดเอ่ยถึงพฤติกรรมแปลกๆของจ้านเซิน

แม้เธอจะไม่พูด แต่ตัวลู่เซิ่นเองก็พอจะเดาออกได้

“เป็นเขา…..ที่วางแผนแบบนี้เหรอ” เวลาที่ลู่เซิ่นพูดถึงจ้านเซินนั้น มักจะใช้คำคลุมเครือเช่นนี้เสมอ “เขายอมให้คุณไม่ต้องกลับไปเหรอ”

ดูเหมือนลู่เซิ่นจะเข้าใจดีกว่าฉินซีเสียอีก จ้านเซินนั้นหมกมุ่นวุ่นวายกับเธอมากแค่ไหน

ฉินซีกลับพยักหน้าแล้วพูด : “เป็นการวางแผนของเขาจริงๆ”

ลู่เซิ่นนึกถึงภาพที่ฉินซีจากไปเมื่อสักครู่ คนแรกที่มาเยี่ยมเขาในห้องผู้ป่วย

ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น…..ถังย่า

หลังจากที่แต่งงานกับฉินซีแล้ว ลู่เซิ่นก็ไม่เคยเห็นถังย่าอีก เป็นเธอที่ช่วยจ้านเซินในการพาฉินซีออกไป และก็เป็นเธอที่ต่อมาปกปิดฉินซี จนงานแต่งฉินซีกับตัวเองนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์

ท่าทีที่ไม่ชัดเจนของเธอ ดูคลุมเครือ แต่ลู่เซิ่นกลับรู้สึกว่าตัวเองพอจะสามารถเดาเหตุผลออกได้รางๆ

เพียงแต่ว่าทำไมเธอมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ลู่เซิ่นยังคงไม่เข้าใจ

ท่าทีของถังย่ากลับดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเขา ราวกับว่าสนิทกัน เคาะประตูเสร็จก็เดินเข้ามา แล้วเดินมานั่งตรงข้ามลู่เซิ่นอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็ทักทายด้วยน้ำเสียงอย่างคนคุ้นเคย : “ไม่เจอกันตั้งนาน”

สำหรับลู่เซิ่นแล้วไม่ได้มองว่าเธอเป็นศัตรู แต่ไม่ถึงกับมีความเชื่อใจ ดังนั้นจึงแค่พยักหน้า ไม่มีการตอบสนองกลับกับความเป็นกันเองของเธอ

ถังย่าเห็นแล้วก็ไม่รู้สึกแปลกใจ ยื่นมือไปหยิบผลแอปเปิลที่วางอยู่บนจานข้างๆ แต่ไม่ได้ทาน เพียงแค่จับมาเล่นไว้ในมือ และก็พูดด้วยน้ำเสียงอย่างไม่แยแสว่า : “เมื่อสักครู่ฉันเห็นฉินซีเดินออกไปจากที่นี่”

จิตใจลู่เซิ่นดิ่งลง : “คุณเห็นเธอเหรอ”

น้ำเสียงถังย่ายังคงไม่แยแส : “ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องพวกคุณแต่งงานกันฉันยังไม่พูดเลย เรื่องเล็กๆแค่นี้ฉันก็ยิ่งไม่มีทางพูด”

แววตาของลู่เซิ่นยังคงไม่มีความเชื่อใจ

ถังย่าคนนี้…..ไม่เคยยอมทำเรื่องที่ไม่มีผลประโยชน์

ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องการหายตัวไปของฉินซี ไม่มีทางที่เธอจะโผล่มาที่นี่

“ช่างเหอะ” จ้องตากับลู่เซิ่น จู่ๆถังย่ากลับหัวเราะออกมา แล้วก็ส่ายหัว “ฉันจะบอกความจริงให้นะว่าที่ฉันมาในวันนี้ ฉันมีเรื่องอยากจะเตือนคุณ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วขึ้น : “คำเตือนรึ”

ถังย่าหัวเราะอย่างไม่แยแส : “ก็คือ…..จะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวฉินซี ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีด้วยนะ แต่ว่าคุณอย่าได้ชะล่าใจจนไร้สติ อย่าถูกปิดตาจนมองไม่เห็น”

ลู่เซิ่นก็ยิ่งคิ้วเข้มขมวดมุ่น : “ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดีอย่างนั้นเหรอ แล้วเป็นเรื่องอะไรกันล่ะ”

ถังย่ากลับไม่ยอมบอก เพียงแค่ส่ายหน้า : “ถ้าฉันพูดมากไปกว่านี้ คนที่เดือดร้อนจะเป็นฉันเสียเอง ฉันพูดแค่นี้แหละ คืนนี้คุณจะเข้าใจเอง”

……

“ลู่เซิ่น” เสียงของฉินซีทำให้ดึงสติของลู่เซิ่นกลับคืนมา “ทำไมจู่ๆถึงไม่พูดล่ะ”

ลู่เซิ่นได้ปรับเสียงในลำคอ : “ไม่มีอะไร แค่ดีใจกับคุณเท่านั้น”

ที่ฉินซีพูดกับถังย่าพูด คงน่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน

จ้านเซินจู่ๆยอมปล่อยเธอให้ออกจากองค์กรใหญ่มาที่เมืองหนาน เขาต้องมีจุดประสงค์อย่างแน่นอน แต่ว่าถังย่าไม่ยอมบอกจุดประสงค์นี้ ดูเหมือนฉินซีเองก็ไม่รู้ แต่ลู่เซิ่นก็ไม่สามารถเดาออกได้

สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้คือการเตือนฉินซีอย่างอ้อมๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท