Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1317

ตอนที่ 1317

บทที่ 1317 บังเอิญเจอ

ถ้าหากฉินซีสามารถมองเห็นสีหน้าอารมณ์ของทั้งคู่ อย่างน้อยก็คงจะไม่มีอาการหึงหวง

เพียงแต่น่าเสียดายมุมที่เธอยืนนั้นไม่สามารถมองเห็นถึงสีหน้าอารมณ์ของทั้งสองได้ มองจากในมุมของเธอ ลู่เซินที่ไม่พูดไม่จา ราวกับนั่งฟังอย่างตั้งใจ ส่วนเวินจิ้งก็พูดไม่หยุดเหมือนกับว่ากำลังเป็นห่วงเป็นใย

จนในที่สุดเธอทนต่อไปไม่ได้ จึงได้กระแอมเสียงในลำคอเบาๆ

“…..ฉันจะเอาเมนูรายการอาหารให้กับพ่อครัวของคุณ หลังจากที่คุณกลับไปแล้ว ——” เวินจิ้งที่กำลังจะพูดจบ อยู่ๆลู่เซิ่นก็เงยหน้าขึ้น แล้วขัดจังหวะเธอไม่ให้พูดต่อ

“ทำไม” เวินจิ้งขมวดคิ้ว “ฉันใกล้จะพูดจบแล้ว”

ลู่เซิ่นกลับไม่สนใจในสิ่งที่เธอพูด ยกมือขึ้นเพื่อบอกให้เธอหลบไปข้างๆ แล้วก็ชะโงกหัวออกไปมองทางประตู

เวินจิ้งที่ไม่เข้าใจ แต่ก็หลบตัวไป

ที่ประตูมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่

รูปร่างผอมสูง สวมเสื้อเชิ้ตที่พอดีตัวและใส่กางเกงหลวมๆ แม้ว่าจะยืนอยู่ตรงนั้น ฉินซีก็สามารถจำภาพลักษณะท่าทางการเดินของเธอได้

เพียงแต่ที่ที่เธอยืนอยู่นั้นเป็นที่ย้อนแสง เวินจิ้งจึงเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้ไม่ชัดเจน

คือใคร

เวินจิ้งยังไม่ทันได้คำตอบของคำถามนี้ ลู่เซิ่นก็ลุกขึ้นทันใด แล้วเดินอ้อมเธอไปที่ประตู : “ฉินซี คุณมาแล้วเหรอ”

เวินจิ้งเข้าใจทันทีว่านี่ต่างหากคือภรรยาที่แท้จริงของลู่เซิ่น

ถ้าเท้าความแล้ว เวินจิ้งไม่เคยเจอกับฉินซี ไม่รู้ว่านี่เป็นการวางแผนของลู่เซิ่นหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายหรือตัวจริง เธอก็ไม่เคยเจอ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ทำให้เวินจิ้งเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้น ไม่รู้ภรรยาตัวจริงคนนี้มีรูปร่างหน้าตาเช่นไร ที่สามารถทำให้ลู่เซิ่นรักอย่างหัวปักหัวปำ

แต่เธอยังไม่ทันได้เดินเข้ามาเพื่อสำรวจฉินซี ลู่เซิ่นก็ได้ยืนบังเธอ แล้วหันมาพูดกับเธอ : “คุณบอกว่าจะเอาเมนูรายการอาหารไปให้พ่อบ้านใช่ไหม อย่างนั้นก็รีบไปเถอะ”

เวินจิ้งถูกย้อนขึ้น น้ำเสียงการไล่แขกของลู่เซิ่นนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน และเธอก็ไม่มีหน้าที่จะอยู่ต่อไปได้อีก ทำได้เพียงชำเลืองมองฉินซีแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าให้เธอเพื่อเป็นการทักทาย จากนั้นก็จากห้องผู้ป่วยไป

ลู่เซิ่นมองดูเวินจิ้งเดินออกจากประตูห้องไปแล้ว ถึงได้หันมองมาทางฉินซีที่แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”

ฉินซีกลับยังคงล่องลอย ยังคงมองไปตามทางที่เวินจิ้งเดินจากไป จนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น : “นั่นคือ…..เวินจิ้งเหรอ”

ลู่เซิ่นชะงัก

ไม่เพียงแต่เวินจิ้งที่ไม่เคยเห็นฉินซี ฉินซีเองก็ไม่เคยเห็นเวินจิ้งเช่นกัน แล้วทำไมเธอถึงเดาออกได้

ถึงแม้ว่าประโยคของฉินซีจะเป็นประโยคคำถาม แต่ว่าน้ำเสียงนั้นค่อนข้างมั่นใจ ราวกับว่าเธอรู้จักเวินจิ้ง

จะปฏิเสธในเวลานี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ลู่เซิ่นจึงพยักหน้า มองดูสีหน้าหม่นหมองของฉินซี แล้วคิดได้ว่าฉินซีไม่เคยเห็นเวินจิ้งมาก่อนนิ

——ฉินซีเคยเห็นจากกล้องวงจรปิดที่จ้านเซินใช้ใส่ร้ายว่าเขานอกใจ

ลู่เซิ่นจึงเก็บความแค้นไว้ในใจ แต่การแสดงออกของเขายังคงเพิกเฉย และก็เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างใจเย็น : “อย่ายืนอยู่แต่ที่ประตูเลย รีบเข้ามานั่งเถอะ”

ฉินซีพยักหน้า สีหน้าบนใบหน้าทำให้ดูไม่ออกว่าเธอนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ก็เดินตามเข้ามาพร้อมกัน

ลู่เซิ่นยื่นมือไปห้อยขวดน้ำเกลือไว้ที่เดิม จากนั้นให้ฉินซีนั่งลงบนโซฟา

การกระทำของลู่เซิ่นเบี่ยงเบนความสนใจของฉินซี ทำให้เธอต้องเก็บความสงสัยที่มีอยู่ในใจไว้ชั่วคราว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง : “ทำไมยังต้องให้น้ำเกลืออีก ไหนบอกว่าดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ”

ลู่เซิ่นยิ้มเบาๆแล้วพยักหน้า : “โรคกระเพาะนั่นแหละ ก็ผมมาโรงพยาบาลทั้งที คุณหมอเหล่านั้นคงอดใจไม่ไหว แทบอยากจะจับผมฉีดยาเท่าที่จะทำได้มั้ง”

ไม่มีรอยยิ้มผุดที่ใบหน้าของฉินซี เธอยื่นไปกุมมือซ้ายของลู่เซิ่น เพราะการหยอดน้ำเกลือนานๆจะทำให้มือรู้สึกเย็น สายตาก้มลง พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย : “ต่อไปอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก”

ลู่เซิ่นยื่นมือขวาไปแตะที่มือของเธอ แล้วพูดขึ้น : “มีคุณอยู่ข้างๆ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก”

…..นี่หมายความว่า ถ้าฉินซีไม่อยู่ เขาก็จะทำแบบเดิมอย่างนั้นสิ

ฉินซีจ้องเขาอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมเขาตอนนี้ แหงนหน้ามองขวดน้ำเกลือที่ยังเหลืออยู่ประมาณครึ่งขวด จึงได้ถามขึ้น : “คุณให้น้ำเกลือมาทั้งวันเลยเหรอ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า : “ครับ”

ขอเพียงแค่หันเหความสนใจของฉินซีได้ เขาก็ยินยอมที่จะแกล้งแสดงความอ่อนแอออกมา

“เมื่อวานคุณบอกว่าจะมาหา ผมก็เลยไม่รีบร้อนออกจากโรงพยาบาล จนทำให้คุณหมอเหล่านั้นมาหยอดน้ำเกลือให้อีก” มุมปากลู่เซิ่นเผยอเล็กน้อย คล้ายกับเป็นการพร่ำบ่นให้ฉินซีฟัง

ฉินซีรู้สึกเป็นห่วงจริงๆ จึงได้จับมือของลู่เซิ่นอย่างแน่น

แต่ฉินซีกลับสะดุดอยู่กับสองคำ“คุณหมอ” ที่ลู่เซิ่นพูดซ้ำไปซ้ำมา

เป็นคุณหมอท่านไหนกัน เป็นหมอประจำตัวหรือว่า…..เวินจิ้ง

ฉินซีบอกกับตัวเองในใจว่าต้องมีเหตุผล แต่ก็อดคิดไม่ได้กับภาพที่เวินจิ้งอยู่ที่นี่

เวินจิ้งมาที่นี่ทำไม ถ้าหากว่าเวินจิ้งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเขา อย่างนั้นทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันทั้งวันใช่ไหม

ถ้าหากว่าไม่ใช่…..อย่างนั้นเธอมาปรากฏตัวที่นี่ทำไม ดูแลเขาเหรอ แล้วคนรับใช้ล่ะ หลินหยังล่ะ ทำไมต้องเป็นเธอที่ดูแล

แล้วที่เขาให้น้ำเกลือมาทั้งวันแบบนี้ ใช่เวินจิ้งหรือเปล่าที่คอยดูแลอยู่ข้างๆ

ฉินซียิ่งบอกให้ตัวเองอย่าคิดมาก ก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะเดาไปต่างๆนานา คำถามที่วนอยู่ภายในใจราวกับลาวาที่กลิ้งไปมา และฟองอากาศก็ค่อยๆผุดขึ้น จนทำให้จิตใจเธอถึงกับร้อนรุ่ม

เธอก็รู้ดีว่าความสงสัยของตัวเองที่มีในตอนนี้ดูไม่ค่อยมีเหตุผล มนุษย์ย่อมเป็นสัตว์ที่มีอารมณ์มีความรู้สึก และสามารถควบคุมด้วยความคิดของตัวเอง

เมื่อคิดไปคิดมา ในที่สุดเธอหันหน้ามาสบตากับลู่เซิ่น แล้วพูดขึ้น : “เมื่อสักครู่เวินจิ้งมาที่นี่…..ทำไม”

เห็นได้ชัดเจนว่าความตกใจได้แวบเข้าสู่ดวงตาของลู่เซิ่น ซึ่งฉินซีก็เห็นเข้าพอดี

“คุณหมอประจำตัวของผมมอบหมายให้เธอมา” ลู่เซิ่นชะงักไปสองสามวินาที ก่อนที่จะตัดสินพูดความจริงออกมา

จากประสบการณ์ครั้งก่อน ทำให้เขาพอจะเข้าใจได้ว่า ต่อให้ถ้าปิดบังแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจสามารถทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนสองคนได้

เขาไม่อาจที่จะให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำซ้อนได้อีก

เพียงแต่สีหน้าของฉินซีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขาแล้วนั้น ถึงกับค่อยๆหม่นลง

“คุณหมอประจำตัว…..ให้เธอมาอย่างนั้นเหรอ” ฉินซีพูดซ้ำเบาๆ แล้วเงยหน้ามองลู่เซิ่น “เขารู้ไหมว่าเวินจิ้งเป็นภรรยาของคุณแค่ในนาม”

ลู่เซิ่นตอบรับคำของเธอที่ดูเหมือนจะอ่านความคิดทั้งหมดของตัวเองได้จากแววตา จึงยากที่จะโกหกได้ ทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น

ฉินซีจึงกะพริบตา

แท้ที่จริงแล้วเธอนั้น…..ห่วงใยลู่เซิ่นมากกว่าที่เธอคิด

แม้ว่าก่อนการแต่งงาน ลู่เซิ่นได้บอกฉินซีอย่างชัดเจนแล้วว่า เวินจิ้งจะเป็นภรรยาในนามแทนเธอ

ในตอนนั้นฉินซีไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ แต่หนึ่งปีให้หลัง ฉินซีก็ไม่มีโอกาสรับรู้ว่าเรื่องนี้นั้นร้ายแรงเพียงใด

แต่ว่าตอนนี้เธอนั้นเข้าใจได้ในทันที

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท