บทที่ 1329 ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
ที่จริงใช่ว่าลู่เซิ่นไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน
เขาจองโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้สี่ทุ่ม พาฉินซีไป เริ่มต้นช่วงเวลายามค่ำคืนพอดี
แม้ว่าเพราะฉินซีไม่ได้พูดชัดเจน เขาจึงพาฉินซีไปโรงหนัง แต่เขายังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหตุให้ฉินซีต้องตกใจกลัว ตอนนี้จึงไม่รีบพาฉินซีกลับโรงแรม แต่ถามเธอว่าอยากไปที่ไหน
ฉินซีไม่รู้ความคิดของเขา กลอกสายตา ทันใดนั้นสายตามีประกาย “พวกเรา..ไปบาร์ดีมั้ยคะ”
ครั้งนี้ลู่เซิ่นประหลาดใจมาก “บาร์งั้นหรือ”
ฉินซีกะพริบตา “อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยไป”
น้อยครั้งนักลู่เซิ่นที่จะนึกคำพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ค่อยพยักหน้ายอมรับอย่างลำบาก
ถ้าจะว่าไปแล้ว เขาเคยไปหลายครั้ง ในเมื่อบางครั้งบาร์คือสถานที่ทำให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้น บางครั้งก็ไปแค่เพื่อผ่อนคลายและพบปะผู้คน
เพียงแต่ลู่เซิ่นไม่ชอบการหาคู่ด้วยวิธีนี้ ทุกวันแค่ต้องรับมือกับผู้หญิงที่อยากขึ้นเตียงของเขาก็ไม่ไหวแล้ว ยิ่งไม่มีทางไปสถานที่มีคนดีเลวสารพัดอย่างบาร์เพื่อหาเรื่องสนุกตื่นเต้น
ดูเหมือนฉินซีไม่ได้คิดจะซักถาม เพียงแต่ยิ้มพูดต่อ “แต่ฉันไม่เคยไปเที่ยวจริงจัง”
ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “จริงสิ”
ฉินซีพยักหน้ายอมรับ “ค่ะ”
เธอไม่ใช่คนชอบไปเที่ยวบาร์ เธอไปบาร์เฉพาะตอนมีภารกิจ ในสถานการณ์แบบนั้นแค่เริ่มเข้าไปก็ประสาทตึงเครียดแล้ว แน่นอนว่าไม่เคยผ่อนคลายเอ็นจอยเต็มที่
ลู่เซิ่นขยับมุมปาก ทำท่าเหมือนเพลย์บอย “ก็ได้ งั้นพี่ลู่คืนนี้จะพาน้องไปเที่ยวให้เต็มที่เลย”
พอเขาพูดจบ สองคนก็หัวเราะกัน
ฉินซีหัวเราะครู่หนึ่ง ถึงตอบกลับ “ตกลงค่ะ งั้นตามใจพี่ลู่ค่ะ”
แต่ถ้าต้องไปบาร์ จะปิดร้านก็ไม่สนุก ความปลอดภัยของฉินซีและความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เปิดเผยไม่ได้ก็ต้องคำนึงถึงด้วย แม้ลู่เซิ่นปากจะพูดเหมือนสบายๆ แต่ก็ครุ่นคิดจริงจังครู่หนึ่ง ถึงเลือกบาร์แห่งหนึ่งพาฉินซีไป
บาร์อยู่ไม่ไกลนัก สองคนใช้เวลาไม่นานก็ถึง
ลู่เซิ่นไม่ได้จอดรถที่หน้าประตูบาร์ แต่ขับเข้าไปในซอยห่างออกไป แล้วค่อยจอดรถ
ฉินซีไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ตามเขาลงจากรถ
ไม่รู้อยู่ดีๆ ก็มีสองคนโผล่มาจากไหน คนหนึ่งท่าทางนอบน้อมรับกุญแจไปช่วยลู่เซิ่นจอดรถ อีกคนหนึ่งค้อมตัวนำทางลู่เซิ่นกับฉินซี
ฉินซีหันไปมองลู่เซิ่น อีกฝ่ายยิ้มแย้ม อธิบาย “บาร์นี้ผมมีหุ้นนิดหน่อย เคยมาบ่อยๆ ที่นี่คือประตูข้างของบาร์ ตรงขึ้นไปห้องส่วนตัวชั้นบนได้ ทุกครั้งที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็น ผมก็จะเข้าทางนี้ล่ะ”
ฉินซีเลิกคิ้ว แหย่เล่น “อ้อ พี่ลู่ของเราคงจะมาบ่อยๆ”
ลู่เซิ่นแน่นอนว่าฟังความหมายล้อเล่นในน้ำเสียงของเธอออก หันมาชำเลืองตามองเธอ บีบมือของเธอ “ตั้งแต่เจอคุณ ผมเข้าบาร์เพื่อคุยเรื่องงานเท่านั้น”
ฉินซีได้ยินคำอธิบายอย่างนี้ ก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่ยิ้มเท่านั้น
ขณะที่ทั้งสองคุยกัน คนนำทางก็หยุดเดิน พูดอย่างนอบน้อม “ประธานลู่ คืนนี้จัดห้องให้ท่านที่นี่ครับ”
ลู่เซิ่นพยักหน้านิดหนึ่ง นำฉินซีเดินเข้าไป
ที่ตั้งของห้องส่วนตัวนี้ดีมาก ด้านหนึ่งเป็นกระจกใสด้านเดียว ยืนที่ราวกั้นมองเห็นผู้คนครึกครื้นที่ฟลอร์เต้น แต่พวกเขาไม่มีทางมองเห็นลู่เซิ่นกับฉินซีที่อยู่ในห้อง
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ดูเหมือนลู่เซิ่นจะแน่ใจว่าคนที่มาคือใคร ไม่ได้หันไปมอง ก็พูดขึ้น “เข้ามาได้”
ขณะที่ฉินซีหันไปมอง
ประตูยังไม่ทันเปิดทั้งบาน เสียงก็นำตัวคนพูดเข้ามาก่อน “ประธานลู่ไม่เจอกันตั้งนาน นึกว่านายจะลืมที่นี่ซะแล้ว”
เสียงผู้ชาย โทนเสียงสูงหน่อย แต่เมื่อเดินเข้ามา กลับเป็นผู้ชายผมยาว
ฉินซีไม่พูดอะไรเพียงแต่เลิกตาโตนิดหนึ่ง
คนนั้นคงจะรู้สึกได้ถึงสายตาของฉินซี เงยหน้ามองไปทางเธอ
ฉินซีจึงเห็นใบหน้าของคนผู้นี้ชัดเจน
เมื่อเทียบกับหล่อเหลา ฉินซีอยากจะใช้คำว่างดงามบรรยายคนนี้มากกว่า ใบหน้าของเขาสวยงามจนแยกไม่ออกว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ดังนั้นผมดำยาวถึงเอวจึงไม่ขัดกัน
เมื่อเห็นฉินซี เขาก็ไม่แสดงความประหลาดใจใดๆ เพียงแต่ยิ้มให้ฉินซี “คุณผู้หญิงลู่ ในที่สุดก็ได้พบคุณแล้ว”
ฉินซีประหลาดใจนิดหน่อย หันไปมองลู่เซิ่น
เรื่องภรรยาตัวจริงของลู่เซิ่นคือเธอ มีคนรู้น้อยมากๆ ฉินซีใช้เพียงมือเดียวก็นับได้ครบ แต่คนที่อยู่ตรงหน้า…ฉินซีกลับไม่รู้จักเลย
ความรู้สึกประหลาดทีเดียว คนที่คุณไม่รู้จักแม้แต่น้อย แต่รู้ความลับสำคัญที่สุดของคุณ
ลู่เซิ่นกลับหลบสายตา ไม่ตอบคำถามของฉินซีตรงๆ
คนนั้นเดินไปที่โต๊ะเล็กในห้อง วางเหล้าที่ถือมาในมือลง เดินไปตรงหน้าฉินซีอย่างสง่าผ่าเผยทักทาย “ลืมแนะนำตัว ผมคือเถ้าแก่ของที่นี่ เรียกผม โจวเอ้อก็ได้ครับ”
ทัศนคติของเขาเป็นธรรมชาติ ยิ้มแย้มเป็นกันเอง ลักษณะท่าทางก็ใกล้ชิดไม่ทำให้คนรู้สึกรำคาญ เหมือนมีพรสวรรค์สนิทสนมคุ้นเคยกับทุกคน
แม้ว่าในใจฉินซีจะยังรู้สึกว่ามีระยะห่าง แต่ก็ไม่มีทางที่จะรังเกียจคนที่อยู่ตรงหน้า ยื่นมือไปจับมือทักทาย “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฉินซีค่ะ”
ฉินซีประหลาดใจ กำลังจะเอ่ยปากถาม ลู่เซิ่นที่ยังไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่โจวเอ้อ เข้ามาในห้องก็พูดขัดขึ้น “เอาล่ะ คนก็เจอแล้ว เหล้าก็เอามาแล้ว นายไปได้”
โจวเอ้อถูกขัดคออย่างนี้ไม่โมโห ใบหน้ายังแย้มยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มของเขาต่างกับพวกคนในองค์กร ไม่เหมือนหน้ากากที่สวมบนใบหน้ายิ้มเย็นชาด้วยความเกรงใจ แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ “ครับ ไม่รบกวนสามีภรรยากลับมาเจอกัน ฉินซี ไว้เจอกันครับ ~”
พูดจบ ก็หันไปกะพริบตาให้ฉินซี ส่งจูบให้ แล้วออกไป
คงเป็นเพราะหน้าตาเขาออกไปทางผู้หญิง ท่าทางเช่นนี้ทำแล้วไม่ดูหญิงมาก แต่กลับดึงดูดอย่างที่บอกไม่ถูก
สายตาของฉินซีมองตามเขาออกไป จนเขาปิดประตูลง
“ยังดูไม่พอหรือ” น้ำเสียงลู่เซิ่นน้อยใจ ดังขึ้นข้างหูฉินซี “ไม่อย่างนั้นผมจะได้เรียกมันมาให้คุณดูให้พอ”
ฉินซีหันมายิ้มให้ลู่เซิ่น “ไม่ต้องค่ะ ฉันก็แค่รู้สึก…เขาน่าสนใจดี”
ลู่เซิ่นเลิกคิ้วลุกขึ้นนั่งที่ฝั่งหนึ่งของโซฟา ก้มหน้าไม่มองฉินซี “น่าสนใจตรงไหน ลองว่ามาซิ”
ฉินซียิ้ม แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินความน้อยใจในน้ำเสียงลู่เซิ่น ตามไปนั่งที่โซฟาเริ่มพูดขึ้น “เขาคนนี้ ทำให้ฉันรู้สึกขัดแย้งมากค่ะ”
ลู่เซิ่นรับคำเหมือนใจลอย