Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1329

ตอนที่ 1329

บทที่ 1329 ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน

ที่จริงใช่ว่าลู่เซิ่นไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน

เขาจองโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้สี่ทุ่ม พาฉินซีไป เริ่มต้นช่วงเวลายามค่ำคืนพอดี

แม้ว่าเพราะฉินซีไม่ได้พูดชัดเจน เขาจึงพาฉินซีไปโรงหนัง แต่เขายังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหตุให้ฉินซีต้องตกใจกลัว ตอนนี้จึงไม่รีบพาฉินซีกลับโรงแรม แต่ถามเธอว่าอยากไปที่ไหน

ฉินซีไม่รู้ความคิดของเขา กลอกสายตา ทันใดนั้นสายตามีประกาย “พวกเรา..ไปบาร์ดีมั้ยคะ”

ครั้งนี้ลู่เซิ่นประหลาดใจมาก “บาร์งั้นหรือ”

ฉินซีกะพริบตา “อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยไป”

น้อยครั้งนักลู่เซิ่นที่จะนึกคำพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ค่อยพยักหน้ายอมรับอย่างลำบาก

ถ้าจะว่าไปแล้ว เขาเคยไปหลายครั้ง ในเมื่อบางครั้งบาร์คือสถานที่ทำให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้น บางครั้งก็ไปแค่เพื่อผ่อนคลายและพบปะผู้คน

เพียงแต่ลู่เซิ่นไม่ชอบการหาคู่ด้วยวิธีนี้ ทุกวันแค่ต้องรับมือกับผู้หญิงที่อยากขึ้นเตียงของเขาก็ไม่ไหวแล้ว ยิ่งไม่มีทางไปสถานที่มีคนดีเลวสารพัดอย่างบาร์เพื่อหาเรื่องสนุกตื่นเต้น

ดูเหมือนฉินซีไม่ได้คิดจะซักถาม เพียงแต่ยิ้มพูดต่อ “แต่ฉันไม่เคยไปเที่ยวจริงจัง”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “จริงสิ”

ฉินซีพยักหน้ายอมรับ “ค่ะ”

เธอไม่ใช่คนชอบไปเที่ยวบาร์ เธอไปบาร์เฉพาะตอนมีภารกิจ ในสถานการณ์แบบนั้นแค่เริ่มเข้าไปก็ประสาทตึงเครียดแล้ว แน่นอนว่าไม่เคยผ่อนคลายเอ็นจอยเต็มที่

ลู่เซิ่นขยับมุมปาก ทำท่าเหมือนเพลย์บอย “ก็ได้ งั้นพี่ลู่คืนนี้จะพาน้องไปเที่ยวให้เต็มที่เลย”

พอเขาพูดจบ สองคนก็หัวเราะกัน

ฉินซีหัวเราะครู่หนึ่ง ถึงตอบกลับ “ตกลงค่ะ งั้นตามใจพี่ลู่ค่ะ”

แต่ถ้าต้องไปบาร์ จะปิดร้านก็ไม่สนุก ความปลอดภัยของฉินซีและความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เปิดเผยไม่ได้ก็ต้องคำนึงถึงด้วย แม้ลู่เซิ่นปากจะพูดเหมือนสบายๆ แต่ก็ครุ่นคิดจริงจังครู่หนึ่ง ถึงเลือกบาร์แห่งหนึ่งพาฉินซีไป

บาร์อยู่ไม่ไกลนัก สองคนใช้เวลาไม่นานก็ถึง

ลู่เซิ่นไม่ได้จอดรถที่หน้าประตูบาร์ แต่ขับเข้าไปในซอยห่างออกไป แล้วค่อยจอดรถ

ฉินซีไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ตามเขาลงจากรถ

ไม่รู้อยู่ดีๆ ก็มีสองคนโผล่มาจากไหน คนหนึ่งท่าทางนอบน้อมรับกุญแจไปช่วยลู่เซิ่นจอดรถ อีกคนหนึ่งค้อมตัวนำทางลู่เซิ่นกับฉินซี

ฉินซีหันไปมองลู่เซิ่น อีกฝ่ายยิ้มแย้ม อธิบาย “บาร์นี้ผมมีหุ้นนิดหน่อย เคยมาบ่อยๆ ที่นี่คือประตูข้างของบาร์ ตรงขึ้นไปห้องส่วนตัวชั้นบนได้ ทุกครั้งที่ไม่อยากให้คนอื่นเห็น ผมก็จะเข้าทางนี้ล่ะ”

ฉินซีเลิกคิ้ว แหย่เล่น “อ้อ พี่ลู่ของเราคงจะมาบ่อยๆ”

ลู่เซิ่นแน่นอนว่าฟังความหมายล้อเล่นในน้ำเสียงของเธอออก หันมาชำเลืองตามองเธอ บีบมือของเธอ “ตั้งแต่เจอคุณ ผมเข้าบาร์เพื่อคุยเรื่องงานเท่านั้น”

ฉินซีได้ยินคำอธิบายอย่างนี้ ก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่ยิ้มเท่านั้น

ขณะที่ทั้งสองคุยกัน คนนำทางก็หยุดเดิน พูดอย่างนอบน้อม “ประธานลู่ คืนนี้จัดห้องให้ท่านที่นี่ครับ”

ลู่เซิ่นพยักหน้านิดหนึ่ง นำฉินซีเดินเข้าไป

ที่ตั้งของห้องส่วนตัวนี้ดีมาก ด้านหนึ่งเป็นกระจกใสด้านเดียว ยืนที่ราวกั้นมองเห็นผู้คนครึกครื้นที่ฟลอร์เต้น แต่พวกเขาไม่มีทางมองเห็นลู่เซิ่นกับฉินซีที่อยู่ในห้อง

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ดูเหมือนลู่เซิ่นจะแน่ใจว่าคนที่มาคือใคร ไม่ได้หันไปมอง ก็พูดขึ้น “เข้ามาได้”

ขณะที่ฉินซีหันไปมอง

ประตูยังไม่ทันเปิดทั้งบาน เสียงก็นำตัวคนพูดเข้ามาก่อน “ประธานลู่ไม่เจอกันตั้งนาน นึกว่านายจะลืมที่นี่ซะแล้ว”

เสียงผู้ชาย โทนเสียงสูงหน่อย แต่เมื่อเดินเข้ามา กลับเป็นผู้ชายผมยาว

ฉินซีไม่พูดอะไรเพียงแต่เลิกตาโตนิดหนึ่ง

คนนั้นคงจะรู้สึกได้ถึงสายตาของฉินซี เงยหน้ามองไปทางเธอ

ฉินซีจึงเห็นใบหน้าของคนผู้นี้ชัดเจน

เมื่อเทียบกับหล่อเหลา ฉินซีอยากจะใช้คำว่างดงามบรรยายคนนี้มากกว่า ใบหน้าของเขาสวยงามจนแยกไม่ออกว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ดังนั้นผมดำยาวถึงเอวจึงไม่ขัดกัน

เมื่อเห็นฉินซี เขาก็ไม่แสดงความประหลาดใจใดๆ เพียงแต่ยิ้มให้ฉินซี “คุณผู้หญิงลู่ ในที่สุดก็ได้พบคุณแล้ว”

ฉินซีประหลาดใจนิดหน่อย หันไปมองลู่เซิ่น

เรื่องภรรยาตัวจริงของลู่เซิ่นคือเธอ มีคนรู้น้อยมากๆ ฉินซีใช้เพียงมือเดียวก็นับได้ครบ แต่คนที่อยู่ตรงหน้า…ฉินซีกลับไม่รู้จักเลย

ความรู้สึกประหลาดทีเดียว คนที่คุณไม่รู้จักแม้แต่น้อย แต่รู้ความลับสำคัญที่สุดของคุณ

ลู่เซิ่นกลับหลบสายตา ไม่ตอบคำถามของฉินซีตรงๆ

คนนั้นเดินไปที่โต๊ะเล็กในห้อง วางเหล้าที่ถือมาในมือลง เดินไปตรงหน้าฉินซีอย่างสง่าผ่าเผยทักทาย “ลืมแนะนำตัว ผมคือเถ้าแก่ของที่นี่ เรียกผม โจวเอ้อก็ได้ครับ”

ทัศนคติของเขาเป็นธรรมชาติ ยิ้มแย้มเป็นกันเอง ลักษณะท่าทางก็ใกล้ชิดไม่ทำให้คนรู้สึกรำคาญ เหมือนมีพรสวรรค์สนิทสนมคุ้นเคยกับทุกคน

แม้ว่าในใจฉินซีจะยังรู้สึกว่ามีระยะห่าง แต่ก็ไม่มีทางที่จะรังเกียจคนที่อยู่ตรงหน้า ยื่นมือไปจับมือทักทาย “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฉินซีค่ะ”

ฉินซีประหลาดใจ กำลังจะเอ่ยปากถาม ลู่เซิ่นที่ยังไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่โจวเอ้อ เข้ามาในห้องก็พูดขัดขึ้น “เอาล่ะ คนก็เจอแล้ว เหล้าก็เอามาแล้ว นายไปได้”

โจวเอ้อถูกขัดคออย่างนี้ไม่โมโห ใบหน้ายังแย้มยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มของเขาต่างกับพวกคนในองค์กร ไม่เหมือนหน้ากากที่สวมบนใบหน้ายิ้มเย็นชาด้วยความเกรงใจ แต่เป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ “ครับ ไม่รบกวนสามีภรรยากลับมาเจอกัน ฉินซี ไว้เจอกันครับ ~”

พูดจบ ก็หันไปกะพริบตาให้ฉินซี ส่งจูบให้ แล้วออกไป

คงเป็นเพราะหน้าตาเขาออกไปทางผู้หญิง ท่าทางเช่นนี้ทำแล้วไม่ดูหญิงมาก แต่กลับดึงดูดอย่างที่บอกไม่ถูก

สายตาของฉินซีมองตามเขาออกไป จนเขาปิดประตูลง

“ยังดูไม่พอหรือ” น้ำเสียงลู่เซิ่นน้อยใจ ดังขึ้นข้างหูฉินซี “ไม่อย่างนั้นผมจะได้เรียกมันมาให้คุณดูให้พอ”

ฉินซีหันมายิ้มให้ลู่เซิ่น “ไม่ต้องค่ะ ฉันก็แค่รู้สึก…เขาน่าสนใจดี”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้วลุกขึ้นนั่งที่ฝั่งหนึ่งของโซฟา ก้มหน้าไม่มองฉินซี “น่าสนใจตรงไหน ลองว่ามาซิ”

ฉินซียิ้ม แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินความน้อยใจในน้ำเสียงลู่เซิ่น ตามไปนั่งที่โซฟาเริ่มพูดขึ้น “เขาคนนี้ ทำให้ฉันรู้สึกขัดแย้งมากค่ะ”

ลู่เซิ่นรับคำเหมือนใจลอย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท