Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1328

ตอนที่ 1328

บทที่ 1328 เอาชนะความกลัว

โรงหนังที่ลู่เซิ่นเตรียมไว้ไม่ไกลมากนัก สองคนไม่ได้ลงไปเอารถที่ลานจอดรถใต้ดิน แต่พากันเดินจูงมือไปด้วยกัน

เขาเหมาสถานที่เหมือนเดิม ทั้งโรงหนังดูแล้วเย็นเยียบ

“อยากดูเรื่องอะไรครับ” ลู่เซิ่นจูงมือฉินซี เดินเข้าไปใกล้โปสเตอร์หนัง

ช่วงนี้มีหนังเข้าฉายหลายเรื่อง โปสเตอร์สีสันสดใสดูแล้วน่าสนใจ แต่ฉินซีดูเหมือนไม่ค่อยสนใจ ชี้ไปมั่วๆ เรื่องหนึ่ง “เรื่องนี้ละกันค่ะ”

ลู่เซิ่นแปลกใจนิดหน่อย “แน่ใจนะ”

เมื่อครู่ฉินซีใจลอย จึงชี้ไปมั่วๆ ไม่ได้สนใจสักนิดว่าตนเองเลือกเรื่องอะไร เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของลู่เซิ่น ถึงได้ตั้งใจดูอีกครั้ง

…คือหนังสยองขวัญที่ดังมากเรื่องหนึ่ง ทำเป็นหนังสามมิติเข้าฉายใหม่อีกครั้ง

ฉินซียิ้มเก้อเขิน แต่ไม่อยากเปิดเผยความจริงทำไมตัวเองถึงใจลอย จึงทำหน้าหนา “ฉันแค่สงสัย! ใครๆ ก็บอกว่าเรื่องนี้น่ากลัวมาก ตกใจแทบตาย ฉันก็เลยอยากรู้ จะน่ากลัวแค่ไหนคะ”

ลู่เซิ่นไม่ยิ้ม “โอเค งั้นเรื่องนี้ก็ได้ครับ”

เขาคิดไม่ถึง ฉินซีจะชอบดูหนังแบบนี้

ดีที่เขาไม่กลัว จึงจูงมือฉินซีเข้าไปในโรงหนัง

โรงที่ฉายเป็นโรงคู่รัก ที่นั่งตรงกลางไม่มีที่เท้าแขนกั้น สองคนหาที่นั่งเหมาะๆ จอภาพก็ค่อยๆ สว่างขึ้น

เสียงสเปเชียลเอฟเฟกต์ของหนังสยองขวัญดังรอบโรงหนัง

ฉินซีอดไม่ได้จะเบียดตัวเข้าไปใกล้ลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นยิ้ม นึกไม่ถึงหนังสยองขวัญจะได้ผลเกินคาดอย่างนี้ จึงคล้อยตามโอบฉินซีเข้ามาในอ้อมกอด

เรื่องราวในหนังสยองขวัญยังดำเนินต่อไป

ที่จริงนี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซีดูหนังสยองขวัญ ในเมื่อฝึกฝนในองค์กรมานานขนาดนี้ เธอรู้สึกว่าตัวเองกล้าหาญไม่น้อย เมื่อครู่รู้ตัวว่าเลือกหนังเรื่องนี้ไป ถึงได้กล้าบอกว่าอยากดู

แต่…เมื่อดูจริงๆ แล้ว ถึงพบว่าที่จริงแล้วหนังสยองขวัญ ไม่ใช่ความกล้าหาญทั่วไปถึงรับไหว

ในตอนแรกฉินซียังใจลอย ระแวงว่าพวกเขาอยู่ๆ จะเจอข่าวร้ายอะไรในโรงหนังหรือไม่

แต่เมื่อทั้งภาพและเสียงของหนังสยองขวัญจู่โจมหนักหน่วง เธอค่อยๆ ลืมความกังวลของตัวเอง ค่อยๆ จมดิ่งลงไปในเรื่องราวของภาพยนตร์

บ้านในหนังถูกผู้หญิงที่ตายอย่างอยุติธรรมสาป แค่เข้าไปในบ้านก็จะถูกวิญญาณหลอกหลอน ตายอย่างประหลาด

ฉินซีถูกเนื้อเรื่องดึงดูดความสนใจ สองมือจับชายเสื้อของลู่เซิ่นไม่รู้ตัว

ทันใดนั้นมีเงาดำพรวดออกมา ฉินซีตกใจ รู้สึกกลัวมาก จับเสื้อของลู่เซิ่นแน่น

ลู่เซิ่นเคยดูหนังเรื่องนี้แล้ว และรู้ว่าตอนไหนจะมีฉากทำให้คนดูตกใจ เห็นว่าฉินซีกลัว แต่ก็จ้องดูไม่ได้หลบตา ก็รู้ว่าเธอไม่ได้กลัวจริงๆ จึงไม่ได้ขัดเธอ เพียงแต่สละเสื้อนอกและแขนเสื้อให้เธอดึงทึ้งตอนที่กลัว และยังโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดด้วย

ความสุขของเขาไม่ใช่การดูหนัง แต่เป็นการมองฉินซี

ตอนที่ผีสาวชื่อKayako Saeki ปีนลงมาจากบันได เป็นช่วงพีคของทั้งเรื่อง ฉินซีหดตัว ฝ่ามือเหงื่อออก สายตายังคงจ้องมองจอฉายหนังไม่กระพริบ

ลู่เซิ่นเห็นแล้วรู้สึกสนุก แอบคลายกอดแขนฉินซี ตอนที่ผีสาวพุ่งออกมา เขาก็แตะที่เอวฉินซีเบาๆ

ฉินซีตกใจจนตัวสั่น อดไม่ได้ที่จะกรี๊ดออกมา

เธอรู้ตัวอย่างรวดเร็วว่าลู่เซิ่นนั่นเองที่แกล้งเธอ

ผีสาวในจอหายวับไปแล้ว ฉินซีหันไปจ้องมองลู่เซิ่น กระซิบดุเขา “เล่นเป็นเด็ก!”

ลู่เซิ่นยิ้มดีใจที่แกล้งสำเร็จ “งั้นผมทำให้คุณตกใจ”

ฉินซีโต้แย้งเรื่องจริงนี้ไม่ได้ จึงงอนหันไปดูหนังต่อ

หนังดำเนินมาถึงตอนท้าย นางเอกกลายเป็นผี จากนั้นหนังก็จบลงดื้อๆ

ไฟในโรงหนังสว่างพรึ่บ

ฉินซีถอนหายใจยาว ถึงเพิ่งเห็นว่าชายเสื้อของลู่เซิ่นถูกดึงจนยับ และฝ่ามือก็เหงื่อผุด

“ไปกันเถอะ!” ฉินซีหันไป ทำเป็นไม่เห็นเรื่องที่ตัวเองทำ ลุกขึ้นจะออกไป แต่กลับถูกลู่เซิ่นดึงไว้

“ฉินซี” ลู่เซิ่นยังนั่งอยู่ที่เดิม ดูเหมือนไม่รีบออกจากโรง “ตั้งแต่มาโรงหนัง ทำไมคุณถึงใจลอยล่ะครับ”

ฉินซีอึ้งไป เธอคิดว่าตัวเองปิดบังได้ดีแล้ว นึกไม่ถึงลู่เซิ่นจะสังเกตเห็น

“ทำไมคุณคิดอย่างนั้น…” น้ำเสียงของเธอไม่มีความมั่นใจเลย

ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ตั้งแต่เดินเข้ามา คุณก็มองมือถือตลอด และดูจากท่าทีตอนดูหนัง น่าจะไม่เคยชินกับหนังประเภทนี้ ในเมื่อปกติไม่ดู ทำไมเลือกเรื่องนี้ล่ะ”

เขาสังเกตละเอียดมาก ฉินซีไม่มีจุดที่จะโต้แย้ง สองคนนิ่งไปครู่ใหญ่ เธอก้มศีรษะ

“ฉัน…มีภาพหลอน กับโรงหนังค่ะ”

เสียงของเธอแผ่วเบา แต่ลู่เซิ่นก็ยังได้ยินชัด

เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่บีบมือของฉินซี หมายความว่าให้เธอพูดต่อไป

ฉินซีหลับตา เล่าย่อๆ เรื่องที่เธอได้รับโทรศัพท์จากพ่อบ้านตอนอยู่ที่โรงหนัง พอกลับไปถึงบ้านก็พบว่าฉินซึ่งเทียนกล่าวหาแม่ของเธอคบชู้

สายตาของลู่เซิ่นฉายแววสงสาร

“คุณ…ทำไมไม่บอกผมแต่แรกล่ะ” ลู่เซิ่นประคองใบหน้าของฉินซี “ถ้าบอก ผมจะได้เปลี่ยนสถานที่ก็เท่านั้น”

ฉินซีส่ายหน้า “แต่แรกคิดว่าที่นี่เป็นภาพหลอนไม่มีเหตุผล คนที่ผิดคือฉินซึ่งเทียน ไม่ใช่โรงหนังซะหน่อย เวลานั้นไม่ว่าฉันอยู่ที่ไหน โทรศัพท์ของพ่อบ้านก็จะต้องโทรมาอยู่ดี ฉันจะอยู่กับเงามืดที่ไม่มีความหมายนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้ เมื่อก่อนฉันแค่…ไม่อยากเผชิญหน้า ตอนนี้มีโอกาสแล้ว และยังมีคุณคอยเคียงข้าง ฉัน…ก็เลยอยากจะลองดู”

ลู่เซิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ ยื่นมือไปลูบหัวของเธอ “คุณทำได้ดีมาก”

ฉินซีก็ยิ้มตาม

เธอเองก็ไม่คิด เพียงแค่ชั่วโมงครึ่ง เธอรู้สึกได้ว่าความขัดแย้งกับโรงหนังที่เคยมีอยู่ในใจลึกๆ จะหายไปเกือบหมดแล้ว

แม้ว่าเงามืดจะไม่อาจสลายหายไปได้หมด แต่…อย่างน้อยต่อจากนี้ เธอจะไม่แคร์มากมาย เกิดหรือไม่เกิดเรื่องร้าย

“งั้นเราไปกันเถอะ” ครั้งนี้เป็นฝ่ายลู่เซิ่นที่ลุกขึ้นก่อน ดึงฉินซีขึ้น อยู่ๆ ก็ถามขึ้น “ต่อไปเราไปไหนกันดี”

ฉินซีอึ้ง “คุณไม่ได้เตรียมแผนไว้หรือคะ”

เกือบสี่ทุ่ม ค่อนข้างดึกก็จริง แต่ก็ยังไม่ดึกมากถึงกับเป็นเวลาต้องกลับบ้าน

ลู่เซิ่นไม่ได้วางแผนจริงหรือ จะยอมกลับเร็วขนาดนี้หรือ

ฉินซีสงสัย

ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ “ช่วงสุดท้าย คุณอยากทำอะไร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท