Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1337

ตอนที่ 1337

บทที่ 1337 โจมตีก่อนเพื่อความเหนือกว่า

โจวเอ้อยิ้มอ่อน “ทั้งใช่ และไม่ใช่ครับ”

เขาดื่มน้ำในแก้วอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้หยิบมันขึ้นมาอีก แต่วางทิ้งไว้ตรงนั้น ก่อนหันไปมองฉินซี “ผมรู้เรื่องราวของคุณดี รู้ว่าคุณเป็นคนยังไง ถ้าหากคุณไม่อยากให้ตระกูลมู่หาเจอ พวกเขาไม่พบร่องรอยของคุณแน่ ความแข็งแกร่งของตระกูลมู่ แม้จะไม่มีการแทรกแซงจากลู่เซิ่น แต่ถ้าไปเผชิญหน้ากับองค์กรของคุณ มันก็ยังไม่พออยู่ดี”

ฉินซีเม้มปากแน่น

ไม่มีใครเกลียดองค์กรมากไปกว่าเธอ แต่ตอนนี้เธอต้องขอบคุณองค์กรที่ให้ที่พึ่งพิง

ความรู้สึกนี้ … มันแย่มาก

“การสืบหาของมู่วี่สิงมันไม่มีประโยชน์ ถ้าหากผมต้องพูดเรื่องนี้จริงๆ แค่โทรหาคุณก็ได้แล้ว ไม่ต้องให้มาหาถึงที่นี่หรอกครับ ผมให้คุณมาเจอในวันนี้ เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องราวของมู่วี่สิงและเวินจิ้ง”

โจวเอ้อไม่ได้อธิบายในทั้งหมด พูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดลง

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมองโจวเอ้อ“คุณกำลังคิดที่จะลงมือก่อน?”

โจวเอ้อยิ้มแผ่ว “ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแค่มู่วี่สิงกำลังไล่ตามหลังคุณอยู่ แล้วถ้าไล่ตามต่อไป เกรงว่าคุณจะไม่ใช่เจตนาเดิม”

ฉินซีเงียบไปครู่หนึ่ง รีบถามกลับอย่างรวดเร็ว “นี่ไม่ได้หมายความถึงลู่เซิ่นใช่ไหมคะ?”

โจวเอ้อชะงัก ก่อนจะส่งยิ้มกลับมา “ไม่ใช่แน่นอนครับ”

เขายิ้ม “ลู่เซิ่นแค่ขอให้ผมมาพูดกับคุณ ถึงเรื่องราวระหว่างมู่วี่สิงกับเวินจิ้ง ให้คุณคอยระวังมู่วี่สิงเอาไว้ แล้วที่ให้คุณมาที่นี่ ก็เพราะคุณไม่มีเพื่อนในเมืองหนานเลย กลัวจะเบื่อเอาครับ”

… นี่คือสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดกับเธอเอาไว้แล้ว

แค่คิดถึงเขา ใจของฉินซีก็อ่อนยวบลงไปแล้ว

โจวเอ้อค่อยๆลดรอยยิ้มลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลู่เซิ่นทะนุถนอมคุณราวกับของล้ำค่าของเขา แต่ฉินซี ความสามารถของคุณ คุณทำอะไรได้บ้าง ผมรู้ชัดดีครับ ฉินซี ตอนสุดท้ายจะทำยังไงคุณต้องตัดสินใจให้ดี ผมคิดว่า คุณไม่ควรโดนขับไล่ คุณยังอยู่ภายใต้การปกป้องของตระกูลลู่และองค์กรของคุณอยู่ มู่วี่สิงไม่มีทางทำอะไรคุณได้แน่ แต่ว่า คุณจะยอมให้มันเป็นแบบนี้เหรอ?”

ฉินซีลดสายลงพลางนิ่งคิด แววตาพลันเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เธอพยักหน้า “ฉันรู้แล้วค่ะ”

โจวเอ้อนำเรื่องราวของเวินจิ้งและมู่วี่สิงมาบอกตัวเอง แล้วมาบอกว่าตัวเองถูกมู่วี่สิงตามหาอยู่ เหมือนจะแนะนำกลายๆว่า ถ้าหากจะแก้ปัญหายุ่งยากนี้ ต้องทำอะไรสักอย่างระหว่างพวกเขา

แต่เธอจะต้องเสี่ยงขนาดนี้เลย?

ทำไมจู่ๆโจวเอ้อถึงอยากจะให้เธอเองลงมือกับมู่วี่สิงก่อน?

ในใจของฉินซียังเต็มไปด้วยคำถาม แต่เธอไม่ได้ตอบรับอะไรออกไป และเหมือนโจวเอ้อดูออกว่าเธอกำลังคิดอย่างไร เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่เคาะแก้วเหล้าตรงหน้าเธอเท่านั้น “ดูเหมือนว่า คุณจะไม่สนใจเครื่องดื่มแก้วนี้ของผมเลยนะครับ”

ฉินซีได้สติ มองแก้วของตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้า “โอ้ ไม่ใช่ไม่สนใจหรอกค่ะ ถ้าตอนคุยธุระ ฉันไม่ดื่มค่ะ”

โจวเอ้อยืนขึ้น เขาหยิบแก้วของฉินซีขึ้นมา ก่อนเดินอ้อมไปหลังเค้าเตอร์บาร์ ก่อนจะรินเหล้าที่เหลือลงไป “ถ้าคุณสนใจมันจริงๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน คุณก็ดื่มมันให้หมด”

ฉินซีเงียบ

โจวเอ้อไม่ได้สนใจเธอมาก เขาเพียงอ่านคำแนะนำของฉินซีที่จดไว้ในสมุดเมื่อครู่ แล้วทำตามสิ่งที่เธอบอก ก่อนวางเครื่องดื่มแก้วใหม่ลงตรงหน้าเธอ “ลองชิมดูไหมครับ?”

ฉินซียกมันขึ้นมาจิบ”ดีกว่าแก้วแรกค่ะ”

หลังจากพูดเสร็จ เธอก็อดไม่ได้ที่จะจิบ

ดื่มจนหมด เธอเห็นสายตาล้อเลียนของโจวเอ้อ เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของเขา

หากคุณสนใจจริงๆ ก็คงไม่หยุดมัน

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คนของผมปรับปรุงสูตรแล้วกัน” โจวเอ้อเก็บสมุดจดอย่างระมัดระวัง รินน้ำให้ตัวเอง ก่อนเดินออกมาจากบาร์

ฉินซีดื่มหมดไปครึ่งแก้ว

เกรงว่าระดับแอลกอฮอล์ในแก้วนี้ไม่นับว่าน้อย เธอรู้สึกว่าแก้มตัวเองร้อนฉ่า

เธอมองไปยังแก้วน้ำที่โจวเอ้อรินไว้ ก่อนถาม “ทำไมคุณดื่มแต่น้ำเปล่า?”

จริงๆแล้วคืนนี้เธอให้ความสนใจมาตลอด แต่ถ้าหากไม่มีเหล้าลงกระเพาะ ก็คงไม่ถามคำถามแบบนี้ออกมา

โจวเอ้อชะงัก แต่เขาไม่ได้เคือง เพียงแค่ยิ้มบางๆ “ผมไม่ดื่มสิ่งที่ผมทำมาหลายปีแล้ว”

แน่นอนว่าฉินซีจำสิ่งที่ลู่เซิ่นเล่าให้ฟังได้ เธอไม่ได้เสียการควบคุมไปทั้งหมด ไม่ได้ถามว่าทำไมต่อ แต่เปลี่ยนไปถามอย่างอื่นแทน “แล้วเครื่องดื่มที่คนอื่นทำให้ล่ะคะ?”

โจวเอ้อยิ้มบาง “ผมไม่ดื่มแล้วล่ะ”

ฉินซีเม้มริมฝีปาก เธอรู้ดีว่าไม่ควรถามต่อ

แอลกอฮอล์ทำให้สมองของเธอแล่น เธอมีคำถามที่อยากถามภายในหัวมากมาย

เห็นได้ชัดว่ามู่วี่สิงและเวินจิ้งยังคงรักกัน แต่กลับไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึก ทำให้ไม่สามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้

ฉินซีไม่ได้สนใจความยุ่งเหยิงของพวกเขา ถ้ามู่วี่สิงไม่เล็งเป้ามาทางเธอ เธอก็คงไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับเขา

แต่มู่วี่สิงกลับหาปัญหาเข้าตัวเอง

ฉินซียิ้มในใจ ในหัวมีแผนการอะไรบางอย่าง

เธอไม่กล้าเป็นคนเลว แต่เรื่องยุ่งยากระหว่างเขาสองคน เธอก็ต้องช่วยอยู่เบื้องหลัง

เป็นเพียงการช่วยเหลือพวกเขา และให้พวกเขารับรู้หัวใจของตัวเอง มันเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างไร?

ฉินซีหมายมาดให้กับแผนการที่เธอวาดไว้ในใจ

แต่มีอีกปัญหาหนึ่ง ที่เธอยังไม่ได้รับคำอธิบาย

ทำไมโจวเอ้อถึงคิดว่าเธอจะลงมือทำ

เป็นไปได้ไหมว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างตระกูลหนานกงและตระกูลมู่?

คงไม่ดีถ้าจะถามโจวเอ้อตรงนี้ เธอเก็บคำถามเอาไว้ในใจ รอเอาไปถามลู่เซิ่นของเธอจะดีกว่า

ฉินซีหยิบแก้วขึ้นมา เพื่อที่จะดื่มมัน

โจวเอ้อเอื้อมมือออกไปแตะแก้วของฉินซีเบาๆ “แก้วนี้แรงมาก คุณต้องดื่มมันช้าๆ”

ฉินซีเลิกคิ้ว ไม่ได้แย้งอะไร แต่วางแก้วลง

โจวเอ้อยิ้มบาง ก่อนจะเปิดหัวข้อสนทนา

แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ และไม่ดื่มเหล้า แต่โจวเอ้อก็เป็นเพื่อนดื่มที่ดีมากคนหนึ่ง เขาฉาด และมีความชัดเจนในการอธิบายแต่ละอย่างได้ดี

เมื่อฉินซีดื่มหมดแก้ว ทันใดก็มีสายเข้า เมื่อโจวเอ้อเห็นชื่อ ลู่เซิ่น ปรากฏอยู่บนหน้า เขาก็ยิ้มล้อเลียน ก่อนพยักหน้าให้เธอไปรับโทรศัพท์

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท