Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1341

ตอนที่ 1341

บทที่ 1341 เรื่องดีหรือเรื่องร้าย

ฉินซีแทบจะไม่มีความลังเลสักวินาที ส่ายหน้าปฏิเสธไป “ฉันยังอยากที่จะกลับไปอยู่”

แทบจะน้อยมากที่จ้านเซินถูกคนปฏิเสธอย่างหมดจดขนาดนี้ ราวกับมีความสติหลุดอยู่ช่วงหนึ่ง คิ้วขมวดเข้าหากัน ดูเหมือนว่าราวกับมีคำพูดตำหนิที่จะพูดออกมา แต่กลับถูกตนเองกลืนกลับไป แสดงท่าทางแข็งทื่อแล้วพูดว่า “ได้ งั้นฉันไปกับเธอ”

ในที่สุดฉินซีก็ทนไม่ไหว หันกลับไปมองเขาแล้วเอ่ยถาม “นายมาที่นี่ครั้งนี้ ไม่มีธุระต้องไปทำหรอ?”

จ้านเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย หรี่ตามองไปที่ฉินซี

ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าความเข้ากันไม่ได้หลังจากได้เจอกับฉินซีในครั้งนี้นั้นอยู่ตรงไหน——

ตอนที่ฉินซีเผชิญหน้ากับเขาไม่มีความหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว

แต่ก่อนเธอไม่ยอมมองตนตรงๆมาตลอด แม้ว่าจะไม่พอใจก็จะไม่พูดออกมาโดยตรง แต่ตอนนี้ในเวลาที่เธอเงยหน้ามองมาที่ตนก็ไม่หลบอีกต่อไปแล้ว ถึงกระทั่งสามารถพูดปฏิเสธออกมา

จ้านเซินไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี

“ไม่มีธุระอะไร แค่มาที่นี่เพื่อมาหาเธอ” เขาหยุดชะงักไปสองสามวินาที แล้วจึงพูดความจริงออกมา

ฉินซีดูเหมือนจะตะลึง สักพักถึงเปิดปาก “ฉันสบายดี ไม่ต้องใส่ใจหรอก”

พูดจบ ก็ก้าวเดินตรงไปข้างหน้า

จ้านเซินมองแผ่นหลังที่มีความรีบร้อนของเธอ แล้วยิ้มเบาๆ

เขารู้ว่าตนเองเป็นคนมีความรู้สึกเฉยชาโดยเนื้อแท้ การศึกษาที่ได้มาก็ไม่ได้สอนว่าเขาควรรักคนๆหนึ่งยังไง ดังนั้นจึงไม่ค่อยรับรู้ได้ว่าความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงของคนอื่นเป็นอย่างไร

ดังนั้นเขารู้ว่าที่ตนเองรู้สึกว่าฉินซีเขินอายอยู่ในตอนนี้ ก็ไม่แน่ว่าเป็นความจริง

แต่เขายินดีที่จะเชื่อมั่นในความปรารถนาในตอนนี้ ว่าฉินซีกลายเป็นมีสีหน้าหลบเลี่ยงเพราะขัดเขิน

เริ่มตั้งแต่นาทีนั้นที่ฉินซีปรากฏตัวขึ้นในโลกของเขา เขาก็รู้เลยว่า ฉินซีนั้นแตกต่าง

แต่เขาใช้เวลานานมาก ถึงรู้ว่า “ความพิเศษ” แบบนี้ที่จริงเป็นเพราะเขาชอบเธอ

ความชอบของเขา ทำให้ฉินซีสำหรับเขาแล้ว กลายเป็นความพิเศษ

ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะยื่นมือเข้าไปในทุกเรื่องของฉินซี ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะรู้ทุกเวลาทุกนาทีว่าฉินซีทำอะไรอยู่

งั้นจึงทนไม่ได้ที่ฉินซีจะไปรักคนอื่น

ในเมื่อเขาชอบฉินซี งั้นเธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ชอบเขา ไม่ใช่หรอ?

ความคิดของจ้านเซินนั้นเรียบง่าย

เขารู้สึกว่าการแสดงความรู้สึกที่ตนมีต่อฉินซีนั้นชัดเจนพอแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ฉินซีจะสัมผัสไม่ถึง

ต่อให้สัมผัสไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เขาสามารถพูดออกมา ให้ฉินซีได้เข้าใจ

คิดแบบนี้ รอยยิ้มตรงมุมปากของจ้านเซินก็ผ่อนคลายลง ก้าวเท้าเดินตามไป

……

ถึงกระนั้นความคิดของฉินซีกับการคาดเดาของจ้านเซินก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง

เมื่อก่อนแม้ว่าจ้านเซินจะไม่ได้ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อตน ทุกคนแทบจะดูออกถึงความพิเศษที่เขามีต่อตน แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดออกมา ไม่ได้ให้โอกาสฉินซีปฏิเสธ แต่ก็ทำให้เธอเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกของจ้านเซินโดยตรง

แต่จ้านเซินในวันนี้ดูไม่เหมือนปกติ

ดูเหมือนเขาคิดอะไรได้ เอาแต่หยั่งเชิงตนอย่างไม่ชัดเจน น้ำเสียงที่พูดคลุมเครือยิ่งกว่าปกติไม่รู้กี่เท่า

ฉินซีเกือบจะสงสัย ว่านาทีต่อจากนี้เขาจะไม่ถอยแล้ว

ไม่ถอยก็ไม่ใช่ไม่มีข้อดี ฉินซีสามารถที่จะปฏิเสธเขาตามตรงได้ อันที่จริงเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งคู่ แต่ฉินซีกลับกังวลว่าตามนิสัยของจ้านเซิน จะไม่ยอมรับการปฏิเสธอย่างจริงใจ

ถ้าเกิดจู่ๆเขาลงมือทำเรื่องอะไรอย่างอื่น จะทำยังไง?

ฉินซีเองก็ไม่รู้

จ้านเซินมีไหวพริบเพียงพอ และมีเงินทุนเพียงพอ ถ้าเกิดดันทุรัง ฉินซีเอาชนะเขาไม่ได้ ใช้กลยุทธ์ก่อกวน ฉินซีไม่แน่ว่าอาจหลอกเขาได้

ดังนั้นจึงรีบร้อนตัดบทของจ้านเซิน เพื่อซื้อเวลาเล็กน้อยอันมีค่าให้ตนเองได้ครุ่นคิด

แน่นอนว่าเธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่ตามมาอย่างไม่ทิ้งระยะของจ้านเซิน ได้เพียงแอบกำหมัด ให้ตนเองใจเย็นลงเล็กน้อย

ใจเย็น เธอพูดกับตัวเอง

คิดให้ดีๆ กลับไปถึงตรงนั้นแล้ว จะทำยังไง

แผงลอยตอนเช้าอยู่ห่างไม่ไกลนัก เหลือเวลาให้ฉินซีครุ่นคิดไม่มาก ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ทั้งสองก็ผลักประตูเดินเข้าไป

ร่างของจ้านเซินสูงใหญ่ เข้าใกล้ในที่แจ้งก็มีความกดดันเพียงพอแล้ว ตอนนี้กลับเข้ามาในบ้าน พื้นที่ที่เดิมที่ไม่ได้คับแคบกลับกลายเป็นกดดันขึ้นมา

เขากลับดูเหมือนไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย เดินผ่านฉินซี เดินตรงไปที่ห้องรับรองชั้นบน เดินไปพูดไป “ถ้าไม่ออกไปข้างนอก ก็อยู่บ้านดูหนังสักหน่อยเถอะ เธอชอบประเภทอะไร? หนังบู๊เป็นไง? ผมพลาดไปหลายตอนแล้วไม่ได้ดูเลย วันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะว่าง ในที่สุดก็ชดเชยกลับมาได้”

ฉินซีมองเขาเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย ท่าทางไม่คิดว่าตนเองเป็นคนนอกเลยสักนิด ถอนหายใจเบาๆ

อันที่จริง ถ้าพูดออกมาอย่างจริงจัง สถานที่นี้….ก็เป็นที่ของจ้านเซิน

เทียบกับการบอกว่าเป็นบ้านของเธอแล้ว บอกว่าเป็นบ้านของจ้านเซินยังจะถูกต้องมากกว่า

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นหัวหน้าของทั้งองค์กร ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเขา

ท่าทางที่พูดเองเออเองของเขาถึงเป็นจ้านเซินที่ฉินซีคุ้นเคย เขาไม่เคยรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แค่เพียงเขาต้องการ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้มา แค่เพียงเขาคิด ก็แน่นอนว่าต้องกลายเป็นของเขา

เขาไม่เคยถามฉินซีว่าอยากดูหนังไหม แค่ตนเองตัดสินใจไปแล้ว และไม่ถามว่าฉินซีอยากดูหนังต่อสู้ไหม เลือกเพียงเพราะความชอบของตนเอง

ในโลกของเขาสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ต้องพิจารณา ที่จริงมีเพียงแค่เขาเอง

—-นี่คือเหตุผลว่าทำไมฉินซีถึงมีความโกรธเคืองต่อเขา

ความกระตือรือร้นชั่วขณะก่อนหน้านี้หยุดชะงักโดยสิ้นเชิงจากการตายของฟางฟาง เธอจำได้เสมอว่าก่อนที่ตนจะไป ฟางฟางมองมาที่ตนแล้วทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ว่า

“อย่าถูกทำให้จนมุม”

แม้ว่าไม่มีการปรากฏตัวของลู่เซิ่น เธอก็ไม่มีวันที่จะอยู่กับจ้านเซิน

เพราะเธออยากที่จะออกจากองค์กร ออกจากจ้านเซิน ก่อนหน้าที่จะพบรักกับลู่เซิ่นนานแล้ว

ในความรู้สึกที่จ้านเซินมีให้ มีความเป็นเจ้าของมากเกินไป เขาจะเป็นเหมือนพ่อของเธอ ทำให้ฉินซีออกไม่ได้ อยู่ในองค์กรตลอดไป ไม่มีอิสระ

เขาจะทำเรื่องที่เขาคิดว่าถูกต้อง ทำให้ฉินซีกลายเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นของเขาอย่างแน่นอน ถูกเขาขับเคลื่อนได้

ไม่เคารพ ไม่มีอิสระ ถ้าไม่ถูกกำจัดทิ้งอย่างเต็มอกเต็มใจ ก็ตายไปอย่างเจ็บปวด

ท้ายที่สุดฉินซีก็จะมีจุดจบเช่นเดียวกับฟางฟาง

นี่เป็นสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้

ดูเหมือนว่าจ้านเซินจะไม่เข้าใจข้อเท็จจริงนี้เลย

เขาเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว เห็นว่าฉินซีไม่ได้ตามขึ้นมา ยังหันกลับไปเอ่ยถาม “มีอะไร? ขึ้นมาสิ?”

ฉินซีเม้มปากเบาๆ แต่ก็เดินตามขึ้นไป

จ้านเซินเห็นเธอขยับแล้ว ก็รู้สึกพอใจมากกว่า ตนเองเดินมาถึงห้องรับรอง เชื่อมต่อโปรเจคเตอร์อย่างคุ้นเคย เหมือนกับที่ตัวเขาเองพูดไว้ เปิดภาพยนตร์แอคชั่นต่อสู้เรื่องหนึ่ง แล้วฉายขึ้นมา

เมื่อเพลงเปิดดังขึ้น เขาก็หันไปมองฉินซีอย่างสนอกสนใจ พูดแนะนำว่า “เรื่องนี้สนุกมาก เธอจะต้องชอบ”

ฉินซีเพียงแค่ยิ้มเบาๆ ดูไม่ออกว่ามีความสนใจหรือไม่

แต่จ้านเซินหันหน้ากลับไปแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท