Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1331

ตอนที่ 1331

บทที่ 1331 คุณอยากเต้นรำไหม

ลู่เซิ่นหยุดไปชั่วครู่เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขายกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นมาจิบ มองตรงไปยังฉินซี เหมือนเธอเป็นแรงกระตุ้นให้เขาพูดต่อ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก

“เมื่อหนานกงเจ๋อายุ16ปี เขาไปพักผ่อนที่ Long Islandในวันหยุด ตัวเองฝึกทำค็อกเทลรสชาติใหม่ รอให้พี่ชายของเขามาชิม ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่ได้เจอกับพี่ชายอีกเลยตลอดชีวิต”

เมื่อเสียงของลู่เซิ่นจบลง ฉินซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “พี่ชายของเขา … ”

“ระหว่างทางไป Long Island เครื่องบินได้เกิดระเบิดขึ้น สืบหาความจริงกลับพบว่าศัตรูของตระกูลหนานกง ติดตั้งระเบิดบนเครื่องบินและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิด” ลู่เซิ่นพูด

ฉินซีเม้มปาก

ลู่เซิ่นเคาะแก้วเหล้า “ เหล้าแก้วนี้ได้รับการปรับปรุงจาก หนานกงเจ๋ ลองไอส์แลนด์ไอซ์ที เมื่อลิ้มรสจะเหมือนเครื่องดื่ม ปกติ แต่มันกลับเป็นแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง จริงๆแล้วเขาคิดจะแกล้งพี่ชายที่เย็นชาของเขา ให้ลองดื่มมัน อยากจะเห็นว่าถ้าเขาได้รู้ว่ามันคือเหล้าจะมีท่าทางยังไง เขายังตั้งใจที่จะเพิ่มรสหวานเข้าไป เพื่อไม่ให้รู้รสแอลกอฮอล์ ไม่คิดเลยว่า จะไม่มีโอกาสให้พี่ชายได้ชิมอีกต่อไปแล้ว”

มือของฉินซีบีบเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รัก … เธอรู้ดีกว่าใคร

“เครื่องบินของพี่ใหญ่ระเบิดในตอนเย็น หนานกงเจ๋จึงตัดสินใจตั้งชื่อไวน์แก้วนี้ว่าค็อกเทลลองไอส์พระอาทิตย์ตก แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่เราทุกคนรู้ดีว่าเขาตำหนิตัวเองเรื่องการตายของพี่ใหญ่ ว่าถ้าตอนนั้นหากเขาไม่ดื้อรั้นจะไปเกาะนั่น ห้ามไม่ให้พี่ใหญ่ไป พี่ใหญ่ก็คงไม่บินไฟลท์นั้นและประสบอุบัติเหตุ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่ผสมเหล้าอื่นใหม่ๆอีกเลย แต่เดินตามรอยของพี่ชาย จนกลายเป็นหัวหน้าของตระกูลหนานกง” น้ำเสียงของลู่เซิ่นทุ้มต่ำ

ฉินซีมองไปยังแก้วเหล้าตรงหน้าเขา

ค็อกเทลลองไอส์พระอาทิตย์ตก

เมื่อลิ้มรสจะได้กลิ่นหวานหอม แต่เมื่อไหลลงกระเพาะกลับเป็นเหล้าที่แรง มันเคยเป็นชีวิตของหนานกงเจ๋เมื่อไหร่กัน

ความสุขช่วงไม่กี่สิบปีเหล่านั้น เบื้องหลังกลับซ่อนความขมขื่นที่คนอื่นไม่รู้

“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับบาร์แถวนี้?” ฉินซีออกจากภวังค์ ก่อนหันไปถามลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นยักไหล่ “ธุรกิจของตระกูลหนานกงไม่ได้สะอาดนัก และต้องมีฐานที่มั่นมากมาย ร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในฐานที่ใช้ติดต่อ เขามาเป็นเจ้าของร้าน ไม่เพียงแค่เพียงมาเติมเต็มความฝันของเขาเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้ว ต้องกลับไปยังบ้านตระกูลหนานกง เพื่อช่วยงาน”

ฉินซีพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่ลู่เซิ่นจะพูดต่อ “ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปยังไง ในเมืองหนาน ตระกูลหนานกงก็เป็นพลังที่ซ่อนอยู่ลึกที่สุดในที่นี้ แม้กระทั่งคุณ ก็คงไม่มีวิธีที่จะเจาะเข้าไปในอิทธิพลของพวกเขาได้”

คืนนี้เป็นครั้งแรกที่ลู่เซิ่นเริ่มพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับองค์กร แต่ฉินซีทำได้เพียงพยักหน้า

“พัฒนาการของตระกูลหนานกงในเมืองหนาน นั้นยาวนานเกือบเท่าการมีอยู่ของเมืองหนาน” ลู่เซิ่นจิบค็อกเทลลองไอส์พระอาทิตย์ตก อีกครั้ง พลางพูดต่อ “แม้ผมจะไม่สามารถบอกได้ว่าตระกูลหนานกง พัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน แต่ถ้าหากบอกว่าไม่มีเรื่องไหนในเมืองหนานรอดจากสายตาของตระกูลนี้ไปได้เลย ก็คงจะไม่เกินจริง”

ฉินซีพยักหน้าเบาๆอย่างครุ่นคิด

แม้ว่าขอบเขตอิทธิพลขององค์กรจะใหญ่โต แต่เธอก็รู้ดีว่าทุกแห่งจะมีกำลังลับประจำถิ่นนั้นๆของตัวเอง หากต้องเผชิญหน้ากันจริงๆ มังกรก็ยากที่จะครอบงำงูท้องถิ่น พวกเขาคงไม่อาจเทียบได้

“ตอนที่คุณหายไป ผมก็ไปหาหนานกงเจ๋ เพื่อที่จะให้ช่วยหาคุณ” จู่ๆลู่เซิ่นก็พูดขึ้นมา

ฉินซีตกตะลึง และใช้เวลาสักพักในการคิด ลู่เซิ่นเดินวนไปรอบๆ เป็นวงกลม ก่อนที่จะอธิบายให้ฟังว่าหนานกงเจ๋รู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาได้อย่างไร

“เพราะ … เขาช่วยคุณหาฉัน งั้นเขารู้ไหม… “เสียงของฉินซีต่ำลง

แต่ลู่เซิ่นกลับได้ยินมัน ยื่นมือมากุมมือของฉินซี ก่อนพูด “ตอนนั้น ผมหาวิธีทั้งหมดเพื่อที่จะหาคุณ ผมรับปากกับตัวเองไว้ เพื่อคุณ อะไรผมก็ยอมทำ”

ฉินซีไม่ตอบ กุมมือของเขากลับ

เทียบกับสามเดือนที่ไม่ได้เจอกัน ตอนนี้มันดีขึ้น

ทุกอย่าง … จะดีขึ้นใช่ไหม?

“เอาล่ะ” ลู่เซิ่นยิ้ม ก่อนลุกขึ้นยืนทำลายบรรยากาศที่น่าเบื่อ “หาได้ยากที่จะมาที่นี่ เป็นครั้งแรกนี่ที่คุณมาที่บาร์นี้ คุยเรื่องผู้ชายคนอื่นมาทั้งคืน เรามาหาอะไรทำสนุกๆกัน”

ฉินซีมองไปยังมือของเขาที่ยื่นออกมาหาเธอด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “พวกเราจะลงไปแบบนี้เหรอ?”

เธออยากมาที่นี่เพื่อสัมผัสบรรยากาศของบาร์จริงๆ แต่เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะปรากฏตัวท่ามกลางผู้คน อาจจะถูกเห็นได้…

แต่ลู่เซิ่นยิ้มอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องสนใจ พวกเราลงไปสนุกสักพัก ผมให้ผู้ช่วยเปิดโต๊ะให้แล้ว ไฟสลัวแบบนี้ มองไม่เห็นหรอกว่าใครเป็นใคร ”

แสงจากฟลอร์เต้นรำด้านนอกกระทบใบหน้าของลู่เซิ่นลางๆ ฉินซีเหมือนถูกมนต์สะกด อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปจับลู่เซิ่น

“โอเค”

เห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก เดินไปยังบันไดที่ซ่อนอยู่มุมห้อง เดินผ่านฝูงชนที่ครึกครื้นชั้นแรก ผ่านไปยังที่นั่งที่จองไว้ ก่อนจะดึงที่นั่งให้ฉินซี

ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปในกลุ่มฝูงคน แต่ความรู้สึกในชั้นแรกนั้นแตกต่างออกไป เสียงดนตรีที่มีชีวิตชีวาดังกระหน่ำผ่านแก้วหูของฉินซี ถ้าหากว่าอยากจะพูด ก็ต้องขยับเข้าไปใกล้หูของเขา

ลู่เซิ่นดูเหมือนจะมีความสุขกับการมีฉินซีข้างๆ เขาจับเอวของฉินซีเข้ามาชิด ก่อนจะกระซิบข้างหูเธอด้วยเสียงแผ่วเบา

ความคึกคักบนฟลอร์เต้นรำดูเหมือนจะเป็นโรคติดต่อ ฉินซีที่นั่งอยู่ที่นั่นก็เริ่มที่จะร้อนขึ้นมาเช่นกัน

“อยากออกไปเต้นไหม?” ลู่เซิ่นขบเบาๆที่หูของเธอ ก่อนกระซิบ

ฉินซีลังเลไปสักพัก

บนดาดฟ้ามีไฟสลัวๆ แถมยังอยู่ในมุม ไม่มีใครสังเกตเห็นได้แน่

แต่ถ้าออกไปเต้นรำ … แม้ว่าไฟบนฟลอร์เต้นรำจะไม่สว่าง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะถูกเห็นได้

แต่ความลังเลของเธอ ถูกขัดจังหวะโดยชายหนุ่มข้างๆ “ถ้าต้องการไป ก็กอดผมให้แน่น”

ก่อนที่ฉินซีจะทันรู้ถึงความหมาย ก็ถูกดึงขึ้นยืนเสียแล้ว

ลู่เซิ่นจูงมือฉินซีออกจากที่นั่ง และหยุดที่ขอบฟลอร์เต้นรำ

“กอดผมให้แน่น”ลู่เซิ่นกระซิบข้างหูของฉินซี

และในที่สุดฉินซีก็ตอบสนอง

เธอไม่ได้ปฏิเสธเขา แต่สวมกอดลู่เซิ่นอย่างเชื่อฟังราวกับเด็กน้อย ก่อนฝังใบหน้าลงบนอกอุ่นของเขา

ด้วยวิธีนี้แม้แต่ผู้คนที่เต้นรำรอบๆ พวกเขา ก็ไม่สามารถมองเห็นฉินซีได้

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ แรงสั่นจากการที่เขาหัวเราะทำให้เธอยิ้มตามออกมา พวกเขากอดกันแน่น และเต้นรำกันไปตามจังหวะเพลง

เมื่อเพลงจบลง ทั้งสองก็ร่อนไปที่ขอบฟลอร์เต้นรำ ก่อนที่ลู่เซิ่นจะปล่อยฉินซี

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท