Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1347

ตอนที่ 1347

บทที่ 1347 การสะกดจิต

นี่ไม่ต่างกับการโยนปัญหามาไว้ตรงหน้าของฉินซีอีกครั้ง

—-ยอมรับการสะกดจิตหรือปฏิเสธ

ฉินซีเม้มปาก ไม่มีคำตอบให้ในทันที

แต่จ้านเซินรอไม่ไหวแล้ว

เขาลุกขึ้นยืน เดินไปด้านหลังของฉินซี มือทั้งคู่กดลงบนไหล่ของฉินซี ออกแรงหนักเล็กน้อย

ฉินซีรู้ นี่คือคำใบ้ที่เขากำหนดไว้ให้ตน พูดอีกอย่างคือ คุกคาม

ถ้าเกิดตนโพล่งคำตอบที่ทำให้จ้านเซินไม่พอใจออกไป จะเป็นยังไง?

ฉินซีคาดเดาได้อย่างหมดจด

ทำไมจู่ๆตนถึงได้โง่เง่าแบบนี้ นึกว่าตอนนี้ตนยังมีสิทธิ์เลือกไหม

จ้านเซินพาคนมาถึงที่นี่แล้ว ไม่บรรลุเป้าหมายของเขา

—-ไม่ว่าตนจะให้คำตอบอะไรไป ท้ายที่สุดเขาก็จะหาวิธีให้ได้คำตอบที่เขาต้องการ

ฉินซีหลับตาลง ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เสียเวลา พยักหน้าให้โจวซิงเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เริ่มกันเถอะ”

ใบหน้าของโจวซิงเขียนคำว่าสับสนอย่างชัดเจน แต่จะล่าช้าต่อไปก็ไม่ดี ได้แต่ลุกขึ้นยืน พูดกับฉินซี “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็เตรียมตัวเริ่มกันเถอะ”

ใบหน้าของฉินซีเคร่งขรึม เซลล์ในร่างกายต่างเกร็งขึ้นมา ราวกับวินาทีต่อไปก็จะวิ่งหนี เพียงแต่จ้านเซินจับไหล่เธอไว้แน่น ทำให้เธอไม่มีทางเลือก ได้แต่นั่งอยู่ที่เดิม รอให้โจวซิงเข้ามาใกล้

โจวซิงนั่งลงด้านหน้าฉินซี น้ำเสียงอ่อนโยน “โอเค ตอนนี้หลับตาลง เคลียร์ความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจ…..”

ฉินซีหลับตาลงแล้ว

ฝ่ามือของจ้านเซินยังคงวางอยู่บนไหล่ของฉินซีตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจของฉินซีแม้ว่าจะมีความกังวลและความไม่เต็มใจในทุกรูปแบบ ก็ได้แต่ทำตามที่บอกเท่านั้น

ทุกครั้งเวลาที่ถูกสะกดจิตความรู้สึกล่องลอยก็จะมีขึ้นอีกครั้ง

เธอเหมือนกำลังเดินอยู่บนสะพานแขวนสูงลิ่ว มองไม่เห็นทางข้างหน้า และไม่รู้ว่าตนมาจากที่ไหน รอบด้านมีแต่หมอกควัน ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง เธอสับสนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรเดินไปข้างหน้า หรือหยุดอยู่ที่เดิม

เสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกลๆ ความมีเหตุมีผลที่อยู่ลึกลงไปในจิตใจของฉินซีบอกกับเธอ ว่านี่คือเสียงของโจวซิง

“ข้างหน้า เดินไปดูข้างหน้า”

สัญชาตญาณของฉินซีกำลังจะก้าวขาเดินไปข้างหน้า แต่ไม่รู้ว่าทำไม ก็ลังเลหยุดขาลง

…..จะไปข้างหน้าจริงๆหรอ?

ถ้าไปข้างหน้า จะได้เจออะไร?

จะได้เจอ…..ลู่เซิ่นไหม?

คิดถึงชื่อนี้ หน้าอกของฉินซีก็เจ็บอย่างอธิบายไม่ได้ จนได้สติกลับมา ถึงพบว่าบรรยากาศรอบด้านเปลี่ยนไปแล้ว

ไม่รู้ว่าลมพัดมาจากไหน แรกเริ่มยังคงเบาบาง เอื่อยช้า แต่ผ่านไปไม่กี่วินาที ก็มีการเป็นลมกระโชก ฉินซีแทบจะไม่สามารถยืนอยู่บนสะพานได้ ต้องเอื้อมมือจับเชือกของสะพานไว้ถึงสามารถรักษาสมดุลได้

หมอกหนาทึบที่แน่นิ่งอยู่เมื่อครู่ถูกลมพัดออกไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้สลายไปทั้งหมด มีหนามีบาง เหมือนภูตผีเจ้าเล่ห์ ใบหน้าซีดขาว

ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ มือทั้งคู่ของฉินซีถูกเชือกถูจนแดง ในหูนอกจากเสียงลมหวีดแล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นอีกเลย ได้ยินเพียงเสียงคลุมเครือของโจวซิงที่สั่งการอย่างร้อนรนอยู่ด้านหน้า “ยืนอยู่กับที่ อย่าขยับ!”

ต่อให้เขาไม่พูด ฉินซีก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว เธอทุ่มแรงทั้งหมดไปที่มือทั้งคู่ ถึงสามารถทำให้ตนไม่ตกจากสะพานแขวน

เธอกำลังดิ้นรน ในตอนที่แทบจะพยุงไม่ไหว ทันใดนั้นเสียงลมในหูก็หายไป แทนที่ด้วยเสียงผู้ชายที่อ่อนโยน

“ฉินซี”

ฉินซีชะงัก

นี่คือ….เสียงของลู่เซิ่น?

ทำไมถึงมีเสียงของลู่เซิ่นได้?

ฉินซีกระวนกระวายใจ ความสนใจกระจัดกระจายไปเล็กน้อย มือที่จับเชือกอยู่ก็ค่อยๆผ่อนแรงลง

แต่เสียงของลู่เซิ่นก็ดังขึ้นแค่ในวินาทีนี้ วินาทีต่อมา เสียงของลมก็เพิ่มขึ้นกะทันหัน ลมที่พัดมากระโชกแรงกว่าเดิมมาก แล้วการผ่อนแรงชั่วขณะของฉินซีก็ทำให้เธอไม่สามารถต้านทานลมได้ ตัวโซเซไม่มั่นคง ตัวพลิกตกจากสะพานไป

ใต้สะพานมองเห็นได้ไม่ชัดเจน มีแต่ความมืด แต่ความมืดนี้ทำให้คนหวาดกลัวยิ่งกว่า

ในขณะที่หล่นลงมา ฉินซีลืมไปแล้วว่าตนกำลังถูกสะกดจิตอยู่ ความรู้สึกที่ร่วงลงมาสมจริงเกินไป ทำให้ชั่วขณะหนึ่งเธอเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ

ตกลงไปแล้วจะเป็นยังไง?

ด้านล่างเป็นอะไร?

คือหน้าผาหรือเปล่า? หรือว่าแม่น้ำ?

กระดูกฉันจะแหลกสลายไหม?

คำถามมากมายหลอกหลอนอยู่ในสมอง ทำให้ในหัวของฉินซีว้าวุ่น

เธอลืมตาขึ้น มองไปที่สะพานที่หดลงอย่างรวดเร็วเพราะตนตกลงมาด้วยความเร็ว ราวกับถูกความมืดรอบด้านกลืนกิน ในที่สุดก็กลายเป็นจุดเล็กๆ

แต่รอบตัวเธอกลับไม่มีแสงใดๆอีกแล้ว

เธอเหมือนกับย้ายจากสะพานลงไปในขวดหมึก จมดิ่งลงไปในความมืดช้าๆ อะไรก็มองเห็นไม่ชัดเจน

…..จะต้องร่วงลงไปอีกนานแค่ไหน?

จะตกลงไปที่ไหนกันแน่?

ฉินซีไร้ซึ่งคำตอบ ร่างกายกลับเกิดความง่วงอย่างอธิบายไม่ได้

ทั้งๆที่ยังคงร่วงลงมาอยู่ แต่เธอกลับหลับตาโดยไม่ได้ตั้งใจ

…..ง่วงจัง

ท่ามกลางความรางเลือน ราวกับมีเสียงตะโกนอย่างกระวนกระวาย ไม่ให้เธอหลับ แต่ฉินซีกลับต่อต้านความง่วงนี้ไม่ไหว ค่อยๆ ค่อยๆ ท่ามกลางการตกลงมาอย่างไร้ขีดจำกัด ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่สิ้นสุด เธอหลับตาลง

……

ในตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ตรงหน้าเป็นสีขาวโพลน

ฉินซีอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

นี่คือที่ไหน?

เธอสับสนไปชั่วขณะ

ถึงอย่างไรในสมองของฉินซี ความทรงจำสุดท้ายยังคงเป็นตอนที่อยู่ในห้องประชุมของสาขา โจวซิงสะกดจิตตน

แต่ในตอนนี้ ตนเองไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานแน่นอน

ฉินซีชันแขนลุกขึ้นนั่ง มองไปที่สภาพแวดล้อมรอบด้าน

ผนังสีขาว ผ้าปูที่นอนสีขาว กลิ่นจางๆของน้ำยาฆ่าเชื้อ และเสาน้ำเกลือ

แม้ว่าการตกแต่งจะดีกว่าห้องผู้ป่วยธรรมดาอยู่มาก แต่ฉินซีก็ดูออกตั้งแต่แวบแรก นี่คือห้องผู้ป่วย

—-ทำไมฉันมาอยู่ที่โรงพยาบาล? ทำไมมาอยู่ในห้องผู้ป่วย?

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกันแน่?

ตอนนี้…..เป็นเวลาอะไรแล้ว?

ห้องผู้ป่วยถึงแม้จะใหญ่มาก แต่มีแค่เตียงผู้ป่วยของฉินซี ในตอนนี้ว่างเปล่า นอกจากฉินซีแล้วไม่มีใครอยู่อีก ดังนั้นแม้ว่าเธอจะมีคำถามอยู่เต็มหัว ก็ไม่มีใครตอบได้

ฉินซีหัวตัวไปดู เจอมือถือของตนวางอยู่บนหัวเตียงคนไข้ ในตอนที่จะเอื้อมมือออกไปหยิบ ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก

ฉินซีเงยหน้า สบตาเข้ากับคนที่เดินเข้ามาพอดี

—-จ้านเซิน

ใบหน้าเขาดำมืด ราวกับพึ่งอารมณ์เสียอย่างมากไป เสียงฝีเท้าดังกว่าปกติมาก

โจวซิงตามหลังเขามา ก้มหน้าอยู่ ดูหดหู่เล็กน้อย ในตอนที่สายตามองเห็นฉินซีที่นั่งอยู่ ก็ยืดหลังขึ้นทันที “คุณฟื้นแล้ว?”

ฉินซีมีคำถามอยู่เต็มหัวพอดี ไม่สนใจโทรศัพท์มือถือแล้ว เอ่ยปากถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกเราไม่ใช่อยู่ในห้องทำงานหรอ? ทำไมจู่ๆถึงมาอยู่ที่นี่? ตอนนี้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว? ฉันเป็นอะไรกันแน่?”

คำถามของเธอถูกพ่นออกมาราวกับปืนใหญ่ โจวซิงยังไม่ทันได้เอ่ยปาก จ้านเซินที่นิ่งเงียบตั้งแต่เข้าประตูมาจู่ๆก็พูดขึ้น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท