Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1349

ตอนที่ 1349

บทที่ 1349 พูดโดยสรุป

“เดิมที นี่ก็เป็นหน้าที่ของหมออย่างผมอยู่แล้ว ผมรับประกัน ขอแค่คุณไม่ใช้วิธีการที่มากมายกับฉินซี ไม่เกินครึ่งเดือน เธอจะต้องดีขึ้นแน่นอน”

โจวซิงไม่ได้พูดโม้ออกทะเล ในใจเขารู้ดีว่าอาการของฉินซีเป็นอย่างไร

มีประสบการณ์การสะกดจิตครั้งนี้แล้ว ถ้าหากมีอีกครั้ง ฉินซีจะต้องหลุดพูดเรื่องทั้งหมดออกมาแน่นอน ถึงตอนนั้นก็จะยุ่งยาก

“อืม”

จ้านเซินพยักหน้าอย่างเฉยชา ไม่ได้แสดงสีหน้ายินดีอะไรเพราะคำพูดของเขา

ความรู้สึกที่เขามีให้คนอื่น เหมือนกับเครื่องจักรที่เย็นชาไร้หัวใจ

จ้านเซินมองไปที่ฉินซี “ผมยังมีธุระอยู่ ตรงนี้ส่งต่อให้คุณหมอโจวดูแลแล้วกัน”

ขนตาหนาปกปิดดวงตาสีเข้มของเขา ทำให้คนดูอารมณ์ของเขาไม่ออก

โจวซิงแทบรอไม่ไหวให้เขาจากไปโดยเร็ว มุนปากโค้งขึ้นเล็กน้อย “ครับ คุณจ้านเดินทางปลอดภัย”

จนกว่าจะถึงเวลาชี้เป็นชี้ตาย เขาจะไม่ฉีกหน้าจ้านเซินไปชั่วคราว

จ้านเซินไม่พูดอะไร หันตัวออกจากห้องผู้ป่วยไป

โจวซิงมองแผ่นหลังของเขาค่อยๆเลือนหายไป ในใจก็ถอนหายใจยาว

เขามองไปที่ฉินซีที่นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วย พึมพำกับตัวเอง “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”

โจวซิงไม่เข้าใจความคิดของจ้านเซิน นิสัยของเขาน่าหวั่นเกรงอย่างมาก

“อือ…..”

ในตอนที่เขาจมอยู่ในความคิดนั่นเอง ฉินซีที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยจู่ๆก็ส่งเสียงเบาๆ

เธอค่อยๆเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง สายตามองไปที่เพดานสีขาว

ฉินซีขยี้ตา สติยังไม่ฟื้นเต็มที่

“อ้ะ!”

ฉินซีลุกขึ้นนั่งทันที ส่งเสียงร้องออกมา

เพราะเสียงร้องอย่างกะทันหันนี้ ทำให้โจวซิงตกใจ

มองไปที่ใบหน้าตื่นตกใจของฉินซี โจวซิงรีบพูดปลอบโยนทันที “ฉินซี เธอเป็นอะไร?”

เขารีบเดินมาที่ข้างเตียง จับไหล่ของฉินซี ป้องกันไม่ให้เธอทำร้ายตัวเอง ด้วยอาการตื่นตระหนก

โชคดีที่ฉินซีพึ่งฟื้นขึ้นมา เผชิญหน้ากับบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย หวาดกลัวเล็กน้อย ไม่นานก็ใจเย็นลงได้

ค่อยๆได้สติกลับมา ฉินซีหันไปมองใบหน้าที่สง่างามของโจวซิง สายตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง

“คุณหมอโจว ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่?”

ฉินซีจำได้ว่าเมื่อกี้เธอฟื้นมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไม ก็หมดสติไปอีกครั้ง

จากห้องหนังสือทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้

เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแรงเกินไป ทำให้เธอฉุนจมูกจนขมวดคิ้ว

ทุกครั้งที่ฉินซีอยู่โรงพยาบาล เธอมักจะปรับตัวไม่ได้ จิตใจขัดแย้งอย่างมาก

บางทีอาจเป็นเพราะเงาจากตอนที่อยู่ในองค์กรปีนั้น ฝังลึกอยู่ในกระดูกของเธอ ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ก็ลบล้างได้ไม่หมด

สมองของฉินซีพองตัว มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

แต่ว่า เมื่อคิดถึงว่าโจวซิงเป็นคนที่จ้านเซินเชิญมา เธอก็ไม่กล้าที่จะเชื่อเขาอย่างสนิทใจ แม้ว่าตอนที่สะกดจิตเมื่อกี้ โจวซิงได้ช่วยเธอเอาไว้

ก่อนที่จะมีหลักฐานพิสูจน์แน่ชัดว่าโจวซิงอยู่ฝั่งเธอ ฉินซีจะไม่เปิดเผยตัวเองโดยเด็ดขาด เธอกลัวว่าจะเป็นกับดัก

“ตอนที่สะกดจิตเมื่อกี้ เธออยู่ในสภาวะที่อันตรายมาก ฉันต้องบังคับให้ส่งเธอมาโรงพยาบาล”

โจวซิงพูดอย่างอ่อนโยน ท่าทางแตกต่างกับตอนอยู่ต่อหน้าจ้านเซินโดยสิ้นเชิง

“บังคับ?”

ฉินซีสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในคำพูดของเขา

เธอพูดพึมพำอยู่ในปาก ตามมาด้วยรอยยิ้มประชดประชันบนใบหน้า

“ใช่น่ะสิ! ด้วยนิสัยของจ้านเซิน จะยอมปล่อยให้เธอมาโรงพยาบาลทั่วไปได้ยังไง ที่เธอเข้าบ่อยที่สุดก็ห้องทดลองขององค์กร”

ทุกครั้งที่ฉินซีนอนอยู่บนเคาน์เตอร์ทดลอง มักจะรู้สึกเหมือนตนเป็นหุ่นเชิด เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้วิญญาณ เหมือนกับเครื่องจักร ปล่อยให้นักวิชาการสวมเสื้อคลุมสีขาว ที่เรียกตัวเองว่า “นักวิทยาศาสตร์” ครอบงำ ซ่อมแซม

แม้ว่าในใจฉินซีจะคิดแบบนี้ แต่คำพูดเหล่านี้กลับไม่กล้าพูดออกไปโดยสิ้นเชิง

เธอกังวลว่าโจวซิงเป็นคนของจ้านเซิน จะเอาเรื่องเหล่านี้ไปบอกเขา

ฉินซีสูดลมหายใจ แสร้งทำทีสงบเสงี่ยม “ขอบคุณค่ะ คุณหมอโจว”

รักษาท่าทีที่เหินห่างไว้อย่างสุภาพ

จู่ๆโจวซิงก็เหลือบมองไปที่ประตู โค้งตัวลง เข้าใกล้ฉินซี “ฉินซี เธอเชื่อใจฉันได้ ฉันไม่ใช่คนของจ้านเซิน”

เขากระซิบที่ข้างหูของฉินซี ถ้าหากมีคนผ่านประตูเข้ามา จะคิดว่าโจวซิงกำลังควบคุมฉินซี ไม่ปล่อยให้เธอทำร้ายตัวเอง

ระยะห่างของทั้งสองใกล้มาก ฉินซีได้ยินคำพูดของเขาชัดเจน

ตาทั้งคู่ของเธอเบิกกว้างทันที หัวใจสั่นเทา

ตอนนี้ ในใจของฉินซีสั่นเล็กน้อย แต่ไม่นาน เธอก็มั่นคงได้อีกครั้ง “คุณหมอโจว คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร?”

เขาคือคนที่จ้านเซินหามา จะไม่ใช่คนของเขาได้ยังไง

ก่อนที่จะเข้าห้องหนังสือ ฉินซีได้ทดสอบเขาไปแล้ว เขาไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือของตน

ฉินซีรู้สึกว่า จู่ๆโจวซิงมาทำตีสนิทกับตนแบบนี้ เป็นไปได้ว่าระหว่างที่ตนหลับ จ้านเซินปรึกษากับโจวซิง เลือกเปลี่ยนวิธีการที่จะรีดเอาคำพูดมาจากเธอ

กลยุทธ์สืบสวนแบบย้อนกลับแบบนี้ ฉินซีเคยเจอมาแล้ว

เธอยังเคยเรียนรู้วิธีจัดการกับกลยุทธ์นี้ ไม่มีทางโดนโจวซิงหลอกง่ายๆ

แววตาป้องกันของฉินซีลึกซึ้งมาก โจวซิงรู้ว่าเธอไม่เชื่อตน แอบหยิบโทรศัพท์ออกมา “ฉันรู้ว่าในใจเธอตอนนี้มีข้อสงสัยมากมาย อาศัยที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฉันจะพูดโดยสรุป”

เขาเปิดข้อมูลการโทร หาข้อมูลติดต่อโจวเอ้อเจอ “โจวเอ้อเป็นพี่น้องของฉัน เขาให้ฉันมาช่วยเธอให้ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ แน่นอนเป็นเพราะลู่เซิ่น เขาถึงได้มาไหว้วานฉัน”

โจวซิงยัดโทรศัพท์เข้าไปในมือของฉินซี “ตอนนี้จ้านเซินไม่อยู่ ฉันจะไปคุ้มกันประตู เธอโทรไปหาลู่เซิ่น เขาเอาแต่กังวลเรื่องเธอ”

ตอนที่เขาโทรหาโจวเอ้อเมื่อกี้ ลู่เซิ่นก็เอาแต่พูด ว่าถ้าฉินซีฟื้นแล้ว จะต้องหาวิธีให้เธอโทรมารายงานความปลอดภัยให้ได้

ฉินซีถือโทรศัพท์ไว้ในมือ ในใจสั่นไหว

เป็นแค่เครื่องจักรเย็นเยือกแท้ๆ แต่ฉินซีในตอนนี้ดูท่า กลับเหมือนมือลวก

สายตาเธอมองตามโจวซิงที่พูดคำนี้จบ ก็เดินไปที่ประตู

โจวซิงราวกับผู้รักษาประตู ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น

ท่าทีที่จริงจังของเขา ทำให้ฉินซีรู้สึกลนลาน

เธอขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าควรเชื่อคำพูดของโจวซิงไหม

ถ้านี่เป็นแค่กับดัก งั้นเธอโทรศัพท์ไป จ้านเซินจะต้องล่วงรู้ความลับของเธอแน่

ฉินซีไม่กล้าเสี่ยง เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่น พูดด้วยเสียงที่อ่อนแอ “ไม่ต้องหรอก….”

เธอกำลังคิดที่จะปฏิเสธ

แต่ทันใดนั้นโจวซิงก็หันตัว เห็นเธอเอาแต่นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อน ก็พูดขึ้นอย่างกังวลและกระวนกระวาย “ฉินซี เธอเร็วหน่อยสิ ถ้ารอจนจ้านเซินกลับมา ก็สายเกินไปที่จะโทรแล้ว”

เขามองออกว่าฉินซีระมัดระวังตัวมาก เดินเข้ามาหาอย่างร้อนรน แล้วกดปุ่มโทรออก “ช่างเถอะ ฉันโทรให้เธอเอง”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท