บทที่ 1349 พูดโดยสรุป
“เดิมที นี่ก็เป็นหน้าที่ของหมออย่างผมอยู่แล้ว ผมรับประกัน ขอแค่คุณไม่ใช้วิธีการที่มากมายกับฉินซี ไม่เกินครึ่งเดือน เธอจะต้องดีขึ้นแน่นอน”
โจวซิงไม่ได้พูดโม้ออกทะเล ในใจเขารู้ดีว่าอาการของฉินซีเป็นอย่างไร
มีประสบการณ์การสะกดจิตครั้งนี้แล้ว ถ้าหากมีอีกครั้ง ฉินซีจะต้องหลุดพูดเรื่องทั้งหมดออกมาแน่นอน ถึงตอนนั้นก็จะยุ่งยาก
“อืม”
จ้านเซินพยักหน้าอย่างเฉยชา ไม่ได้แสดงสีหน้ายินดีอะไรเพราะคำพูดของเขา
ความรู้สึกที่เขามีให้คนอื่น เหมือนกับเครื่องจักรที่เย็นชาไร้หัวใจ
จ้านเซินมองไปที่ฉินซี “ผมยังมีธุระอยู่ ตรงนี้ส่งต่อให้คุณหมอโจวดูแลแล้วกัน”
ขนตาหนาปกปิดดวงตาสีเข้มของเขา ทำให้คนดูอารมณ์ของเขาไม่ออก
โจวซิงแทบรอไม่ไหวให้เขาจากไปโดยเร็ว มุนปากโค้งขึ้นเล็กน้อย “ครับ คุณจ้านเดินทางปลอดภัย”
จนกว่าจะถึงเวลาชี้เป็นชี้ตาย เขาจะไม่ฉีกหน้าจ้านเซินไปชั่วคราว
จ้านเซินไม่พูดอะไร หันตัวออกจากห้องผู้ป่วยไป
โจวซิงมองแผ่นหลังของเขาค่อยๆเลือนหายไป ในใจก็ถอนหายใจยาว
เขามองไปที่ฉินซีที่นอนหลับอยู่บนเตียงผู้ป่วย พึมพำกับตัวเอง “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
โจวซิงไม่เข้าใจความคิดของจ้านเซิน นิสัยของเขาน่าหวั่นเกรงอย่างมาก
“อือ…..”
ในตอนที่เขาจมอยู่ในความคิดนั่นเอง ฉินซีที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยจู่ๆก็ส่งเสียงเบาๆ
เธอค่อยๆเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง สายตามองไปที่เพดานสีขาว
ฉินซีขยี้ตา สติยังไม่ฟื้นเต็มที่
“อ้ะ!”
ฉินซีลุกขึ้นนั่งทันที ส่งเสียงร้องออกมา
เพราะเสียงร้องอย่างกะทันหันนี้ ทำให้โจวซิงตกใจ
มองไปที่ใบหน้าตื่นตกใจของฉินซี โจวซิงรีบพูดปลอบโยนทันที “ฉินซี เธอเป็นอะไร?”
เขารีบเดินมาที่ข้างเตียง จับไหล่ของฉินซี ป้องกันไม่ให้เธอทำร้ายตัวเอง ด้วยอาการตื่นตระหนก
โชคดีที่ฉินซีพึ่งฟื้นขึ้นมา เผชิญหน้ากับบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย หวาดกลัวเล็กน้อย ไม่นานก็ใจเย็นลงได้
ค่อยๆได้สติกลับมา ฉินซีหันไปมองใบหน้าที่สง่างามของโจวซิง สายตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
“คุณหมอโจว ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่?”
ฉินซีจำได้ว่าเมื่อกี้เธอฟื้นมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไม ก็หมดสติไปอีกครั้ง
จากห้องหนังสือทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้
เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแรงเกินไป ทำให้เธอฉุนจมูกจนขมวดคิ้ว
ทุกครั้งที่ฉินซีอยู่โรงพยาบาล เธอมักจะปรับตัวไม่ได้ จิตใจขัดแย้งอย่างมาก
บางทีอาจเป็นเพราะเงาจากตอนที่อยู่ในองค์กรปีนั้น ฝังลึกอยู่ในกระดูกของเธอ ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ก็ลบล้างได้ไม่หมด
สมองของฉินซีพองตัว มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
แต่ว่า เมื่อคิดถึงว่าโจวซิงเป็นคนที่จ้านเซินเชิญมา เธอก็ไม่กล้าที่จะเชื่อเขาอย่างสนิทใจ แม้ว่าตอนที่สะกดจิตเมื่อกี้ โจวซิงได้ช่วยเธอเอาไว้
ก่อนที่จะมีหลักฐานพิสูจน์แน่ชัดว่าโจวซิงอยู่ฝั่งเธอ ฉินซีจะไม่เปิดเผยตัวเองโดยเด็ดขาด เธอกลัวว่าจะเป็นกับดัก
“ตอนที่สะกดจิตเมื่อกี้ เธออยู่ในสภาวะที่อันตรายมาก ฉันต้องบังคับให้ส่งเธอมาโรงพยาบาล”
โจวซิงพูดอย่างอ่อนโยน ท่าทางแตกต่างกับตอนอยู่ต่อหน้าจ้านเซินโดยสิ้นเชิง
“บังคับ?”
ฉินซีสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในคำพูดของเขา
เธอพูดพึมพำอยู่ในปาก ตามมาด้วยรอยยิ้มประชดประชันบนใบหน้า
“ใช่น่ะสิ! ด้วยนิสัยของจ้านเซิน จะยอมปล่อยให้เธอมาโรงพยาบาลทั่วไปได้ยังไง ที่เธอเข้าบ่อยที่สุดก็ห้องทดลองขององค์กร”
ทุกครั้งที่ฉินซีนอนอยู่บนเคาน์เตอร์ทดลอง มักจะรู้สึกเหมือนตนเป็นหุ่นเชิด เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้วิญญาณ เหมือนกับเครื่องจักร ปล่อยให้นักวิชาการสวมเสื้อคลุมสีขาว ที่เรียกตัวเองว่า “นักวิทยาศาสตร์” ครอบงำ ซ่อมแซม
แม้ว่าในใจฉินซีจะคิดแบบนี้ แต่คำพูดเหล่านี้กลับไม่กล้าพูดออกไปโดยสิ้นเชิง
เธอกังวลว่าโจวซิงเป็นคนของจ้านเซิน จะเอาเรื่องเหล่านี้ไปบอกเขา
ฉินซีสูดลมหายใจ แสร้งทำทีสงบเสงี่ยม “ขอบคุณค่ะ คุณหมอโจว”
รักษาท่าทีที่เหินห่างไว้อย่างสุภาพ
จู่ๆโจวซิงก็เหลือบมองไปที่ประตู โค้งตัวลง เข้าใกล้ฉินซี “ฉินซี เธอเชื่อใจฉันได้ ฉันไม่ใช่คนของจ้านเซิน”
เขากระซิบที่ข้างหูของฉินซี ถ้าหากมีคนผ่านประตูเข้ามา จะคิดว่าโจวซิงกำลังควบคุมฉินซี ไม่ปล่อยให้เธอทำร้ายตัวเอง
ระยะห่างของทั้งสองใกล้มาก ฉินซีได้ยินคำพูดของเขาชัดเจน
ตาทั้งคู่ของเธอเบิกกว้างทันที หัวใจสั่นเทา
ตอนนี้ ในใจของฉินซีสั่นเล็กน้อย แต่ไม่นาน เธอก็มั่นคงได้อีกครั้ง “คุณหมอโจว คุณพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร?”
เขาคือคนที่จ้านเซินหามา จะไม่ใช่คนของเขาได้ยังไง
ก่อนที่จะเข้าห้องหนังสือ ฉินซีได้ทดสอบเขาไปแล้ว เขาไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือของตน
ฉินซีรู้สึกว่า จู่ๆโจวซิงมาทำตีสนิทกับตนแบบนี้ เป็นไปได้ว่าระหว่างที่ตนหลับ จ้านเซินปรึกษากับโจวซิง เลือกเปลี่ยนวิธีการที่จะรีดเอาคำพูดมาจากเธอ
กลยุทธ์สืบสวนแบบย้อนกลับแบบนี้ ฉินซีเคยเจอมาแล้ว
เธอยังเคยเรียนรู้วิธีจัดการกับกลยุทธ์นี้ ไม่มีทางโดนโจวซิงหลอกง่ายๆ
แววตาป้องกันของฉินซีลึกซึ้งมาก โจวซิงรู้ว่าเธอไม่เชื่อตน แอบหยิบโทรศัพท์ออกมา “ฉันรู้ว่าในใจเธอตอนนี้มีข้อสงสัยมากมาย อาศัยที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฉันจะพูดโดยสรุป”
เขาเปิดข้อมูลการโทร หาข้อมูลติดต่อโจวเอ้อเจอ “โจวเอ้อเป็นพี่น้องของฉัน เขาให้ฉันมาช่วยเธอให้ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ แน่นอนเป็นเพราะลู่เซิ่น เขาถึงได้มาไหว้วานฉัน”
โจวซิงยัดโทรศัพท์เข้าไปในมือของฉินซี “ตอนนี้จ้านเซินไม่อยู่ ฉันจะไปคุ้มกันประตู เธอโทรไปหาลู่เซิ่น เขาเอาแต่กังวลเรื่องเธอ”
ตอนที่เขาโทรหาโจวเอ้อเมื่อกี้ ลู่เซิ่นก็เอาแต่พูด ว่าถ้าฉินซีฟื้นแล้ว จะต้องหาวิธีให้เธอโทรมารายงานความปลอดภัยให้ได้
ฉินซีถือโทรศัพท์ไว้ในมือ ในใจสั่นไหว
เป็นแค่เครื่องจักรเย็นเยือกแท้ๆ แต่ฉินซีในตอนนี้ดูท่า กลับเหมือนมือลวก
สายตาเธอมองตามโจวซิงที่พูดคำนี้จบ ก็เดินไปที่ประตู
โจวซิงราวกับผู้รักษาประตู ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น
ท่าทีที่จริงจังของเขา ทำให้ฉินซีรู้สึกลนลาน
เธอขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าควรเชื่อคำพูดของโจวซิงไหม
ถ้านี่เป็นแค่กับดัก งั้นเธอโทรศัพท์ไป จ้านเซินจะต้องล่วงรู้ความลับของเธอแน่
ฉินซีไม่กล้าเสี่ยง เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่น พูดด้วยเสียงที่อ่อนแอ “ไม่ต้องหรอก….”
เธอกำลังคิดที่จะปฏิเสธ
แต่ทันใดนั้นโจวซิงก็หันตัว เห็นเธอเอาแต่นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อน ก็พูดขึ้นอย่างกังวลและกระวนกระวาย “ฉินซี เธอเร็วหน่อยสิ ถ้ารอจนจ้านเซินกลับมา ก็สายเกินไปที่จะโทรแล้ว”
เขามองออกว่าฉินซีระมัดระวังตัวมาก เดินเข้ามาหาอย่างร้อนรน แล้วกดปุ่มโทรออก “ช่างเถอะ ฉันโทรให้เธอเอง”