Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1350

ตอนที่ 1350

บทที่ 1350 ร่วมกันแบกรับ

แม้ว่าโจวซิงรู้ดี ว่าฉินซีจะไม่เชื่อใจตนง่ายๆ แต่คิดไม่ถึงว่า ความขี้ระแวงของเธอจะหนักหนาขนาดนี้

ภายใต้ความสิ้นหวัง โจวซิงจึงเป็นผู้นำในการโทรไปหาโจวเอ้อ

เขาถูกเรียกตัวมากะทันหัน ไม่มีเบอร์มือถือของลู่เซิ่น

แม้ว่าฉินซีจะมี แต่มือถือของเธออยู่ที่บ้าน ไม่ได้อยู่ข้างกาย

“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…..”

เสียงที่สะท้อนมาจากโทรศัพท์ ทำให้ใจที่เดิมทีสงบนิ่งของฉินซี เต้นแรงขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองกำลังคาดหวังหรือหวาดกลัว

โจวซิงโยนมือถือให้เธอ “เธอรีบโทร ฉันไปหน้าประตู”

เขาไม่กล้าล่าช้า เกรงว่าจ้านเซินจะกลับมาในช่วงเวลานี้

ฉินซีเม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไร

เขาจ้องมองโจวซิงกลับไปที่หน้าประตู ถึงค่อยหยิบมือถือขึ้นมาอย่างระแวดระวัง วางไมค์ไว้ที่ข้างปาก

ฉินซีไม่ได้เอ่ยปาก รอให้ฝั่งนั้นพูดก่อน

ถ้าเธอได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ลู่เซิ่นจากปลายสาย เธอจะตัดสายทันที ไม่ให้โอกาสใครได้ตรวจสอบเธอ

“ฮัลโหล โจวซิง”

เสียงที่คุ้นเคยสะท้อนมาจากปลายสาย ความจำของฉินซีดีมาก ครู่เดียวเธอก็จำได้ นี่เป็นเสียงของโจวเอ้อ เธอถอนหายใจยาว

โจวเอ้อมองมือถือด้วยความสงสัย เห็นเขาไม่พูดอะไร ในใจก็ว้าวุ่น “โจวซิง นายเป็นอะไร หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉินซี?”

ฉินซีฟังความกังวลในคำพูดของเขาออก ในใจรู้สึกซาบซึ้ง

เธอถึงปล่อยวางความระแวงทั้งหมดที่มีในตัวโจวซิงไปได้ ฉินซีพูดเสียงต่ำ “โจวเอ้อ ฉันคือฉินซี ลู่เซิ่นอยู่ข้างนายไหม รบกวนนายส่งโทรศัพท์ให้เขา ฉันมีเรื่องจะพูดกับเขา”

ได้ยินเสียงของฉินซี ใบหน้าของโจวเอ้อก็เผยความปิติยินดี

เขารีบออกมาจากห้องทันที “เธอรอแป๊บนะ ฉันจะเอาโทรศัพท์ให้เขาเดี๋ยวนี้”

ในขณะเดียวกัน

ลู่เซิ่นกำลังจัดการธุระอยู่ในห้องหนังสือ

ความคิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้ลู่เซิ่นกระวนกระวาย

เขาในตอนนี้ไม่ใช่เขาในอดีตแล้ว ต่อให้จ้านเซินคิดจะจัดการเขา ก็ต้องชั่งน้ำหนักตัวเองด้วยว่ามีความสามารถนั้นไหม

ถ้าหากจ้านเซินคิดจะพาฉินซีไป งั้นต่อให้เขาตาย ก็จะต้องสู้

ผู้ชายร่างกายเป็นเหล็กเลือดเข้มข้น เขาไม่อาจเฝ้าดูชายคนอื่นพาฉินซีไปได้ แต่เขากลับซ่อนตัวเหมือนไข่อ่อน หลบอยู่ในกระดองเต่า

ลู่เซิ่นไม่ยินยอมให้ผู้หญิงปกป้อง เขามีความหยิ่งทะนง และภาคภูมิใจในตัวเอง

ดังนั้น ลู่เซิ่นจึงวางแผน ว่าจะช่วยฉินซีออกมาจากการห้อมล้อมของจ้านเซินได้ยังไง โดยไม่เสียกำลังคน ล่าถอยออกมาได้

ช่วยฉินซีไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอะไรมากมาย ที่ยากคือจะพาเธอออกมาอย่างเงียบๆ ในสถานการณ์ที่จ้านเซินไม่ไหวตัวได้ยังไง

“ปัง!”

ประตูห้อง ถูกเปิดออกกะทันหัน

ลู่เซิ่นที่ถูกขัดจังหวะการใช้ความคิด ขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

พอเขาเห็นโจวเอ้อถือโทรศัพท์อย่างร้อนรน แล้วรีบวิ่งเข้ามาหาเขา ก็สบถในใจ “เชี่ย!” เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ลู่เซิ่นละทิ้งเรื่องที่ทำอยู่เมื่อครู่ทันที กระตุกเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกังวล แทบทนไม่ไหวที่จะบินไปอยู่ข้างกายฉินซีในวินาทีต่อไป

โจวเอ้อเห็นเขาตกใจมาก จึงรีบพูดปลอบ “ไม่มีอะไร แกอย่าพึ่งตื่นเต้น ฉินซีฟื้นแล้ว บอกว่าอยากจะโทรหาแก ฉันก็เลยรีบมา”

เขารู้ว่าโจวซิงกับฉินซี ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของจ้านเซิน จะโทรศัพท์แต่ล่ะทีลำบากแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่กล้าเสียไปแม้สักวินาที

ได้ยินว่าฉินซีไม่เป็นอะไร ใจที่เต้นแรงของจ้านเซิน ก็ถือว่าสงบลงแล้ว

ลู่เซิ่นรีบก้าวไปข้างหน้า รีบโทรศัพท์ของเขามา “ฮัลโหล ฉินซี”

เขาเอ่ยปากอย่างร้อนรน โดยมีความรักที่ลึกซึ้งอยู่ในนั้น

ปลายสายโทรศัพท์ ฉินซีได้ยินเสียงของเขา ใจที่เดิมทีแข็งแกร่ง ก็อ่อนลงทันที

ฉินซีที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน จู่ๆกลับตาแดงก่ำขึ้นมา

ฉินซีเอ่ยปากเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่แหบแห้ง “อาเซิ่น…..”

เธอเริ่มคัดจมูก น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตาสีอำพัน

ฉินซีก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงงอแงขนาดนั้น แต่ก่อนเธอไม่ใช่แบบนี้ แม้ว่าจะเจอเรื่องอัปยศมากมาย เธอก็แข็งแกร่งอย่างมาก เป็นผู้หญิงเข้มแข็งที่ยืนได้ด้วยตัวเอง

เหมือนกับว่าหลังจากได้เจอลู่เซิ่นแล้ว เขาได้ซ่อมแซมหัวใจเด็กสาวของเธอทีละน้อย เวลาเกิดเรื่อง มักจะยืนอยู่หน้าเธอเป็นคนแรกเสมอ ปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ดูแลปกป้องเธอ รักใคร่เธอเหมือนเป็นเจ้าหญิงตัวน้อย ชดเชยความรักที่เธอขาดไปในวัยเด็ก ทำให้เธออ่อนโยนขึ้นทีละน้อย

“ทำไมร้องไห้ล่ะ อย่าร้อง ไม่เป็นไรนะ มีฉันอยู่ ฉันจะไม่ปล่อยให้จ้านเซินทำร้ายเธอ”

ลู่เซิ่นได้ยินเสียงสะอื้นในน้ำเสียงเธอ หัวใจที่เย็นชาก็อ่อนลงทันที เขารู้สึกไม่สบายใจ ลดเสียงปลอบโยนเธอ น้ำเสียงนุ่มนวลราวกับน้ำผึ้ง

ฝ่ามือใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวเขา กำหมัดแน่น ตอนนี้เขาอยากที่จะรนหาที่ตายไปหาจ้านเซิน ให้เขาปล่อยฉินซีไป

ผู้ชายคนหนึ่ง ใช้วิธีการที่น่ารังเกียจ ดักจับผู้หญิงคนหนึ่งไว้ข้างกายแบบนี้มันคือความสามารถอะไรกัน

แต่ถึงอย่างไร ตัวจ้านเซินเองก็เป็นคนไม่มีศีลธรรมอยู่แล้ว

องค์กรฝึกฝนให้พวกเขากลายเป็นหุ่นยนต์ที่ไร้มนุษยธรรม สิ่งที่เรียนรู้แต่เด็กคือทำอย่างไรให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการด้วยวิธีการที่ไร้ยางอาย ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น

ไม่ว่าจะใช้วิธีการไหน ตราบใดที่สามารถบรรลุผลได้ นั่นคือดีที่สุด

แต่ก่อนฉินซีก็ไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกอะไร แต่หลังจากทำภารกิจไปทีละอย่าง เห็นสิ่งต่างๆมากขึ้น ก็ค่อยๆเริ่มรังเกียจ

จนกระทั่งได้พบกับลู่เซิ่น เธอถึงได้มีใจที่อยากจะออกจากองค์กรถึงที่สุด

เดิมทีสิ่งนี้ก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว การมีมุมมองที่แตกต่าง องค์กรที่บิดเบือนคุณค่า ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองจะบ้าคลั่ง หดหู่

ฉินซีได้ยินคำปลอบโยนของเขา แทนที่จะสงบลง ความโหยหาเขาภายในใจกลับหยั่งลึกขึ้นเรื่อยๆ

เธอสูดหายใจ พูดเสียงอู้อี้ “อาเซิ่น ฉันสบายดี ฉันไม่เป็นอะไร นายอย่าหุนหันพลันแล่น ฉันจะต้องหาวิธีออกไปได้แน่ แก้ไขปัญหาเรื่องจ้านเซินเสร็จแล้ว จะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดากับนาย”

แม้ว่าจะมาถึงจุดนี้แล้ว ฉินซียังต้องเข้มแข็ง ไม่ยอมปล่อยให้คนข้างกายเป็นห่วง โดยเฉพาะทำให้ลู่เซิ่นวิตกกังวล

เพียงแต่ฉินซีไม่รู้ ยิ่งเธอแสดงท่าทีเข้าใจรู้เรื่องรู้ราวมากเท่าไหร่ ในใจของลู่เซิ่นก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น

องค์กรที่โหดร้ายนั่น ฝึกฝนฉินซีจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว

อายุอย่างเธอ หญิงสาวที่สวยงามแบบนี้ เดิมทีควรจะมีชีวิตโดยเป็นที่รักของคนอื่น อย่างมีความสุข แต่ฉินซีกลับรู้วิธีที่จะทำให้คนทุกข์ใจ

ในใจลู่เซิ่นราวกับมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ ขวางทางทำให้เขาหายใจไม่ออก “ฉินซี เธอไม่ต้องแบกรับทุกอย่างด้วยตัวเอง ฉันเป็นสามีของเธอ พวกเราเป็นสามีภรรยากัน พวกเราจะแบกรับไปด้วยกัน”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท