Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1352

ตอนที่ 1352

บทที่ 1352 ความทรงจำในวัยเด็ก

น้ำเสียงของฉินซีช่างอ่อนโยน จนทำให้จ้านเซินประหลาดใจเล็กน้อย

นับตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา นานมาแล้วที่ฉินซีไม่ได้พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนี้

ท่าทางของเธอเช่นนี้ จ้านเซินมักเห็นเธอทำกับลู่เซิ่นบ่อยๆผ่านจากกล้องวงจรปิด

ความผิดปกติของฉินซี ทำให้ในใจของจ้านเซินรู้สึกสับสน

จ้านเซินยังคงยืนอยู่ที่เดิม ร่างสูงมองลงมาที่เธอพลางเม้มริมฝีปาก

สิ่งแรกที่เขานึกถึงไม่ใช่นิสัยที่เปลี่ยนไปของฉินซี แต่เป็นความสงสัย

หรือนี่จะเป็นแผนการของฉินซี ตอนนี้เธอวางแผนจะทำอะไรบางอย่างหรือเปล่า

บางที นี่อาจเป็นนิสัยที่สั่งสมมานาน จนทำให้จ้านเซินคิดถึงแต่เรื่องเลวร้ายโดยไม่รู้ตัว

ฉินซีเองก็อยู่เคียงข้างจ้านเซินมานาน แน่นอนว่าเธอรู้ความคิดของเขามากกว่าคนอื่นๆ

เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเข้ากับดวงตาเรียวยาวคู่นั้นของจ้านเซิน ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของเขา เธอค่อยๆเอ่ย “จ้านเซิน ฉันไม่มีอะไรแอบแฝง ไม่มีแผนการ คำที่เพิ่งพูดไป มันก็แค่คำที่มาจากใจฉันเท่านั้น”

เธอเริ่มเอ่ยปาก โดยละทั้งความเป็นตัวเอง และแสดงมันออกมาอย่างสมบูรณ์แบบต่อหน้าจ้านเซิน

ฉินซีหวังว่าด้วยวิธีนี้จะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากจ้านเซิน เพื่อให้สามารถดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้

แววตาของเธอใสสะอาด ราวกับไม่เคยสัมผัสกับสิ่งสกปรกอย่างไรอย่างนั้น

จ้านเซินหลับตาลงพลางเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “โอเค”

เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ทำให้คนที่เห็นดูไม่ออกว่าเขากำลังโกรธหรือพอใจ

แต่ฉินซีกลับรู้สึกได้ว่ารังสีที่แผ่รอบตัวเขานั้นลดลง ความหนาวเหน็บรอบข้างเองก็ไม่มากเช่นกัน

โจวซิงไม่รู้ว่าฉินซีคิดจะทำอะไร แต่เมื่อเห็นว่าเธอทำดีกับจ้านเซิน ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก

แต่เขายังคงอดกลั้นมันเอาไว้ และยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

เขารู้ดีว่าถ้าเขาระเบิดมันออกมา ก็ไม่ต้องคิดถึงชะตาชีวิตเลย

ถึงเวลานั้น แม้ฉินซีเองก็จะติดพันไปด้วย

โจวซิงเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงคนหนึ่ง เมื่อเขารับปากว่าจะช่วย เขาก็จะทำมันออกมาให้ดีที่สุด

ฉินซีพูดขึ้นทันที “นายถืออะไรไว้ในมือน่ะ ใช่อาหารเสริมที่นายซื้อให้ฉันหรือเปล่า”

ตั้งแต่ที่จ้านเซินก้าวเข้ามา เธอก็ได้กลิ่นของอาหารทันที

จ้านเซินที่จมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นั้น เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งจะออกไปซื้ออาหารมาให้ฉินซี

“อืม หมอโจวบอกว่าช่วงนี้อาการเธอไม่ดีมาก ไม่เพียงแค่ด้านสภาพจิตใจเท่านั้น ด้านร่างกายเองก็ต้องการการบำรุงเช่นกัน เพราะงั้นผมเลยให้คนตุ๋นซุปกระดูกชิ้นใหญ่มา

จ้านเซินยื่นกล่องอาหารกลางวันให้เธอ น้ำเสียงของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับแสดงความอ่อนโยนออกมาอย่างชัดเจน

ฉินซีมองกล่องอาหารกลางวันที่อยู่ใกล้มือ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าเล็กซีดเซียว “ไม่ได้ดื่มซุปกระดูกชิ้นใหญ่มานานแล้ว ขอบคุณนะคะ”

เธอกะพริบตาปริบ ๆ พลางมองไปยังจ้านเซิน เธอพูดยอเขาอย่างไม่มีกั๊ก ตลอดที่ผ่านมา ฉินซีพยายามหลบเลี่ยงจ้านเซินมาตลอด

ยกเว้นครั้งแรกที่เธออยู่ในองค์กร เธอยังเป็นเด็กและไม่รู้เรื่อง

คิดว่าจ้านเซินที่ตัวสูงใหญ่ จะสามารถพึ่งพาได้

ฉินซีในตอนเด็กๆมักจะพึ่งพาจ้านเซิน เธอคิดกับเขาเหมือนเป็นพี่ใหญ่ คนที่สามารถปกป้องเธอได้

จนกระทั่งต่อมา หลังจากไปทำภารกิจ

ฉินซีค่อยๆตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้ว จ้านเซินคือคนที่นำพาความเจ็บปวดมาสู่เธอ

เธอต้องเชื่อฟังคำสั่งของจ้านเซิน และไม่สามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้ เธอเป็นเครื่องมือ เป็นเหมือนทาสที่จะถูกลงโทษหากเธอทำงานไม่สำเร็จ

ฉินซีมีชีวิตที่ปราศจากเสรีภาพและความเป็นมนุษย์มามากพอแล้ว

ริมฝีปากบางของจ้านเซินเปิดออก “ระหว่างเราสองคน ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

นี่คือคำพูดจากใจของจ้านเซิน เพราะเขาชอบฉินซี ถ้าหากได้ดูแลเธอ แน่นอนว่าหัวใจของเขาจะมีความสุข

และแน่นอนว่ามูลเหตุสำคัญนั้นก็คือ ฉินซีต้องล้มเลิกความคิดที่จะออกจากองค์กรและหนีตามไปกับลู่เซิ่น

“อืมๆ ฉันรู้แล้ว”

เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเธอหรี่เล็กลงเพื่อปกปิดการถากถางที่ปรากฏในดวงตาของเธอ

ในมุมของฉินซี นี่เป็นเพียงวิธีการที่จ้านเซินใช้โน้มน้าวให้เธอกลับไปยังองค์กรก็เท่านั้น

ต้องบอกว่า ตอนนี้วิธีการในองค์กรเก่งขึ้นเรื่อย ๆ

แม้กระทั่งคนหัวดื้ออย่างจ้านเซิน ก็เรียนรู้ที่จะใช้คำพูดสวยหรูเพื่อล่อลวงอีกฝ่าย

ดูเหมือนว่า ความปรารถนาที่อยากจะหนีไปจากองค์กรของเธอจะยิ่งลำบากขึ้นเรื่อยๆ

ฉินซีถอนหายใจในใจ เธอพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา

จ้านเซินเปิดกล่องอาหาร พลางหยิบช้อนยัดใส่มือของเธอ “รีบกินตอนมันร้อนๆสิ”

เขาไม่ได้พูดอะไรมากมาย ความเป็นห่วงทั้งหมดอยู่ในการกระทำนั้นแล้ว

หากเป็นคนอื่น เมื่อได้รับความเมตตาของจ้านเซิน แน่นอนว่าต้องรับมันไว้

แต่ทว่าฉินซีกลับรู้สึกหดหู่

เธอเค้นรอยยิ้มออกมา “อืมๆ”

ฉินซีหยิบช้อนขึ้นมา และดื่มมันเข้าไปเล็กน้อย

เธอเป่าและชิมรสชาติ “รสชาติไม่เลวเลย นายอยากจะชิมหน่อยไหม”

ฉินซีดันชามมาทางเขา สื่อความหมายว่าให้เขาลองชิมดู

ในองค์กรตอนที่ยังเป็นเด็ก พวกเขามักเป็นเช่นนี้กันอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อโตขึ้น ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย

การกระทำเช่นนี้ ทำให้หัวใจของจ้านเซินอ่อนยวบไปในชั่วพริบตาเดียว

เขาก้มหน้ามองฉินซี ภายในใจกำลังรู้สึกว้าวุ่น

ฉินซีเห็นว่าเขาไม่ขยับอยู่นาน มือที่ถือชามอยู่นั้นก็รู้สึกเมื่อยเล็กน้อย

เธอเริ่มรู้สึกเมื่อย ดวงตาสีเหลืองอำพันเป็นประกาย พลางเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ทำไมเหรอ หรือว่านายรังเกียจงั้นเหรอ…”

ฉินซีขบริมฝีปาก แสดงออกว่ากำลังเสียใจ

แม้ว่าจ้านเซินจะคิดว่าการแสดงของเธอนั้นจะดูเสแสร้งแกล้งทำ แต่ใจกลับเต้นตึกตัก

จ้านเซินก้มหน้าลง เปลี่ยนด้านของถ้วยและดื่มมันเข้าไป

แท้ที่จริงแล้ว เขาดื่มมันแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอก

รสชาติของร้านนี้พอใช้ได้ ไม่ได้อร่อยเป็นพิเศษ ไม่มีเชฟที่ได้รับเชิญเป็นพิเศษจากองค์กรให้มาทำอาหารให้

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ตอนที่ดื่มไปเมื่อครู่นี้ รสชาติมันกลับอร่อยมาก

หัวใจของจ้านเซินกลับไปกลับมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางแสดงความรู้สึกเหล่านี้ออกมาต่อหน้าฉินซี

เขากลัวว่าตัวเองจะทำให้ฉินซีตกใจ จนทำให้เธอ ตีตัวออกห่างจากเขาไป

จ้านเซินเพียงแค่จิบเล็กน้อย จากนั้นก็ดันถ้วยกลับคืน “รสชาติค่อนข้างดีเลยล่ะ เธอดื่มเยอะๆนะ ถ้าไม่พอล่ะก็ เดี๋ยวผมไปซื้อให้อีก ”

เขาหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับ แม้จะบอกว่าอร่อย แต่ใบหน้ากลับไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย

ตอนที่ยังเป็นเด็ก หลายคนมักจะพูดว่า จ้านเซินเป็นโรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก ซึ่งไม่สามารถร้องไห้หรือหัวเราะได้

เพราะเขามักจะแสดงออกเพียงสีหน้าเดียว นั้นก็คือสีหน้าที่เย็นชา ราวกับมีคนติดหนี้แล้วไม่คืนเงินอย่างไรอย่างนั้น

ในตอนแรก ฉินซีเองก็เหมือนกับเด็กคนอื่นๆที่รู้สึกว่าจ้านเซินนั้นน่ากลัว ดูๆแล้วไม่น่าจะเข้ากันได้ เพราะดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะเล่นกับเขา

แต่หลังจากนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง

ฉินซีได้รับบาดเจ็บจากระหว่างการฝึก

การฝึกในตอนนั้นโหดร้ายมาก

เมื่อฉินซีนึกย้อนไป ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ องค์กรแบบไหนกันที่ไร้มนุษยธรรมได้ถึงขนาดนั้น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท