Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1353

ตอนที่ 1353

บทที่ 1353 อัศวินพิทักษ์เจ้าหญิง

องค์กรให้เด็กหนึ่งร้อยคนอยู่กับหมาป่าที่หิวโหย โดยให้มีดเล็กกับแต่ละคน ให้พวกเขาคิดหาวิธีฆ่าด้วยตัวเอง หรือจะอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิต

ตอนนั้นฉินซีอายุแค่สิบสี่ปีเท่านั้น ทันทีที่เธอเห็นมีด ขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรง เดิมทีก็ไม่กล้าไปสู้กับหมาป่าที่หิวโหยอยู่แล้ว

เธอเอาแต่หนีและหนีไปเรื่อยๆ……

ฉินซีคิดว่า ตราบใดที่เธอหาถ้ำได้และเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในนั้นทั้งคืน รอให้มีคนมาช่วยพาตัวเองออกไปในวันรุ่งขึ้น เธอก็จะสามารถรอดชีวิตได้

ความคิดของเธอนั้นดี แต่ระหว่างที่ฉินซียังหาถ้ำไม่เจอยู่นั้น ขาข้างหนึ่งก็ก้าวพลาดจนกลิ้งตกลงมา เธอล้มหัวฟาดพื้น และจำอะไรไม่ได้เลย

เมื่อเธอตื่นขึ้น หมาป่าที่อยู่ใกล้ๆได้กลิ่นเลือด จึงตามไปยังทิศทางของเธอ

“กรี๊ด!”

เธอร้องด้วยความตกใจ เหวี่ยงมีดในมือไปมาอย่างไม่รู้ตัว

หมาป่าที่กำลังหิวโหยไม่ทันได้รู้ตัว มันถูกฉินซีเจาะเข้าไปที่ลำคอและล้มลงกระแทกกับพื้น

เลือดทะลักออกมา ย้อมสีใบไม้สีเหลืองให้กลายเป็นสีแดง

ฉินซีไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน เธอโยนมีดทิ้ง ทรุดตัวลงกับพื้นและนั่งกอดเข่าร้องไห้

มองเลือดที่อยู่ในมือ เธอเช็ดกับเสื้อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเสื้อสีขาวสะอาดกลายเป็นสีแดงสด จากนั้นเธอก็ค่อยๆได้ยินอะไรบางอย่าง

ฉินซีเป็นเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ เธอร้องไห้ออกมาเบาๆ เพราะกลัวว่าหากร้องโวยวายเสียงดัง จะทำให้หมาป่าที่กำลังหิวโหยได้ยินเข้า

แต่เธอลืมไปว่า เลือดเป็นสิ่งล่อใจที่อันตรายที่สุด

หลังจากที่ฉินซีร้องไห้ เธอก็ค่อยๆสงบลง

เธอเช็ดคราบน้ำตา จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นพลางจะไปต่อ

“ฉึก……”

เจ็บชะมัด!

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หัวเข่า จนฉินซีเหงื่อไหลออกมาก

เพราะตกใจสุดขีดกับเรื่องเมื่อครู่นี้ จนฉินซีลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอก้าวลงจากเนินเขา

ฉินซีเดินไปต่อด้วยความยากลำบาก

เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ ฉินซีจึงจำเป็นต้องเร่งฝีเท้า

เพราะกลางคืนคืออาณาเขตของหมาป่า ถ้าฉินซีไม่รีบหาที่ซ่อนตัวก่อนที่ฟ้าจะมืด ความคิดที่อยากจะใช้ช่วงเวลาที่สงบในคืนนี้ เกรงว่าจะไม่ง่ายดายอย่างนั้น

ความจริงที่โหดร้าย บังคับให้ฉินซีต้องลุกขึ้นยืนหยัดและสู้ต่อไป

เธอไม่มีเวลามานั่งเสียใจ เพราะหมาป่าที่หิวโหยอาจจะกระโดดข้ามมาและฆ่าเธอในวินาทีถัดไปก็ได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินซีก็อดที่จะกระวนกระวายใจไม่ได้

เธอกัดฟันแน่น

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ฉินซีกำลังกังวลอยู่นั้น สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้น

“อาวู้~”

เสียงหอนของหมาป่า ทำให้ฉินซีกลัวจนตัวสั่น

เธอหยุดฝีเท้าทันที สายตามองไปรอบๆด้วยความตื่นกลัว

ฉินซีรีบหาพุ่มไม้เพื่อซ่อนตัว เธอกำมีดที่อยู่ในมือแน่นยิ่งขึ้น

หากสังเกตดูให้ดี จะรู้ว่าฉินซีในตอนนี้ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนท่าทีที่แสดงออกมา ตัวของเธอสั่นเทา

“อาวู้~”

เสียงหอนของหมาป่าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ฉินซีกำมีดในมือแน่น ไม่ปล่อยให้เสียงใดเล็ดลอดออกมา

เธอภาวนาในใจ ขอให้หมาป่าที่หิวโหยนั่นหาตัวเธอไม่เจอ ไม่อย่างนั้นเธอจบเห่แน่

แต่บางทีพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ท่านจะคอยหมั่นสุมไฟให้คุณในยามที่คุณกำลังโชคร้าย

หมาป่าตัวผู้ใหญ่ยักษ์พุ่งตรงเข้าหาฉินซีอย่างรวดเร็วราวกับดาบแหลมคม

ฉินซีไม่ได้ตอบโต้กลับ เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าจะยกมีดขึ้นต่อสู้กับเจ้าหมาป่า มันก็สายไปเสียแล้ว

“โอ้ย!”

ฉินซีถูกเจ้าหมาป่าที่หิวโหยเหวี่ยงลงกับพื้น เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“ไปให้พ้น!”

เธอดิ้นรนสุดชีวิตและคิดอยากจะอ้อนวอนต่อเจ้าหมาป่า แต่เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าเนื้อปอดในร่างกายของเธอกำลังจะแหลกสลาย

อย่างไรก็ตาม หมาป่าตัวผู้นี้ มันโหยอาหารมาหลายวันแล้ว

ในเมื่อเจออาหาร จะให้ปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร

ขนของมันเป็นสีดำและเงางาม สายตาแห่งความกระหายเลือดส่องประกายในแววตาขนาดเท่ากระดิ่งทองแดง

กลิ่นเลือดอันโอชะบนร่างกายของฉินซี ทำให้หมาป่าน้ำลายไหลไม่หยุดจนไม่สามารถควบคุมได้

เจ้าหมาป่าอ้าปากกว้าง มันกัดเข้าไปที่ลำคอของฉินซี

ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ฉินซีสติแตกอีกครั้ง เธอคิดจะลงมือกับมันเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้

แต่ทว่า ครั้งนี้ฉินซีทำพลาด

“เก๊ง!”

มีดที่คอของเจ้าหมาป่าตกลงกับพื้น แม้ว่าจะบาดเจ็บจนมีเลือดออก แต่นั่นก็ไม่ร้ายแรงมากพอ

การกระทำของฉินซีไปกระตุ้นความโกรธให้เจ้าหมาป่า

หมาป่าที่เจ็บปวดนั้นดุร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ มันจ้องมองไปที่ฉินซีพลางน้ำลายไหลเยิ้ม ราวกับกำลังคิดว่าจะกลืนเธอลงไปอย่างไร

ในระหว่างที่กำลังต่อสู้กันเมื่อครู่ ทำให้มีดของเธอตกพื้นไปไกล

เธอคิดจะไปเก็บมันขึ้นมา แต่เพราะขาที่กำลังบาดเจ็บ เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของเธอ

“อาวู้!”

เสียงหอนของหมาป่านั้นฟังดูดุร้ายและน่ากลัว

ที่หมาป่าเข้าจู่โจมอีกครั้ง ฉินซีคิดว่าตัวเองต้องไม่รอดอย่างแน่นอน

เธอหลับตาลงด้วยความกลัว รอให้ความเจ็บปวดเข้ามาเยือน

ฉินซีในตอนนี้ได้ถอดใจไปเสียแล้ว เธอยอมแพ้ที่จะดิ้นรน

เธอรู้คิดว่าหากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่นนี้ สู้ตายไปเลยยังจะดีเสียกว่า

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ที่มุมปากของฉินซีก็ผุดรอยยิ้มจางๆขึ้น

สิ่งนี้ทำให้จ้านเซินที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดอึ้งไปชั่วขณะ เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า เด็กสาววัยรุ่นจะยังสามารถหัวเราะได้เมื่อต้องเผชิญกับความตาย นี่เธอไม่กลัวเลยอย่างนั้นเหรอ

สิ่งนี้ทำให้จ้านเซินมองฉินซีด้วยความชื่นชม เขาอยากรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรในขณะที่กำลังจะตาย

ดังนั้น จ้านเซินจึงลงมือ

เขาดูเหมือนเสือชีตาห์ที่กระโดดออกมาจากพุ่มหญ้า เข้าตะครุบเจ้าหมาป่าตัวผู้

จ้านเซินยกมีดของเขาขึ้นสูงและพุ่งตรงไปที่คอของหมาป่า

หลังจากที่ฝึกฝน ไม่ว่าจะในด้านสมรรถภาพทางกายหรือความแม่นยำของเขานั้นอยู่เหนือชั้นกว่าฉินซีหลายเท่า

มีดเจาะลึกเข้าไปที่ลำคอของหมาป่า

“อาวู้…… ”

หมาป่าล้มลงกับพื้น มันร้องเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดในลำคอ

“ตุบ!”

เจ้าหมาป่าตัวใหญ่ล้มลงกระแทกกับพื้น ทำให้ใบไม้และฝุ่นละอองต่างกระจัดกระจาย

“อะแฮ่ม……

ท่ามกลางฝุ่นที่คละคลุ้ง ฉินซีค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ

ในหัวของเธอยังคงงุนงง ไม่ได้ตอบสนองอะไรออกมาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร

ฉินซีมองผ่านทรายที่คละคลุ้ง พบว่ามีเด็กชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังให้กับเธอ

ในมือของเขาถือมีดที่เหมือนกับของตัวเอง แต่เมื่อดูๆแล้วกลับแหลมคมกว่าของเธอมาก ราวกับตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น

เด็กชายยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ ราวกับรูปปั้นที่ตั้งตระหง่าน

ฉินซีจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งจ้านเซินหันหน้ามาที่เธอ

“เธอกำลังมองอะไรอยู่ ”

เวลาที่เด็กผู้ชายเสียงแตกหนุ่มนั้น เสียงจะแหบแห้งราวกับเสียงของโดนัลด์ดั๊ก แต่จ้านเซินกลับไม่เหมือนกับคนอื่นๆ เสียงของเขาแหบและฟังดูเซ็กซี่

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่ทำให้ฉินซีอึ้งมากที่สุด นั่นก็คือรูปลักษณ์ของเขาที่หล่อเหลาอย่างมาก

ฉินซีไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนมาเพื่อเอ่ยชมใบหน้าของจ้านเซิน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท