บทที่ 1359 การแข่งขัน
โจวซิงไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดฉินซีถึงตอบตกลง
เธอไม่รู้ว่าที่นี่ต้องมีกับดักงั้นหรือ
โจวซิงสงสัยว่าสมองของฉินซีถูกทำลายหรือไม่ทำไมถึงคิดไม่ออก
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินซีก็ขัดจังหวะเขาอย่างเย็นชา “หมอโจว ฉันรู้ว่าคุณหวังดีต่อฉัน แต่ตอนนี้มีคนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ดีกว่าต่อหน้าฉัน ฉันก็อยากจะลองดูฉันหวังว่า หมอโจวเข้าใจได้ว่าในฐานะผู้ป่วยฉัน ก็อยากจะหายเร็วๆนี้ ”
แม้ว่าน้ำเสียงของฉินซีจะอ่อนโยน แต่ความเฉียบขาดในคำพูดกลับทำให้คนตกใจ
เธอมองตรงไปที่โจวซิง ด้วยความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน
จ้านเซินเหลือบมองเธออย่างชื่นชม “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เหยาจ้าวนายก็รีบเตรียมตัวและเริ่มโดยเร็วที่สุดเถอะ”
เขารู้สึกว่าหลังจากฉินซีตื่นขึ้นมาในครั้งนี้ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะค่อนข้างมาก แต่การตัดสินใจและการกระทำ ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากขึ้น
เพียงแต่ไม่รู้ว่าฉินซีแสร้งทำเป็นหลอกเขาหรือเปล่า
เมื่อเห็นการตัดสินใจของเธอ โจวซิง จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ “เอาหล่ะ ผมเข้าใจแล้ว”
ในเมื่อเป็นการแสดงนั่นต้องเป็นกับดักที่แสดงอยู่ เขามองไปที่จ้านเซินอย่างไม่ยอมรับเล็กน้อย “คุณจ้านครับ ผมได้พูดทุกอย่างที่ควรจะพูดไปแล้ว ผมเตือนคุณและคุณฉินแล้ว ถ้าในระหว่างกระบวนการรักษานี้ มีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น ทำให้คุณฉินตื่นขึ้นมาไม่ได้ อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน”
ดูเหมือนโจวซิงจะโกรธและปัดความรับผิดชอบอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากนั้นเขาก็เดินหันหลังจากไป
ที่โจวซิงรีบร้อนนั้นไม่ใช่เพราะความโกรธที่แท้จริง แต่เพื่อกลับไปหาทางรับมือกับลู่เซิ่น และโจวเอ้อให้เร็วที่สุด
เขาถอดเสื้อคลุมสีขาว และเดินไปที่ประตูโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
เดิมทีโจวซิงต้องการใช้โอกาสการขัดแย้งครั้งนี้เพื่อออกไปหาลู่เซิ่นและคนอื่นๆโดยตรง แต่ทันทีที่เขาก้าวไปที่ประตู เขาก็ถูกขวางโดยการ์ดที่จ้านเซินนำมา
“พวกแกมาทำอะไรที่นี่?”
โจวซิงมองไปที่การ์ดชุดดำตรงหน้าด้วยใบหน้าเย็นชาสายตาไม่เป็นมิตรปรากฏในแววตาเขา
การ์ดชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หมอโจว เจ้านายของเราสั่งมาว่า ห้ามใครเข้าหรือออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต โปรดกลับไป”
เขากล่าวอย่างสุภาพ แต่กลับไม่มีความเคารพอยู่ในคำพูดของเขา
เช่นเดียวกับหุ่นยนต์ที่มีใบหน้าที่เย็นชาน้ำเสียงไม่มีขึ้นลงแม้แต่น้อย
โจวซิงไม่ได้โกรธแต่อย่างใด “เจ้านายของแกพยายามขังฉันหรือเปล่า”
เขาแสร้งทำเป็นโกรธและเตรียมจะเอะอะใหญ่โต
เมื่อการ์ดชุดดำเห็นว่าเขาโมโหแล้ว จึงเตรียมการป้องกันและเตรียมจะคว้าตัวเขาไว้ทันที
หนึ่งในนั้นก็พูดอีกครั้ง “หมอโจว นี่คือคำสั่งจากเบื้องบนพวกเราแค่ทำตามคำสั่ง ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจและอย่าทำให้เราที่อยู่ระดับล่างสุดลำบากเลย”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขาน่าฟังกว่าคนเมื่อครู่แต่โจวซิง ก็ยังไม่ชอบใจ
“เหอะ !”
โจวซิงตะคอกพร้อมกับความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เขายืนอยู่ที่เดิมฝ่ามือใหญ่กำหมัดแน่น กัดฟันกรอดแล้วถามอีกครั้ง “พวกแกแน่ใจเหรอว่า จะไม่ให้ผมออกไป”
การ์ดชุดดำส่ายหน้า “ปล่อยคุณไปไม่ได้ เว้นแต่คุณจะได้รับอนุญาตจากเจ้านายของเรา เราจะปล่อยคุณออกไปทันทีมิฉะนั้นใครก็ไปไม่ได้ทั้งนั้น”
เขากัดไม่ปล่อยทำให้โจวซิงไม่มีทางเลือก
เขาหยั่งเชิงแล้วว่าเขาไม่สามารถเอาชนะบอดี้การ์ดทั้งสองได้ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่หันกลับมาด้วยความโกรธและจากไป
เมื่อโจวซิงจากไปเขาก็ไม่ลืมที่จะพูดอย่างเป็นปฏิปักษ์ “ได้! ผมจำนายสองคนได้แล้ว นายสองคนรอฉันก่อนเถอะ รอฉันเข้ามาในองค์กรเราจะได้เห็นดีกันแน่”
หลังจากพูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อออกด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามในขณะที่โจวซิงหันกลับมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เดิมทีโจวซิงยังคงท่าทีโกรธเต็มที่แต่ทันใดนั้นเขาก็สงบลง
ความจริงแล้วโจวซิงไม่ได้มีความหวังมากนัก เขารู้ดีว่าด้วยนิสัยของจ้านเซินมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะออกไปง่ายๆ หลังจากที่เข้ามาแล้ว
นี่เป็นเพียงการลองพยายามดูสักครั้ง
ถ้าออกไปได้ก็จะดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้โจวซิงก็ไม่ได้ผิดหวังตลอดทางเขาแสร้งทำเป็นโกรธและเดินกลับไปที่ออฟฟิศอย่างรวดเร็ว
“ปัง!”
โจวซิงกระแทกประตูห้องอย่างแรงใบหน้าของเขาบูดบึ้งเหมือนใครติดหนี้ก้อนโต
จากนั้นบอดี้การ์ดที่ซ่อนตัวในความมืดก็ได้ยินเสียงทุบข้าวของดังมาจากห้องทำงานของโจวซิง
“โครม!”
แจกันตกลงที่พื้นพร้อมกับเสียงชัดเจนและทันใดนั้นก็แตก
“ผัวะ!”
ทันทีที่เสียงดังขึ้นโจวซิงก็เปล่งเสียงไปด้วยเพราะเขาแอบโทรหาลู่เซิ่น
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วเพื่อที่จะสามารถติดต่อลู่เซิ่นได้โดยตรงเขาจึงขอช่องทางการติดต่อกับโจวเอ้อ
“แย่แล้ว จ้านเซินพาหมอคนใหม่มาเพื่อตรวจฉินซี”
เขาพูดตรงไปตรงมาไม่กล้าเสียเวลา
ตอนนี้เหยาจ้าวและฉินซีกำลังอยู่ในห้องผู้ป่วยยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใดก็จะยิ่งอันตรายมากเท่านั้น
“อะไรนะ”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ใบหน้าของลู่เซิ่นแปลกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด
เขาลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาสีเข้มของเขาฉายแววอันตราย
โจวซิงรีบพูดต่อทันที “จ้านเซินบอกว่าจะให้หมอคนใหม่นั่นตรวจฉินซีอีกครั้ง ผมคัดค้านหัวชนฝาแล้วแต่ดูเหมือนว่าฉินซีจะถูกครอบงำและเห็นด้วยจริงๆ เธอไม่ฟังเลยแม้ว่าผมขยิบตาให้เธอ ผมก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าหมอสกุลเหยาพบอะไรบางอย่างในครั้งนี้ เรื่องระหว่างพวกคุณจะปิดไม่ไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ ”
ขณะที่เขาพูดเขาหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาและเขวี้ยงลงบนพื้นอย่างแรง
โจวซิงจงใจส่งเสียงดังเพื่อให้บอดี้การ์ดที่ซ่อนตัวอยู่ข้างนอกคิดว่าหลังจากทะเลาะกับจ้านเซินเขาอยากจะออกไปข้างนอก แต่ไปไม่ได้และกำลังอารมณ์เสีย
อันที่จริง มันคือการปกปิดการโทรศัพท์ระหว่างเขากับลู่เซิ่น
“ผมรู้แล้ว”
หน้าอกของลู่เซิ่นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ความประหลาดใจบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาค่อยๆหายไปแทนที่ด้วยความโกรธที่ไร้ขีดจำกัด
แน่นอนว่าเขารู้ว่าจ้านเซินจะไม่มีวันปล่อยฉินซีไปง่ายๆ
คนเลือดเย็นอย่างมันจะไปเข้าใจการรักใครสักคนได้ยังไง
ปากมันบอกว่าชอบฉินซี แต่ความจริงกลับไล่ตอนฉินซีไปสู่ทางตันมาตั้งแต่ต้นจนจบ จ้านเซินสนใจแต่ตัวเองเท่านั้นไม่สนความรู้สึกของคนอื่นเลยเขาไม่สนสักนิดว่าฉินซีจะเป็นหรือตาย
เมื่อเห็นท่าทางเขาไม่รีบร้อนโจวซิงจึงคิดว่าเขามีแผนการรับมือ
เขาสังเกตรอบตัวอย่างถี่ถ้วนและถามด้วยความประหลาดใจ “คุณพร้อมที่จะช่วยฉินซีหรือยัง”
ในสถานการณ์เช่นนี้ใครจะรู้ว่าความคิดจ้านเซินที่จะเกิดขึ้นในนาทีถัดไปจะเป็นการดีกว่าหากจะหาวิธีช่วยเหลือฉินซีก่อน