Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1364

ตอนที่ 1364

“ต้องเพิ่มระบบการรักษาให้เธอ ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของฉินซี เธออาจจะสามารถพาตัวเองเข้าไปสู่ทางตัน แล้วขังตายตัวเองอยู่ในนั้น”

เหยาจ้าวตั้งใจพูดให้เรื่องดูรุนแรง เพื่อให้จ้านเซินรู้สึกเห็นใจฉินซี

อันที่จริงเหยาจ้าวนั้นดูออก

การปฏิบัติต่อฉินซีของจ้านเซินตอนนี้มีความแตกต่าง เห็นได้จากอาการปฏิกิริยาซึ่งได้เปลี่ยนไปมาก

เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มใส่ใจความรู้สึกของฉินซี เพื่อเธอแล้ว ยอมลดศักดิ์ศรีลงไปไม่น้อย

แต่ว่าเหยาจ้าวก็ไม่ได้พูดโกหกทั้งหมด

สถานการณ์ของฉินซีอยู่ในขั้นรุนแรงจริงๆ เพียงแต่ว่าเธอมีความสุขุมมากกว่าคนปกติ เธอรู้วิธีที่จะยับยั้งอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ร้ายเช่นกัน

เมื่อคนคนหนึ่งยับยั้งตัวเองอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว และไม่ได้รับการระบาย ผลที่ได้อาจจะตรงกันข้าม

ก็เหมือนกับเด็กที่ดื้อรั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่และคุณครูจะแสร้งทำเป็นน่ารักน่าเอ็นดู แต่พอลับหลังกลับมืดมนจนทำให้คนรู้สึกกลัว

นิสัยของฉินซีเป็นอย่างไร จ้านเซินย่อมรู้ดีกว่าเหยาจ้าว

ความจริงก็เหมือนอย่างที่เหยาจ้าวพูดไม่มีผิด ในช่วงนี้ฉินซีมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มากจนทำให้จ้านเซินรู้สึกผิดปกติ

ตอนนี้ดูแล้วสาเหตุที่ทำให้ฉินซีมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ ก็คืออาการป่วยของเธอที่แย่ลง

จ้านเซินที่เดิมทีต้องการอยากจะพาตัวฉินซีกลับองค์กร แต่หลังจากที่ฟังคำวินิจฉัยของเหยาจ้าวแล้ว เขาก็เกิดความลังเลขึ้นในทันใด ไม่รู้ว่าควรจะพาฉินซีออกไปตอนนี้ดีหรือไม่

หนึ่งปีที่ฉินซีที่อยู่ข้างนอก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉินซีมีความสุขมากกว่าตอนอยู่ในองค์กร

นี่ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงคำพูดของถังย่าในตอนนั้น ถ้าต้องการให้ฉินซีดีขึ้น และฟื้นตัวเร็ว ก็อย่าพันธนาการเธอ จงปล่อยเธอออกไปเดินเล่น

จ้านเซินจึงได้ปล่อยให้เธออิสระ แต่ว่าตอนนี้เขาต้องทนเห็นความสัมพันธ์ระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่นนับวันยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น จนเขาเริ่มรู้สึกทุกข์ใจ

เขากังวลว่าฉินซีจะออกไปจากองค์กร และไม่มีวันหวนกลับมาอีก

เพราะฉะนั้น จ้านเซินจึงได้เรียกเหยาจ้าวมาอย่างเร่งด่วน เพื่อต้องการให้เขาช่วยส่งฉินซีกลับไปที่องค์กร

เขามั่นใจในฝีมือของเหยาจ้าว ขอเพียงมีเขาอยู่ ฉินซีจะต้องปลอดภัย

แต่เหยาจ้าวกลับบอกว่าอาการของฉินซีนั้นค่อนข้างรุนแรง จะต้องได้รับการรักษาให้โดยเร็วที่สุด

ฉินซีเกลียดองค์กรอย่างกับอะไรดี จ้านเซินเห็นกับตา

ถ้าหากผลีผลาม ขืนพาเธอกลับไป เกรงว่าอาการของเธอก็จะยิ่งเลวร้ายลง

จ้านเซินไม่อยากเห็นฉินซีเหมือนเมื่อหนึ่งปีก่อน ที่มีชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน

แต่นี่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมให้ฉินซีอยู่กับลู่เซิ่น

ฉินซีสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้ชั่วคราว แต่ว่าเธอจะต้องอยู่ภายใต้สายตาของเขา จะไม่สามารถพบเจอกับคนที่ทำให้จิตใจของเธอหวั่นไหวได้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จิตใจของจ้านเซินถึงได้สงบลง

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางเหยาจ้าวอย่างตึงเครียด : “ผมเข้าใจแล้ว หมอเหยา อย่างนั้นคุณก็ดำเนินการรักษาฉินซีให้ดีๆ ผมหวังว่าภายในหนึ่งอาทิตย์จะเห็นประสิทธิผล”

จ้านเซินออกคำสั่งกับเขาอย่างเคยชิน

เหยาจ้าวพยักหน้า : “ได้ ผมจะพยายามให้ถึงที่สุด”

เขารู้ดีว่าที่จ้านเซินพูดเช่นนี้ ถือเป็นการถอยให้แล้ว

ไม่อย่างนั้น ตอนนี้จ้านเซินก็คงให้เขาเก็บข้าวของ แล้วพาฉินซีกลับไปที่องค์กรภายใต้การคุ้มครองของบอดี้การ์ดแล้ว

“อืม แล้วฉินซีจะตื่นขึ้นมาตอนไหน”

จ้านเซินมองเธอที่นอนหลับใหลอยู่ข้างในผ่านกระจก น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน

ในจุดนี้ แม้แต่จ้านเซินเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น

การเปลี่ยนแปลงของจ้านเซินนี้เหยาจ้าวไม่รู้จะบรรยายได้อย่างไร

หรือบางทีอาจชอบฉินซีขึ้นแล้วจริงๆ เพียงแต่ใช้ผิดวิธี

ถ้าหากเป็นฉินซีคนก่อน บางทีอาจจะหวั่นไหวกับการเปลี่ยนแปลงของจ้านเซิน

แต่ว่าฉินซีตอนนี้ มีลู่เซิ่นอยู่เคียงข้าง

เธอรักลู่เซิ่น เธอตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจากองค์กรตั้งแต่แรกแล้ว และจะหนีไปให้ไกลๆ ไม่มีวันที่จะหวนกลับมาอีก

เมื่อสมัยเป็นเด็กฉินซีกับลู่เซิ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ฉินซีชอบออดอ้อนออเซาะเขา และก็ชื่นชมเขามาก

แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องอดีต และอดีตก็มักจะผ่านไปแล้วก็ผ่านไป

ฉินซีกำลังเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ มุ่งไปสู่ชีวิตใหม่อย่างไม่หยุดหย่อน

มีเพียงจ้านเซินที่ยังหยุดอยู่ที่เดิม แล้วขังตัวเองไว้ในสถานที่ของตัวเอง แล้วคอยเฝ้าอยู่อย่างนั้น คอยปกป้องกฎขององค์กร จนพันธนาการจิตวิญญาณของตัวเอง

เขาเริ่มหวนกลับไปคิดถึงฉินซีคนนั้น คนที่คอยออดอ้อนออเซาะ

เหยาจ้าวรู้สึกว่า จ้านเซินคือคนที่ควรได้รับการรักษาสุขภาพจิตมากที่สุด

เขาคือคนที่มีความผิดปกติทางจิตมากที่สุดในองค์กร แต่เพราะร่างกายที่กำยำ จึงได้กดปัญหาทางจิตนี้ไว้ ดังนั้นสิ่งที่เห็นจากภายนอก จึงไม่มีความแตกต่างจากคนปกติทั่วไป

อีกทั้งยังได้รับการชื่นชม มีความสามารถที่โดดเด่น และเป็นผู้นำที่ดีมากคนหนึ่ง

“การสะกดจิตครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือทำให้ร่างกายของเธอได้รับบาดเจ็บขั้นรุนแรง เพียงแต่แค่สูญเสียพลังทางจิตเล็กน้อยเท่านั้น อีกไม่นานก็คงจะฟื้นตื่นขึ้นมา คุณไม่ต้องเป็นห่วง”

เหยาจ้าวรู้ว่าเขากำลังเป็นห่วง จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จ้านเซินก็พยักหน้า

เขาไม่มีการพูดใดๆขึ้นอีก เพียงแค่หมุนตัวผลักประตูห้องผู้ป่วย

จ้านเซินเดินไปที่ข้างเตียงของฉินซี แล้วย้ายเก้าอี้วางลงบนพื้นเบาๆ

เขานั่งอยู่ตรงหน้าของฉินซี แล้วเอื้อมมือไปกุมเธอไว้

จ้านเซินไม่พูดไม่จา แต่ว่าแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความสงสาร

ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้เหยาจ้าวรู้สึกทุกข์ใจ

เขาไม่รู้ว่าจะประเมินความรู้สึกที่จ้านเซินมีต่อฉินซีอย่างไร พูดได้แค่เพียงว่าพวกเขาทั้งคู่นั้นโดดเด่นมาก เหมาะสมกันมาก เพียงแต่ไม่มีวาสนาต่อกัน

….

อีกฝั่ง

โจวซิงกำลังเดินโกรธฟึดฟัดอยู่ในโรงพยาบาล

เมื่อสักครู่เขาได้คุยสนทนาทางโทรศัพท์กับลู่เซิ่น ลู่เซิ่นให้เขาตรวจเช็คอย่างละเอียด ว่าจ้านเซินได้วางบอดี้การ์ดรอบๆตัวฉินซีที่โรงพยาบาลไว้กี่คน

โจวซิงตอนนี้จึงแกล้งทะเลาะกับจ้านเซิน แล้วก็ออกกลอุบายเพื่อที่จะออกไป ด้วยการโขกกับกำแพงไปทั่ว

เขาดูจากภายนอกเหมือนว่าอยากจะออกไปมาก แต่ความจริงแล้วแค่อยากจะออกไปดูว่ามีการวางบอดี้การ์ดไว้กี่คน และวางไว้ตรงไหนบ้าง

“คุณแน่ใจนะว่าไม่ให้ผมออกไป”

โจวซิง โขกกำแพงอีกครั้ง และพูดด้วยความโมโห

เขาโกรธจนกำหมัดแน่น แววตาประกายด้วยเปลวไฟที่ลุกโชน

จ้านเซินที่กำลังอยู่ในห้องผู้ป่วยของฉินซี

“ปังๆๆ!”

จู่ๆก็มีเสียงดังลอยมาจากนอกประตู

จ้านเซินคิ้วเข้มขมวดขึ้น ปล่อยมือแล้วเดินตรงไปที่ประตู

เขาค่อยๆปิดประตู เกรงจะส่งเสียงรบกวนจนฉินซีตื่น

จ้านเซินไม่ได้สังเกตเห็นว่าตอนที่เขากำลังปิดประตูอย่างสนิทนั้น ฉินซีที่นอนปิดตาอยู่บนเตียง มีการแอบลืมตาขึ้น

นัยน์ตาทอประกายด้วยแสงสีเหลือง ดวงตาไม่มีอาการง่วงนอนแม้แต่น้อย

เธอมองไปที่ประตูอยู่สักพัก โดยไม่ไหวติง

จากนั้น สายตาของฉินซีก็มองลงที่มือของตัวเอง ที่ยังเหลือไว้ซึ่งกลิ่นอายและอุณหภูมิของจ้านเซิน

นึกถึงท่าทางของจ้านเซินที่นั่งอยู่เงียบๆข้างกายตัวเอง ฉินซีเกิดความสับสนในใจ เกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้

ทันใดนั้น เธอก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากบอกจ้านเซินอย่างไรถึงเรื่องที่ต้องการจะจากไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท