Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1366

ตอนที่ 1366

เผชิญหน้ากับสายตาที่ร้อนแรงของจ้านเซิน โจวซิงยิ้มแหยๆแล้วพูดขึ้น : “คุณจ้าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณควรต้องขอโทษผมที่คุณไม่เชื่อใจผมตั้งแต่แรก จนเลือกที่จะไปหาหมอเหยาเพื่อมารักษาฉินซี”

เขาพูดตรงๆแล้วมองไปทางจ้านเซิน ด้วยน้ำเสียงที่ไม่รื่นหู : “เพราะเหตุผลของคุณ จึงทำให้ฉินซีต้องได้รับความทรมานอีกครั้ง ยังดีที่เธอไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลถึงชีวิตเลยนะ”

ในน้ำเสียงของโจวซิง มีนัยของการคาดโทษเขา

เขาอยากจะถามจ้านเซินจริงๆ ว่าหัวใจของเขาทำด้วยเหล็กหรือเปล่า

คนธรรมดาทั่วไปที่เลี้ยงสุนัขเพียงไม่กี่ปี ก็ยังมีความรู้สึกเลย

ทำไมเมื่อเปลี่ยนเป็นจ้านเซินแล้ว เพื่อนที่คอยเคียงข้างต่อสู้กับเขาด้วยกันมากว่าสิบปี ทำไมถึงไม่มีค่าสักสลึงเดียว

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าตั้งคำถามต่อหน้าเขา สงสัยถึงการตัดสินใจของเขา อีกทั้งยังต้องการให้เขาทำการขอโทษ

บอดี้การ์ดรู้ว่าอารมณ์ของโจวซิง ไม่ค่อยจะดีนัก อีกทั้งยังใจกล้าอีก

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะใจกล้าถึงเพียงนี้

หรือว่า โจวซิงไม่กลัวว่าจ้านเซินจะชักปืนออกมาสนั่นยิงสมองของเขาให้แหลกกระจุย

บอดี้การ์ดส่ายหัวในใจ อดไม่ได้ที่จะถอนลมหายใจ ช่างเป็นลูกวัวแรกเกิดที่ไม่รู้จักเกรงกลัวเสือจริงๆ

เห็นทีโจวซิงต้องไม่เคยเห็นเวลาที่จ้านเซินโมโห สามารถฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา

ถ้าหากเคยเห็นความโหดร้ายของจ้านเซิน ก็คงจะไม่กล้าอวดดีต่อหน้าเขาเช่นนี้

สามคนนี้เห็นความใจกล้าของ โจวซิง ทำให้ถึงกับเหงื่อตก

แต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้าลุกขึ้นยืนมาช่วยโจวซิงพูด เพราะเกรงว่าจะทำให้เดือดร้อนไปด้วย

จ้านเซินได้ยินเขาพูดเช่นนี้ นัยน์ตาก็เปล่งประกายแสงแห่งความกระหายเลือด

มือของเขาลูบไล้อยู่ที่เอว ราวกับว่าจะกระทำการชักปืนออกมา แล้วฆ่าโจวซิงทิ้งเสีย

ในขณะที่ทุกคนคิดว่าจ้านเซินจะจัดการกับโจวซิงนั้น เขากลับยิ้มขึ้นฉับพลัน

นี่เป็นครั้งแรกที่สามคนนี้ เห็นรอยยิ้มของจ้านเซิน

ต้องยอมรับว่ารอยยิ้มของจ้านเซินนั้นดูดีมาก เพียงแต่เขาในฐานะผู้นำ ทุกๆวันนอกจากมีใบหน้าที่เย็นชา ก็ไม่มีสีหน้าอารมณ์อื่นเลย

เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ทุกคนก็คิดว่าใบหน้าเขาเป็นอัมพาต ทำให้ไม่สามารถยิ้มได้

คิดไม่ถึงว่าวันนี้พวกเขาจะโชคดี มีโอกาสได้เห็นถึงรอยยิ้มของจ้านเซิน

และก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดไปถึงคืนนี้หรือเปล่า จ้านเซินคงไม่ฆ่าคนปิดปากนะ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สามคนนี้ก็ถึงกับตัวสั่นสะท้านไปหนึ่งที

แต่โจวซิงกลับยังคงยืนเอวตรงอยู่ที่เดิม เรากับว่าเขาไม่รู้สึกถึงภัยอันตราย ดวงตาจ้องมองจ้านเซินและประจันหน้ากับเขา

จ้านเซินนับถือความใจกล้าของโจวซิง ถ้าเขาเป็นคนว่านอนสอนง่าย เป็นหุ่นยนต์และทำงานให้กับเขา คงจะเป็นอาวุธที่ไม่เลวเลยทีเดียว

เพียงแต่…..

โจวซิงดื้อรั้นเกินไป มีนิสัยที่เอาแต่ใจ หากต้องการฝึกเขา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย

แต่ก็คงไม่ยากเกินไปสำหรับผู้เฒ่าที่อยู่ไหนองค์กรเหล่านั้น

พวกเขากำลังกังวลว่าจะหา “ของเล่น” ที่เหมาะสมได้จากที่ไหน เพื่อให้พวกเขาได้ฝึกซ้อมฝีมือ

ดังนั้น ครั้งนี้จ้านเซินจึงเกิดความคิดที่จะพาโจวซิงกลับไปด้วย

สายตาของเขามองสำรวจโจวซิงตั้งแต่หัวจรดเท้า

แววตาดูเหมือนกับเป็นการเลือกสินค้า ทำให้โจวซิงถึงกับรู้สึกอึดอัด ยิ่งไปกว่านั้นก็คือรู้สึกอาย

โจวซิงจ้องจ้านเซินด้วยความโกรธ : “คุณจ้าน ทำไมคุณถึงไม่พูดล่ะ เป็นเพราะถูกคำพูดของผมเมื่อสักครู่นั้นจี้จุดเข้าให้ จนถึงกับระแวง หรือว่าไม่กล้าลดศักดิ์ศรีเพื่อทำการขอโทษ”

เขายกมุมปากขึ้นพูดอย่างประชดประชัน : “นึกไม่ถึงว่าคนใหญ่คนโตอย่างคุณจ้าน เมื่อทำผิดแล้วก็ไม่กล้ายอมรับ ถ้าแพร่ออกไป ผู้คนคงนึกขำสิ้นดี”

โจวซิงจงใจทำให้จ้านเซินอับอาย เพราะต้องการเห็นมุมโกรธของเขา

แต่ว่า เขาล้มเหลว

วิธีที่เขาใช้นั้นแทบไม่อยู่ในสายตาของจ้านเซินแม้แต่น้อย

จ้านเซินพูดด้วยริมฝีปากบางๆ : “ใครบอกว่าผมทำผิด”

เขามอง โจวซิงที่แววตาแอบซ่อนด้วยความหมาย : “ที่ผมให้หมอเหยาทำการทดลองฉินซีใหม่ ก็เพื่อต้องการให้แน่ใจถึงสถานการณ์ของฉินซี ยิ่งหมอเหยาเป็นหมอประจำตัวของฉินซีตอนที่อยู่องค์กร จึงค่อนข้างจะรู้ดีเกี่ยวกับร่างกายของฉินซีมากกว่าคุณ ถ้าหากร่างกายของฉินซีรับไม่ได้ เขาก็จะหยุดทันที ในส่วนนี้หมอโจวจึงไม่จำเป็นต้องกังวล”

จ้านเซินพูดอย่างเย็นชา เพียงไม่กี่คำก็ตอกกลับคำถามของโจวซิงเมื่อสักครู่

จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ : “อีกอย่าง ถือเป็นครั้งแรกที่ผมร่วมมือกับหมอ โจว ผมเชื่อมั่นในฝีมือของคุณหมอ แต่แค่ไม่ถึงขั้นเข้าใจฝีมืออย่างละเอียด ดังนั้นเพื่อสุขภาพของฉินซี ผมถึงได้เชิญคุณหมอที่เชื่อถือได้ มาทำการทดลองเพื่อยืนยันอีกครั้ง ไม่ทราบว่าผิดตรงไหนครับ หมอโจว อาการของฉินซีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คุณว่าถูกไหม”

จ้านเซินย้อนถามขึ้นอย่างใจเย็น เขามองโจวซิงริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อย

โจวซิงมองเขาด้วยความประหลาดใจถึงคำพูดของเขาที่พูดออกมา เหนือความคาดหมายของตัวเองอย่างสิ้นเชิง

เดิมทีเขาคิดว่า จ้านเซินที่ดูเย็นชา

จะต้องเหมือนกับท่อนไม้ที่พูดไม่เป็น คิดไม่ถึงว่าเมื่อตอบโต้ขึ้นมากลับมีเหตุผลมีหลักการ

ไม่แปลกใจเลยที่จ้านเซินอายุยังหนุ่มยังแน่นก็สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งอย่างปัจจุบัน เป็นผู้นำขององค์กรที่ใหญ่ขนาดนั้น เขาช่างมีความสามารถจริงๆ

โจวซิงชื่นชมความสามารถทางความคิดเชิงตรรกะของจ้านเซิน แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบจ้านเซิน

ในใจของเขากลับยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น

ถ้าฉินซีต้องการจะหนีออกจากองค์กร เห็นทีคงจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้น และก็เป็นการยากที่ทางฝั่งลู่เซิ่นจะทำการช่วยเหลือเธอออกมา

โจวซิงขมวดคิ้วขึ้น : “ที่คุณจ้านพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล”

สาเหตุที่เขาก่อกวนความวุ่นวาย เดิมทีก็เพื่อใช้ในการเสาะหาสายที่คอยเป็นหูเป็นตาให้กับจ้านเซิน ดังนั้นตอนที่จ้านเซินมา เขาก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เพียงแต่แค่ถอนหายใจ ที่เขามาเร็วเกินไป เขายังไม่ได้ข้อมูลแม้แต่สักนิดเดียว

โจวซิงรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำการฉีกหน้าจ้านเซิน

ถ้าจ้านเซินรู้ว่าเขาคือคนที่ลู่เซิ่นส่งมา อย่าว่าแต่ลู่เซิ่น โจวเอ้อ แม้แต่ฉินซีก็คงจะถูกคุกคามไม่ใช่น้อย

จ้านเซินเห็นเขาใจเย็นลง และเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่เป็นมิตร : “ในเมื่อหมอโจวก็รู้สึกว่าที่ผมพูดนั้นมีเหตุผล อย่างนั้นต่อไปการรักษาของฉินซี ก็คงยังต้องการลำบากคุณหมออีกแล้ว”

จ้านเซินก็มีความคิดเช่นเดียวกัน

เขารู้สึกมาตลอดว่าบนตัวของโจวซิงมีจุดที่น่าสงสัย

จ้านเซินตอนนี้มีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ ถ้าหากต้องการที่จะค้นหาข้อมูลตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับโจวซิง ก็คงต้องใช้เวลาหลายวัน

ดังนั้น เขาจึงต้องเก็บโจวซิงไว้ข้างกายก่อน แล้วค่อยๆทำการตรวจสอบและเช็คอย่างละเอียด

ถ้าหากตรวจพบว่า โจวซิงเป็นไส้ศึก ก็อย่าได้หาว่าเขาจิตใจเหี้ยมโหด

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มีแสงแห่งความชั่วร้ายได้แวบเข้ามาในดวงตาดำขลับของจ้านเซิน ไวจนแทบมองไม่เห็น

โจวซิงเดิมทีคิดว่าเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าจ้านเซินจะไม่ทำอะไรเขา แต่เขาก็คงจะถูกกักขัง และไม่ยอมปล่อยเขาไป

อีกทั้งกีดกันเขาไม่ให้เข้าใกล้ฉินซี

เขาคิดไม่ถึงว่า จ้านเซินกลับยังเก็บเขาไว้เพื่อทำการรักษาฉินซีต่อ

เห็นเขาไม่ปริปากพูด จ้านเซินจึงขมวดคิ้ว : “หมอโจว คุณมีอะไรข้องใจกับคำพูดผมเมื่อสักครู่ไหม”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท