Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1365

ตอนที่ 1365

ฉินซีสอดมือซ้ายลงในผ้าห่ม แล้วก็พลิกตัวหันหลังให้กับประตู

ดวงตาของเธอบดบังด้วยหมอกจางๆ

ถึงแม้ว่าฉินซีมีความต้องการที่จะออกไปจากองค์กร แต่ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาหลายปีที่อยู่ด้วยกันมานี้ เธอก็มีความรู้สึกดีๆให้กับจ้านเซิน

แต่ว่าความรู้สึกนี้ไม่เหมือนกับความรู้สึกที่มีต่อลู่เซิ่น

ในสายตาของฉินซี จ้านเซินก็เหมือนพี่ชายคนหนึ่งที่สามารถเชื่อใจได้

เพียงแต่ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พี่ชายคนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนเย็นชาไรน้ำใจ จนทำให้เธอรู้สึกกลัวและไม่กล้าที่จะเข้าใกล้

ถ้าเป็นไปได้ ฉินซีต้องการได้ทางออกในการแก้ปัญหาที่ดี

และจะดีที่สุดถ้าจ้านเซินคิดได้ และยอมปล่อยให้เธอจากไป โดยที่ไม่มีสมาชิกในองค์กรคนใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ฉินซีมีความหวังที่สวยงามอยู่ภายในใจ เธอถอนหายใจเงียบๆ ได้แต่หวังว่าความหวังนี้จะกลายเป็นจริงให้โดยเร็วที่สุด เพราะเธอนั้นใกล้จะบ้าเต็มทนแล้ว

…..

ในขณะเดียวกัน

จ้านเซินที่ถูกลูกน้องเรียกออกไปพบข้างนอก

บอดี้การ์ดได้โค้งคำนับแล้วรายงานขึ้น : “ลูกพี่ หมอโจวเอาแต่ส่งเสียงเอะอะโวยวายอยากจะออกไปข้างนอก พวกเราจะปล่อยเขาออกไปไหมครับ”

หากไม่ได้รับการอนุญาตจากจ้านเซิน ก็ไม่มีใครกล้าที่จะตัดสินใจโดยพลการ แม้แต่เหยาจ้าวเองก็ไม่สามารถทำได้

เมื่อจ้านเซินได้ยินเขารายงานเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเข้ม : “ตอนนี้โจวซิงอยู่ไหน”

เขาหรี่ตาอย่างดุดัน มีบรรยากาศเย็นยะเยือกปกคลุมไปรอบๆ

เขาอยากรู้ว่าโจวซิง ต้องการจะทำอะไร อยากออกไปเพราะไม่ได้ถูกเรียกใช้ หรืออยากจะออกไปเพื่อส่งสาร

บอดี้การ์ดชี้จึงไปด้านหน้า : “อยู่ด้านหน้าครับ”

“หมอโจวเดินกระฟัดกระเฟียดอยู่ในบ้าน และหาวิธีที่จะออกไป แต่ถูกพรรคพวกได้รั้งตัวไว้ ตอนนี้เขากำลังโมโหอย่างมาก”

ถ้าไม่เห็นว่าโจวซิงเป็นคนที่จ้านเซินพามา พวกเขาก็คงลงไม้ลงมือเพื่อเป็นการสั่งสอนแล้ว โดยไม่สนว่าเขาจะมีสถานะอะไร รู้แต่ทำความเดือดร้อนให้พวกเขาอย่างเดียว

“อืม ทำรู้แล้ว”

จ้านเซินพยักหน้า แล้วก้าวขาเรียวยาวมุ่งเดินไปข้างหน้า

เมื่อเขาเดินออกจากประตู แล้วมองเข้าไปในห้อง ก็เห็นโจวซิงที่กำลังประจันหน้าอยู่กับบอดี้การ์ด

“พวกนายถือดียังไงไม่ปล่อยผมออกไป ผมก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับความอิสระเช่นกันนะ”

โจวซิงยืนเท้าสะเอว แล้วพูดขึ้นด้วยความโมโห

เสื้อคลุมสีขาวของเขายับเยินเนื่องจากทะเลาะกับบอดี้การ์ด ดูกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย

จ้านเซินยืนอยู่ที่เดิม แล้วมองไปยังด้านหลังของเขาอยู่สักพัก

จากนั้นเขาก็ยกเท้าก้าวเดินมาถึงด้านหน้าของ โจวซิง

“เกิดอะไรขึ้น”

เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ โจวซิงถึงกับตกใจชะงัก

เขาหันมาทันใด และเผชิญหน้ากับสายตาที่เฉียบคมคู่นั้นของจ้านเซินที่กำลังมองมาที่ตัวเอง ดูคล้ายกับอยากมองทะลุผิวหนัง และทะลุไปถึงความคิดของเขา

ในใจของโจวซิงเต้น “ตึกตัก!”

เขาแสร้งทำเป็นตกใจแล้วถอยหลังไปครึ่งก้าว

โจวซิงเอามือกุมหัวใจของตัวเอง แล้วตบเบาๆ : “คุณจ้าน นี่คุณเดินไม่มีเสียงเลยหรือ ตกใจหมดเลย คุณรู้ไหมการตกใจ อาจทำให้คนถึงตายได้นะ”

น้ำเสียงของเขามีอาการเคืองเล็กน้อย และไม่มีการให้ความเคารพเนื่องจากสถานะของเขาเลยสักนิด

เพราะถึงอย่างไรจ้านเซินก็ไม่ใช่หัวหน้าของ เขาไม่ใช่คนขององค์กร ไม่มีความจำเป็นต้องรองรับอารมณ์ของเขา

จ้านเซินมองเขาอย่างไม่ไหวติง : “หมอโจว คุณมาทําอะไรที่นี่”

เขาไม่ได้ตอบคำถามของโจวซิงแต่กลับมีการย้อนถามขึ้น

จ้านเซินจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของโจวซิง เพื่อพยายามที่จะจับผิด

สายตาที่ร้อนแรงของเขา ทำให้โจวซิงไม่กล้าที่จะผ่อนคลายความระมัดระวัง

โจวซิงแสร้งทำเป็นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ : “ก็เพราะลูกน้องของคุณนั่นแหละ ผมบอกกับพวกเขาว่าคุณได้คุณหมอคนใหม่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ผมอยู่ทำการรักษาให้กับฉินซีอีก และก็ควรปล่อยผมออกไปได้แล้ว แต่ว่าพวกเขาไม่เชื่อ และไม่ยอมให้ผมออกไป จะต้องได้รับการอนุญาตจากคุณเท่านั้น”

เขาเดินไปอยู่ข้างๆจ้านเซิน แล้วรีบพูดขึ้นทันทีทันใด : “คุณจ้าน คุณรีบบอกลูกน้องของคุณ ให้พวกเขารีบปล่อยผมไปสิ เพราะถึงผมอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด ให้ผมได้กลับไปอยู่ที่โรงพยาบาลเดิมของผม อย่างน้อยๆผู้ป่วยที่นั่นและครอบครัวยังมีความเชื่อมั่นในตัวผม ที่ทำให้ผมยังรู้สึกภาคภูมิใจ”

น้ำเสียงของโจวซิงซ่อนอารมณ์โกรธเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเนื่องจากจ้านเซินไม่เชื่อมั่นในตัวเขา ต้องการที่จะทำการทดลองใหม่ให้กับฉินซี อีกทั้งยังมีการเชิญแพทย์ท่านอื่น จึงทำให้เขาไม่พอใจ

การกระทำของจ้านเซิน บ่งบอกให้รู้ว่าไม่เชื่อมั่นในตัวเขา

คำโบราณกล่าวไว้ว่า จะใช้ใครก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าใช้

โจวซิงเองก็เป็นคนที่หยิ่งผยองคนหนึ่ง เมื่อโดนจ้านเซินดูถูกเช่นนี้ ก็เป็นธรรมดาที่เกิดอาการไม่พอใจ

จุดนี้ เป็นคนธรรมดาทั่วไปก็สามารถเข้าใจได้

จ้านเซินก็ฟังออกถึงความหมายของเขา : “หมอโจว คุณอยู่ต่อเถอะคุณยังมีประโยชน์อย่างอื่น”

เขาไม่มีความคิดที่จะปล่อยตัวโจวซิง : “เมื่อสักครู่ หมอเหยาได้ทำการทดลองให้กับฉินซีเสร็จแล้ว…..”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสียงของจ้านเซินก็หยุดชะงักขึ้น

เมื่อโจวซิงได้ยินว่าฉินซีได้ทำการทดลองเสร็จแล้ว หัวใจของเขาก็จุกขึ้นมาทันที

เขาไม่รู้ว่าเหยาจ้าวจะทดทองเจอสิ่งที่ผิดปกติหรือเปล่า ถ้าหากพูดเรื่องลู่เซิ่นออกมา อย่างนั้นแผนการของพวกเขาก็คงจะล่มไม่เป็นท่า

“เหอะๆ ผลการทดลองเป็นอย่างไร”

โจวซิงได้กลั้นหายใจ แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่ข้างในนั้นวิตกกังวล

เขารู้สึกถึงกล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขานั้นตึงไปหมด

จ้านเซินมองดูเขาที่ตัวตึงไปหมด หรี่ตาอย่างดุดัน : “แล้วหมอโจวคิดว่าผลออกมาเป็นอย่างไรล่ะ”

เขาไม่ได้ตอบคำถามของโจวซิง แต่กลับโยนคำถามกลับไปให้เขา

โจวซิงเห็นเขาจงใจเล่นตลกกับตัวเอง ไม่บอกคำตอบให้กับเขา จึงทำให้ความโกรธที่อยู่ในใจได้พุ่งสูงปรี๊ด

เขาจ้องเขม็งจ้านเซิน : “คุณจ้าน ถึงอย่างไรผลที่ได้จากการทดลองของผมก็เหมือนกับที่ผมบอกคุณ อาการฉินซีนั้นรุนแรง ถ้าหากคุณไม่เชื่อ อย่างนั้นผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ และขอให้คุณจ้านโปรดปล่อยผมไปเสียที จากนั้นฉินซีจะดีหรือร้าย จะเป็นหรือตาย ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผมอีก”

โจวซิงพูดอย่างหงุดหงิด แล้วคิดในใจ หรือว่าเหยาจ้าวจะเจอความลับที่ฉินซีปกปิดแล้ว อย่างนั้นเขาจะต้องรีบหาวิธีแจ้งกับลู่เซิ่นกับโจวเอ้อให้โดยเร็วที่สุด ให้พวกเขาทำการเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

จ้านเซินมองเขาที่ท่าทางหงุดหงิด นัยน์ตาดำขลับเปล่งประกายด้วยแสงสลัว : “หมอโจว คุณอย่าใจร้อนสิ ผมยังไม่ทันได้บอกผลสรุปเลย”

เขาจงใจหลอกล่อโจวซิง เห็นเขาที่ใจร้อนดุจกองไฟ ความชั่วร้ายก็บังเกิดขึ้นในใจ

“ผลสรุปของหมอเหยา เหมือนกับสิ่งที่คุณพูด หมอโจวคุณถูกแล้ว”

จ้านเซินพูดช้าๆ คำพูดที่พูดออกมานั้นช่างเย็นชา

ถึงแม้ว่าโจวซิงจะได้รับการยอมรับจากเขา แต่กลับไม่รู้สึกถึงความดีใจเลยแม้แต่น้อย

เขาไม่คิดว่าจ้านเซินกำลังชื่นชมเขา

จ้านเซินก็แค่ไม่อยากปล่อยเขาไปเท่านั้นเอง หรือบางทีแค่รู้สึกว่าเขานั้นยังมีประโยชน์อยู่

หรือไม่ก็กังวลว่าถ้าปล่อยเขาออกไปแล้ว จะนำความเดือดร้อนมาให้ในภายหลัง ดังนั้นจึงได้คุมตัวเขาไว้ก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีหลังหลังจากที่กลับไปองค์กรแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท