Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1386

ตอนที่ 1386

บทที่ 1386 สาวรุ่นแรกแย้ม

ถังย่าเพิ่งจะพูดจบ ลู่เซิ่นก็ปฏิเสธข้อเสนอของเธอเสียงดังเฉียบขาด

อยากจะให้เขาไปจากฉินซี นอกจากความตายเท่านั้น

น้ำเสียงของลู่เซิ่นแข็งกร้าว ไม่เหลือพื้นที่ให้เจรจา

ทัศนคติของเขา ทำให้ถังย่าขมวดคิ้ว “ลู่เซิ่น คุณก็น่าจะรู้ จ้านเซินไม่มีทางยอมปล่อยฉินซีไปง่ายๆ แน่ องค์กรก็ไม่มีทางเช่นกัน”

อันที่จริง ถังย่าไม่เข้าใจความคิดของลู่เซิ่นนัก

เธออยู่ข้างนอกนานเข้า ก็ค่อยๆ เข้าใจอารมณ์ของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงมากมายและซับซ้อน

ถังย่าเคยเห็นคู่รักมากมายที่รักกันปานกลืนกิน สัญญาจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย ไม่นานก็แยกทางใครทางมัน กระทั่งทะเลาะกันจนฆ่าตัวตาย

ความรู้สึกเช่นนี้ ควรค่าอย่างนั้นหรือ

ในสายตาของถังย่า มันไม่คู่ควรเอาเสียเลย

“ผมรู้ดี”

อยากจะให้

ฉินซีพ้นจากองค์กรยากลำบากแค่ไหน ลู่เซิ่นทำไมจะไม่รู้ล่ะ

ทว่า ต่อให้ยากลำบากแค่ไหน เขาจะต้องลองดูสักตั้ง

ขอแค่ทำให้ชีวิตที่เหลือจากนี้ของฉินซี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ให้เขาทำอะไรก็ยอม

“คุณเคยคิดมั้ยคะ ใช่ว่าคุณไม่มีฉินซีไม่ได้”

ถังย่ารู้สึก ผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างลู่เซิ่น ผู้หญิงสวยรอบตัวคงต้องนับไม่ถ้วนแน่

ฉินซีแม้จะมีคนเดียว แต่ใช่ว่าจะไม่มีใครมาแทนได้

จะว่าไป อยู่กันนานวันเข้า เมื่อฉินซีแก่ตัวลง หรือเธอได้รับบาดเจ็บ ใบหน้ากระทบกระเทือน ไม่สวยอีกต่อไป ลู่เซิ่นยังจะเหมือนตอนนี้ รักฉินซีขนาดนี้ไหม

“ไม่เคยคิด”

สามคำอีกแล้ว…

ถังย่าฟังคำตอบของลู่เซิ่นชักหมดความอดทน รู้สึกว่าไม่สามารถเจรจากับเขาได้

ไม่ว่าเธอพูดอะไร ลู่เซิ่นก็ปฏิเสธเธอทุกทาง

ท่าทางแบบนี้ ยั่วโมโหถังย่าไม่น้อย

เดิมทีเธออยากจะหารือกับลู่เซิ่นด้วยดี หาวิธีการที่ลงตัวทั้งสองฝ่าย

แม้ว่าถังย่าไม่กลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งจริงๆ แต่ก็ไม่อยากเห็นตอนที่จ้านเซินเสียใจ

เมื่อคิดถึงว่าจ้านเซินเสียใจเพราะฉินซี เธอก็รู้สึกปวดใจ

เพราะเหตุนี้ ถังย่าถึงยอมลดศักดิ์ศรี เป็นฝ่ายมาหาลู่เซิ่นเอง

แต่ลู่เซิ่นกลับเหมือนคนที่ไม่คิดอะไรทั้งนั้น คิดแต่พุ่งชน ไม่คิดถึงผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้น

ถังย่ากัดฟันพูด “ลู่เซิ่น คุณควรจะรู้ว่ากฎเกณฑ์ในองค์กรโหดร้ายแค่ไหน คนอย่างฉินซีคิดทรยศองค์กร ลงโทษสถานเบาก็ส่งใบกักบริเวณในห้อง เอาไปรักษา ให้เธอเลิกล้มความคิด แต่โดยดี ภักดีองค์กรทั้งกายใจ อุทิศตัวเองทุกสิ่งทุกอย่างให้องค์กร”

เมื่อพูดถึงรักษา ที่จริงก็คือเอาไปสั่งสอน

วิธีการสั่งสอนมีมากมาย เช่น ลงโทษทางกาย ทรมาน บำบัดจิต เป็นต้น

สรุปแล้วแต่ละวิธีไม่สบาย

ถังย่าไม่พูดอะไร สีหน้าของลู่เซิ่นบอกบุญไม่รับ

เขารู้ว่าองค์กรโหดเหี้ยมแค่ไหน จึงหวังว่าฉินซีจะหนีออกมาได้เร็ววัน

ลู่เซิ่นไม่อยากให้ฉินซีกลับไปสถานที่เฉยชาไร้หัวใจอีกแล้ว

ฉินซีสวยงามอย่างนี้ เธอควรได้ใช้ชีวิตในที่สว่าง ดวงตาที่งดงามของเธอ ควรจะได้ออกไปเห็นโลกกว้าง ไม่ใช่มือเปื้อนเลือด

“ห้องกักขังสั่งสอนไม่ได้ ยังคิดจะหนีอีก ปกติแล้วองค์กรจะเลือกจำกัดพวกเขาทิ้ง เพื่อไม่ให้พวกเขาแพร่งพรายความลับขององค์กร”

ถังย่าไม่ปิดบัง บอกความเป็นไปได้ที่ร้ายแรงที่สุดกับเขาตรงๆ

เธอหวังว่าลู่เซิ่นจะไตร่ตรองให้ดี สิ่งที่จะต้องแลกนั้นจะรับไหวหรือไม่

เมื่อได้ยิน “กำจัด” สองคำนี้ ในใจลู่เซิ่นเต้นไม่เป็นจังหวะ

อันที่จริง ลู่เซิ่นคาดเดาไว้อยู่แล้ว

องค์กรอย่างพวกเขา จะยอมปล่อยให้มีเรื่องหักหลังได้อย่างไร

ฉินซีมีชีวิตรอดมาได้ถึงตอนนี้ ทั้งหมดก็เพราะมีคนช่วย และเพราะตัวฉินซีเองก็มีประโยชน์กับองค์กรมาก เธอคือกำลังขององค์กร เช่นเดียวกับถังย่า เป็นมีดที่ดีที่สุด

คืออาวุธที่ดีเยี่ยมซึ่งอาจบ่มเพาะไม่ได้อีกหลายสิบปีในองค์กร พวกคนเก่าแก่ของห้องทดลองทุ่มเทกำลังกายกำลังใจมากมาย ถึงจะปั้นฉินซีอย่างทุกวันนี้ได้ จะยอมให้เธอตายง่ายๆ ได้อย่างไร

ดังนั้น เมื่อองค์กรรู้ว่าฉินซีมีความคิดจะหนีไป ปฏิกิริยาแรกคือจับเธอกลับมา แล้วล้างสมองใหม่ เพื่อให้เธออยู่ต่อไป

เพียงแต่ ความมุ่งมั่นของฉินซีแน่วแน่กว่าคนอื่น

เรื่องใดที่เธอแน่ใจแล้ว อยากจะเปลี่ยนแปลง เป็นไปไม่ได้

ดังนั้น การล้างสมองจึงไม่สำเร็จ

อีกอย่างหนึ่ง จ้านเซินยังมีความรู้สึกพิเศษกับฉินซี ฉินซีถึงได้มีชีวิตมาถึงตอนนี้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถังย่ารู้สึกอิจฉาขึ้นมาแวบหนึ่ง

เป็นสมาชิกขององค์กรเหมือนกัน เป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถมากที่สุดของจ้านเซินเหมือนกัน แต่การตอบแทนของเธอกับฉินซีช่างแตกต่างกันสิ้นเชิง

แม้ว่าลูกน้องจะปฏิบัติต่อเธอกับฉินซี ให้ความเคารพเหมือนกัน แต่ใจของจ้านเซินเอนเอียงไปทางฉินซีอยู่เสมอ มีภารกิจอะไรก็ให้เธอไปทำก่อน และเป็นเรื่องที่อันตรายที่สุดด้วย

ถังย่าหลับตาเพื่อ ปิดบังความรวดร้าวใจ

แต่ลู่เซิ่นความรู้สึกไวรับรู้ได้ว่าเธอผิดปกติ

ถังย่าแม้จะมีความสามารถเกินใคร แต่ในด้านอารมณ์อ่อนไหวมาก

เธอไม่รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองแผ่ออกมา จนกระทั่งลู่เซิ่นรับรู้ได้

ลู่เซิ่นมองเธอ กระซิบ “ถังย่า คุณชอบจ้านเซินใช่มั้ย”

เขาถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

คำถามที่เกิดขึ้นกะทันหัน เหมือนฟ้าผ่า กระแทกใจของถังย่าอย่างจัง

ถังย่าเงยหน้าทันที มองเขาอย่างตกใจ “คุณพูดอะไร!”

เธอพูดอย่างตื่นเต้น ลุกพรวด

ถังย่าค่อยรู้สึกตัว เมื่อครู่ตัวเองตื่นเต้นเกินไป

เธอสูดลมหายใจลึก บังคับให้ตัวเองสงบลง “ประธานลู่ กรุณาอย่าสงสัยความภักดีของฉันต่อองค์กร ฉันไม่เหมือนกับฉินซี ฉันเป็นทารกที่ถูกทิ้ง เป็นเด็กกำพร้าที่องค์กรเก็บมาเลี้ยง องค์กรให้จิตใจ ให้ชีวิตฉัน ให้ฉันอยู่อย่างแข็งแรง เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ มีชีวิตที่สุขสบายอย่างนี้”

ถังย่าจำได้ดีว่าองค์กรดีกับเธอมาตลอด คอยช่วยเหลือเธอ เธอไม่ใช่คนที่จะเนรคุณ

เธอมีปฏิกิริยารุนแรง ไม่ว่าใครก็ดูออก ความรู้สึกของเธอต่อจ้านเซินไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน

ถังย่าในด้านความรู้สึก เป็นแค่กระดาษขาวว่างเปล่า

แต่ว่า เพราะการปฏิบัติงานช่วงก่อน จ้านเซินให้เธออยู่กับฉินซี เฝ้าเธอ จึงได้รู้จักกับลู่เซิ่น

เห็นความรักระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่น ถังย่าค่อยๆ ฉลาดขึ้น

ถังย่าเหมือนสาวรุ่นแรกแย้ม ยังอยู่ในขั้นไม่เข้าใจ

เธอไม่รู้ว่าต้องปิดบังใจของตัวเองอย่างไร เรื่องนี้องค์กรไม่เคยสอน ถึงได้ถูกลู่เซิ่นเล่นลูกไม้ได้ง่ายๆ

คิดถึงตรงนี้ ถังย่ายิ่งโกรธ มือข้างตัวกำหมัดแน่น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท