Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1384

ตอนที่ 1384

บทที่ 1384 มาเยือนถึงที่

“หึๆ”

จ้านเซินเผยอมุมปากยิ้มเย็น รอบตัวแผ่รังสีอำมหิต

ขณะเดียวกัน

ลู่เซิ่นกำลังสอบสวนลูกน้องของจ้านเซิน

ลู่เซิ่นไม่ได้ใช้วิธีลงโทษรุนแรง เพียงแต่ขังในห้องเล็กมืดสนิท

เดิมเขาอยากจะบีบให้บอดี้การ์ดสารภาพ แต่ใครจะไปรู้ อีกฝ่ายถึงแม้จะอยู่ในห้องมืดมาสองวันแล้ว ไม่ปริปากสักคำเดียว ราวกับตัวเองพักผ่อนสบายอยู่ที่บ้าน

ลู่เซิ่นรู้สึกเหลือเชื่อ

เขาเดินเข้าไปในห้องมืด มองดูบอดี้การ์ดที่ถูกปิดตา มัดกับเก้าอี้ สีหน้าเคร่งขรึม

ขณะที่มองไม่เห็น การฟังของคนก็จะอ่อนไหวมากขึ้น

ยิ่งเป็นบอดี้การ์ดที่ถูกส่งมา และยังเคยผ่านการฝึกฝนพิเศษที่องค์กรมาก่อน

เมื่อลู่เซิ่นเดินเข้ามา บอดี้การ์ดก็รู้แล้ว

มองผิวเผินเขายังคงนั่งไม่ขยับเขยื้อน นิ่งสงบมาก แต่ในใจตื่นเต้น กล้ามเนื้อเกร็งนิดหนึ่ง

ลู่เซิ่นมองอารมณ์ของเขา พูดเรียบๆ “ฉันรู้ว่าตอนนี้นายกลัวมาก ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก แค่ตอบคำถามตามจริง ก็จะปล่อยนายไป”

เขาไม่เหมือนกับคนขององค์กรจ้านเซิน เขามีเลือดมีเนื้อ มีความรู้สึก ไม่มีทางฆ่าคนบริสุทธิ์

ลู่เซิ่นรู้ดี ลูกน้องของจ้านเซิน ส่วนใหญ่ชีวิตทุกข์ยาก เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง

เดิมพวกเขาก็น่าสงสารอยู่แล้ว และยังถูกองค์กรซื้อไป ฝึกฝนจนกลายเป็นเครื่องจักรไร้ความรู้สึก นี่เป็นเรื่องที่น่าสงสารมากพอแล้ว

พวกเขาไม่ได้ผิดอะไร ผิดที่จ้านเซินและองค์กรนั่นที่ไม่มีความเป็นมนุษย์

เมื่อนึกถึงตอนแรกที่ฉินซีถูกปฏิบัติผิดปกติคนทั่วไปในองค์กรนั่น ลู่เซิ่นแทบรอไม่ไหวที่จะกำจัดองค์กรให้สิ้นซาก

“คุณไม่ต้องถามแล้ว ผมจะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น”

เสียงของบอดี้การ์ดชุดดำแหบแห้ง น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ราวกับเครื่องจักรที่ถูกโปรแกรมมาอย่างดี

เขาทำราวกับไม่รู้ว่าความกลัวคืออะไร ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ก็ปฏิเสธเงื่อนไขของลู่เซิ่นทันที

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว แต่ยังไม่ยอมแพ้ “นายไม่อยากรู้หรือไงฉันจะถามอะไร บางทีอาจไม่ใช่เรื่องที่เป็นอันตรายกับนายนะ”

เขาพยายามโน้มน้าวใจ แต่บอดี้การ์ดก็ไม่สนใจ

บอดี้การ์ดเงยหน้า มองไปทางที่เขายืน “ไม่ว่าคำถามคืออะไร ผมก็ไม่พูดทั้งนั้น ผมไม่มีทางที่จะทรยศหัวหน้าของพวกเรา ยิ่งไม่มีทางทรยศองค์กร”

เขาถูกองค์กรล้างสมองแล้ว อุดมการณ์ที่หยั่งรากลึกมาหลายสิบปี ฝังในใจเขาลึกมาก ใช่ว่าลู่เซิ่นพูดแค่ไม่กี่คำก็จะถอนรากถอนโคนได้ง่ายๆ

ลู่เซิ่นถึงกับสงสัย บอดี้การ์ดที่อยู่ตรงหน้า เตรียมแหลกลาญไปด้วยกันแล้ว

ถ้าเขาเค้นถามไม่สำเร็จ บอดี้การ์ดอาจจะใช้วิธีสละชีวิตตัวเอง เพื่อปกป้ององค์กรและจ้านเซิน

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ลู่เซิ่นย่นคิ้ว รู้สึกกลุ้มใจ

เขาไม่อยากเป็นคนไร้หัวใจ ลงโทษบอดี้การ์ด

ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็จะไม่ต่างอะไรกับจ้านเซินและองค์กรที่ไม่มีความเป็นมนุษย์

ถ้าฉินซีรู้เข้า จะต้องผิดหวังในตัวเขามาก

ทว่า ถ้าหากลู่เซิ่นไม่ทำอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางได้ข่าวที่ต้องการ และไม่มีทางช่วยฉินซีออกมาจากนรก

ในใจลู่เซิ่นขัดแย้งกันมาก ในที่สุดก็เลือกยอมแพ้

เขาเดินออกไปจากห้องมืด ปิดประตูล็อกตามเดิม

ได้ยินเสียงฝีเท้าของลู่เซิ่นห่างออกไป ดวงตาของบอดี้การ์ดที่ถูกปิดอยู่ก็มีแววตาแปลกใจ

ทีแรกเขาคิดว่าลู่เซิ่นจะลงโทษเขา เขาคิดไว้แล้ว เตรียมฆ่าตัวตาย แต่ลู่เซิ่นกลับปล่อยเขา

เพราะอะไรกันนะ

บอดี้การ์ดไม่เข้าใจ ไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้สักนิดเดียว

ลู่เซิ่นเพียงแค่ไม่อยากให้ฉินซีผิดหวังเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นใดทั้งนั้น

เขาไม่ได้ข่าวที่มีประโยชน์จากบอดี้การ์ด ทำได้แค่กลับไปหาโจวเอ้อ หาแผนการณ์ใหม่

โจวเอ้อคอยสังเกตสถานการณ์ช่วงนี้ และความเคลื่อนไหวของจ้านเซินตลอด

เขาเล่าเรื่องวันนี้ให้ลู่เซิ่นรู้ “วันนี้ข้าเห็นจ้านเซินรีบร้อนออกไป สักชั่วโมงหนึ่งก็กลับมา ข้าเลยตามไป มองไกลๆ เหมือนจะเห็นถังย่า เลยเข้าไปสืบ ใช่เธอจริงๆ ด้วย”

สายตาของลู่เซิ่นมีประกายที่มองความหมายไม่ออก

เขาพูดขึ้นเสียงแหบแห้ง “นายบอกว่าถังย่ากลับมาแล้วหรือ”

สีหน้าของลู่เซิ่นเคร่งขรึมมากขึ้น เดิมทีจ้านเซินคนเดียวก็รับมือยากแล้ว ตอนนี้ถังย่าเพิ่มมาอีกคน นี่มันผีซ้ำด้ำพลอยชัดๆ

ตั้งแต่เรื่องครั้งก่อน ลู่เซิ่นก็รู้แล้วจ้านเซินกับถังย่าคือพวกเดียวกัน

ถังย่าต้องถูกจ้านเซินเรียกมาช่วยแน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย

วิธีการและความสามารถของถังย่า ลู่เซิ่นเคยประจักษ์มาแล้ว เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่นิดเดียว

“ใช่แล้ว”

โจวเอ้อพยักหน้า รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

ขณะที่ทั้งสองคนคุยกันเรื่องถังย่า ประตูคฤหาสน์ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น

เสียงที่ดังขึ้นกะทันหัน ทำให้ทั้งสองคนตื่นตัว

ลู่เซิ่นประสานสายตากับโจวเอ้อ ต่างรู้สึกกังวล

ที่ตั้งคฤหาสน์แห่งนี้ไม่สะดุดตา พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาไม่นาน คนที่รู้ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ใครกันที่มาเวลานี้

ลู่เซิ่นมีลางสังหรณ์ในทางไม่ดี สายตาเย็นชา

โจวเอ้อใจเต้นตุบตับ เขาพูดขึ้นก่อน “ข้าไปดูเอง”

เขาหยิบอาวุธขึ้นมาจากในกระเป๋า เดินไปทางประตูอย่างระมัดระวัง

ลู่เซิ่นรีบลุกขึ้น เดินไปด้านหลังเสา เพื่อซ่อนตัว

เขาเหมือนเสือดาว สายตาจ้องมองที่ประตูเขม็ง ถ้ามีอะไรผิดปกติ ลู่เซิ่นจะลงมือทันที ปลิดชีพเหยื่อ

โจวเอ้อเดินไปที่ประตู สูดลมหายใจเข้าลึก

หลังจากมองผ่านตาแมวเห็นว่าคนที่อยู่ข้างนอกคือใคร แววตาประหลาดใจ

โจวเอ้อมองไปทางลู่เซิ่นที่ซ่อนด้านหลังเสา กระซิบ “ใช่ ถังย่า”

พูดถึงเธอ เธอก็มาจริงๆ

พวกเขาเพิ่งจะพูดถึงถังย่า ตอนนี้เธอมาแล้ว

โจวเอ้อถึงกับสงสัย ถังย่ามีความสามารถอะไร ทำไมมาได้พอดิบพอดีขนาดนี้นะ

ลู่เซิ่นอ่านจากปากของเขาคือถังย่า รู้สึกแปลกใจมาก

ถังย่ามาหาพวกเขาทำไมกัน

หรือว่าจ้านเซินส่งเธอมา เธอมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่

“เปิดประตู”

ลู่เซิ่นเก็บอาวุธในมือ กลับไปนั่งที่โซฟา พูดเสียงเรียบ

โจวเอ้อเห็นท่าทางเขาผ่อนคลายอย่างนั้น ก็พูดอย่างกังวล “นายอย่าเพิ่งวางใจ ไม่แน่ถังย่าอาจจะพาคนมาจับพวกเรา!”

เขาสังเกตความเคลื่อนไหวของถังย่า พลางเตือนสติลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นดื่มชาสีหน้าไม่ตื่นเต้น “สบายใจเปิดประตูเถอะ เธอไม่ทำหรอก”

เท่าที่ลู่เซิ่นเข้าใจถังย่า ครั้งนี้เธอน่าจะมาคนเดียว หรือเพียงแต่พาผู้ช่วยมาด้วยเท่านั้น

“นายแน่ใจนะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท