ทที่ 1377 เกิดเรื่องแล้ว
ลู่เซิ่นหยิบแผนที่ที่พิมพ์ออกมาแล้วออกมาจากในลิ้นชัก วางแผนหาเส้นทางเข้าไปใหม่
หลังจากตระหนักได้ถึงความแน่นหนาในการป้องกันของโรงพยาบาล เดิมทีโจวเอ้อที่มองโลกในแง่ดีค่อยๆ หายไปตามอารมณ์
บรรยากาศในห้องหนังสือกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ
“หรือ พวกเราจะสร้างขึ้นมาเอง”
ลู่เซิ่นที่กำลังหมุนปากกาอยู่ในมือ พูดขึ้นมากะทันหัน
การจะเข้าทางปกติเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่หาวิธีอื่น
เขามองไปที่ลู่เซิ่นอย่างตื่นเต้น เลือดในใจร้อนขึ้น
ถึงแม้จ้านเซินจะร้ายกาจมาก แต่ใช่ว่าเขาและลู่เซิ่นจะยั่วยุได้ง่ายๆ
ลู่เซิ่นวางปากกาในมือลง จัดการวางแผน : “โจวเอ้อ คุณจัดการหาคนที่ไว้วางใจได้มาสักสามสี่คน ให้พวกเขาขุดอุโมงค์ไปทางสวนด้านหลังโรงพยาบาลข้ามวันข้ามคืน จำไว้ ต้องทำอย่างลับๆ อย่าให้พวกสายตาสอดส่องของจ้านเซินเห็นพิรุธ”
เขาพูดอย่างเคร่งขรึม แววตาส่องประกายไฟร้อนแรง
“ได้”
โจวเอ้อพยักหน้า ในใจประหม่าเล็กน้อย
จากข้อมูลที่โจวซิงสอบถามมาให้ สายตาที่จ้านเซินจัดไว้ทั้งหมด จะมีการเปลี่ยนผลัดทุกๆ สิบสองชั่วโมง โจวเอ้อเตรียมลงมือตอนนั้น จัดการหนึ่งคนในนั้น และเปลี่ยนตัวเองเข้าไปแทน ปลอมตัวพาคนเข้าไปขุดอุโมงค์
คิดจะทำก็ทำเลย
โจวเอ้อคว้าโอกาสไว้อย่างรวดเร็ว ปลอมตัวเป็นหนึ่งในยามได้สำเร็จ
“รีบเอาเขาไปขังไว้ อย่าให้เขาออกมาได้เด็ดขาด”
โจวเอ้อส่งยามที่สลบอยู่ให้ลูกน้อง ออกคำสั่งน้ำเสียงเร่งรีบ
หลังจากโจวเอ้อรอจนกระทั่งเห็นยามถูกเคลื่อนย้ายไปกับตา เขาจึงวะวางใจและกลับไปยังตำแหน่งแทนเขา
คนที่เหลือ เริ่มขุดอุโมงค์ภายใต้การดูแลของโจวเอ้อ
……
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากจ้านเซินได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้า ก็เดินออกไปจากห้องพักคนไข้
เขากดรับสายและพูดเสียงเบาว่า : “ฮัลโหล”
ถึงแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่โทรศัพท์สายนี้ของเขามาได้เวลาพอดี
ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์สายนี้ ไม่แน่ตอนนี้จ้านเซินอาจจะใจอ่อนยอมทำตามคำขอร้องของฉินซี
จ้านเซินรู้สึกว่าช่วงนี้การเปลี่ยนแปลงของตัวเองไม่ค่อยปกติ
ถึงขนาดเขาอยากไปหาเหยาจ้าวเพื่อตรวจสุขภาพจิต ดูว่าเขาไม่สบายรึเปล่า
ความคิดนี้แค่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ก็ถูกจ้านเซินทำลายลง
เขาเป็นผู้นำขององค์กร ถ้าเกิดเขาตรวจแล้วเจอโรคอะไรไม่ดีออกมา คนในองค์กรจะตื่นตระหนก ถึงตอนนั้นจะวุ่นวายกันไปหมด
“จ้านเซิน ฉันเอง”
ถังย่าส่งเสียงนิ่งเรียบผ่านมาในโทรศัพท์
เธอนั่งอยู่ในห้องสอบสวน ปากยังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ท่าทางสบายๆ
หลอจี่หอางมองเธอ รู้สึกเหมือนเธอมาพักร้อน ไม่ได้รับการตรวจสอบ
คิดถึงที่ถังย่าเพิ่งจะทำไปทั้งหมดเมื่อกี้ เขาก็อดส่ายหน้าไม่ได้ รู้สึกแปลกอย่างอธิบายไม่ได้หลังจากนี้ถ้าใครได้อยู่กับเธอ คงน่าสงสารน่าดู
ผู้หญิงที่แข็งแกร่งอย่างนี้ ต้องเป็นผู้ชายแบบไหนถึงจะกดเธอลงได้
ในที่สุด หลอจี่หอางก็ได้เห็นอย่างรวดเร็ว อะไรที่มีพลังสุขุมมากกว่าถังย่า
“ตอนนี้ฉันอยู่สถานีตำรวจ รบกวนคุณช่วยมาประกันตัวฉันหน่อย”
เวลาที่ถังย่าอยู่ด้านนอก จะเรียกชื่อจ้านเซินตรงๆ เพื่อป้องกันการเปิดเผยเรื่องราวขององค์กร
ดังนั้นหลอจี่หอางพอจะรู้สึกได้ว่า คนในโทรศัพท์นั่นน่าจะเป็นคนที่สนิทกับถังย่า
ได้ยินว่าถังย่าถูกจับไปสถานีตำรวจอีกแล้ว จ้านเซินขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก
เขากลับไม่รีบร้อนไปช่วยถังย่า แต่กลับสอบถามอย่างนิ่งเฉยว่า : “ครั้งนี้เพราะอะไรอีกละ?”
ถังย่าเข้าออกสถานีตำรวจจนกลายเป็นเรื่องปกติ เขาไม่สงสัยอะไร ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ถังย่าคงรู้จักตำรวจทั้งสถานีตำรวจไปแล้ว
“เมื่อกี้บนถนนมีลูกเศรษฐีมาอวดเงินเหม็นๆ กับฉัน กล้ามาล้อเล่นกับฉัน ฉันก็เลยเอามีดออกมาขู่เขาสักหน่อย กลายเป็นว่าไอเด็กขี้ขลาดนั่นกลับเป็นลมไป จากนั่นตำรวจก็หาว่าฉันฆ่าคนกลางถนน และจับฉันมา”
ถังย่าพูดอย่างไร้หนทาง ฟังดูราวกับโดนรังแกยังไงยังนั้น
เธอไม่คิดว่าตัวเองทำผิดอะไรตั้งแต่แรก สิ่งนี้ทำให้หลอจี่หอางหงุดหงิดมาก
เดิมที่เขาอยากจะกล่อมเกลาถังย่า แต่อีกฝ่ายกลับหัวแข็งเหมือนก้อนหินโง่ สอนยังไงก็สอนไม่ได้
ถังย่าเป็นคนดื้อ เลยไม่คิดจะเอาคำพูดเหล่านั้นมาใส่ใจ
หลอจี่หอางรู้สึกกระทั่งว่าถังย่าไม่ได้ฟัง
จ้านเซินได้ยินเธอพูดอย่างนี้ ในหัวเต็มไปด้วยความมืดไปชั่วขณะ
ความน่ากลัวทั้งหมดของเธอ จ้านเซินพอจะเดาออกว่าเป็นยังไง
“เฮ้อ…”
จ้านเซินแอบถอนหายใจในใจเบาๆ แต่ไม่ได้ตำหนิเธอ
เดิมที่เขาอยากจะไปรับถังย่า แต่คิดถึงฉินซีที่ยังรอตัวเองอยู่ในห้องพักผู้ป่วย จึงลังเลขึ้นมาอีกครั้ง
จ้านเซินพูดพลางขมวดคิ้ว : “ซิวหน่ายซิงไปไหน? เขาไม่ได้ไปรับเธอหรือไง?”
ได้ยินชื่อซิวหน่ายซิง ในท้องของถังย่าเกิดไฟปะทุขึ้นมาเต็มท้อง
ถังย่าตะคอกเย็นชา : “ไม่รู้ว่าเด็กบ้านนั้นไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีกแล้ว ฉันรอเขาอยู่ที่นอกสนามบินครึ่งค่อนวันไม่เห็นแม้แต่เงา วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่มา ฉันยืนรอที่หน้าประตูก็จะไม่เจอลูกเศรษฐีคนนั้น และยิ่งไม่หาเรื่องให้ตัวเองต้องไปสถานีตำรวจหรอก”
เธอพูดอย่างโกรธๆ ยิ่งพูดยิ่งโกรธ
ปกติถังย่าเบื่อความวุ่นวายที่สุด แต่ตอนนี้เธอกลับตกในความวุ่นวายที่ไม่สามารถหลบหลีกได้
ความรู้สึกอย่างนี้ ถังย่าไม่สบายใจมาก
จ้านเซินได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของถังย่า เข้าใจในทันที ความอดทนของถังย่ามาถึงที่สุดแล้ว : “ฉันรู้แล้ว เธออยู่ที่สถานีตำรวจไหน ฉันไปรับเธอเดี๋ยวนี้”
คาดว่าถ้ารอให้ซิวหน่ายซิงมาถึง ถังย่าคงโกรธจนพลิกสถานีตำรวจไปแล้ว
เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องแบบนี้ จ้านเซินตัดสินใจไปรับเขาด้วยเองน่าจะดีกว่า
ปกติถังย่าค่อนข้างสงบนิ่ง แต่อารมณ์ก็หงุดหงิดจนควบคุมไม่ได้ อย่างเช่นตอนนี้
ส่วนนี้ถังย่ารู้ดี แต่เธอกลับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อยู่ดี
ถังย่าไม่รู้ที่ตั้ง : “คุณรอก่อน ฉันไปถามตำรวจที่อยู่ข้างๆ”
เธอส่งสายตาให้หลอจี่หอางบอกที่อยู่เธอ
หลอจี่หอางพูดอย่างหมดความอดทน : “เลขที่ 22 ถนนผิงชัง”
“ฉันอยู่ที่ ถนนผิงชัง เลขที่ 22…”
ถังย่าพูดซ้ำตามหลอจี่หอางอีกครั้ง : “ฉันรอคุณที่สถานีตำรวจ”
คิดว่าจ้านเซินจะมารับตัวเอง ถังย่ารู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ
“อืม”
จ้านเซินพยักหน้า วางสายโทรศัพท์
เขากลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย เห็นด้านในมีโจวซิงเพิ่มมาอีกคน
“คุณจ้าน”
หลังจากโจวซิงเห็นเขา ทักทายอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
จ้านเซินมองผ่านเขาไปที่ฉินซี : “ถังย่ามีปัญหา ฉันออกไปแป๊บเดียว จะรีบกลับมา รบกวนหมอโจวและหมอเหยาช่วยดูแลฉินซีหน่อย”
เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงโจวซิง พูดอย่างนิ่งเฉย
“อะไร? ถังย่าเกิดเรื่อง?”