Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1404

ตอนที่ 1404

บทที่ 1404 ล้อมไว้อย่างแน่นหนา

“พวกคุณก็รู้ จ้านเซินฟังฉันมากที่สุด คุณเชื่อไหมฉันจะให้เขาไล่พวกคุณออกให้หมด!”

จนถึงตอนนี้ ฉินซีทำได้แค่ใช้จ้านเซินมาข่มขู่

หลังจากหัวหน้าบอดี้การ์ดฟังคำพูดของเธอ ก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมา : “คุณฉิน คุณว่าคุณทรยศไปแล้ว พี่ใหญ่ยังจะฟังคุณอีกไหม? และภารกิจที่ให้จับคุณขังไว้ เดิมทีพี่ใหญ่ออกคำสั่งด้วยตัวเอง”

มือที่กดไหล่ฉินซีใช้แรงเพิ่มมากขึ้นอีก

น้ำหนักมือแรงจนฉินซีรู้สึกว่ากระดูกบริเวณนั้นของตัวเองกำลังจะหักแล้ว

หัวหน้าบอดี้การ์ดยกวิทยุสื่อสารขึ้นมาและพูดกับหัวหน้าที่เคารพว่า : “พี่ใหญ่ จับคุณฉินได้สำเร็จ ให้พาไปที่คุณตอนนี้เลยไหม?”

เขาส่งสายตาสั่งให้ลูกน้องดูแลฉินซีไว้ให้ดี อย่าให้เธอหนีไปได้เด็ดขาด

ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ต้องตื่นเต้นวุ่นวายขนาดนี้

แต่กับฉินซีไม่เหมือนกัน ความน่ากลัวของเธอไม้สามารถจินตนาการได้

เดิมทีจ้านเซินยังแบ่งใจมากังวลใจเหตุการณ์ทางฝั่งของฉินซี แต่หลังจากได้ยินว่าจับฉินซีได้สำเร็จแล้ว ในใจของจ้านเซินรู้โล่งขึ้นมาหน่อย

“พามาเถอะ”

จ้านเซินคิดแล้วคิดอีก ถ้าปล่อยฉินซีไว้ตรงนั้นไม่ปลอดภัย

เธอฉลาด และในสมองมีความคิดแปลกๆ มากมาย

ถึงแม้ครั้งนี้จะใช้วิธีแบบคลื่นมนุษย์ล้อมจับฉินซีไว้ได้ แต่ใครจะรู้ระหว่างขั้นตอนการเฝ้าดูจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น

จ้านเซินไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาต้องเห็นกับตาถึงจะสบายใจ

“ได้”

หัวหน้าบอดี้การ์ดพยักหน้า ออกคำสั่งให้ลูกน้องคุมตัวฉินซีเดินไป

ตัวฉินซีเองต่อต้านไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะสลัดให้หลุด ทำได้แค่ปล่อยให้เขาดันตัวเองไปด้านหน้า

ในตอนนี้เอง

เสียงของจ้านเซินดังมาทางวิทยุสื่อสารอีกครั้ง : “ใช่แล้ว ไปหาดูถังย่ากับเหยาจ้าว ไปดูว่าพวกเขายังอยู่ในห้องกายภาพบำบัดไหม”

จ้านเซินอยากจะรู้ว่าความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้น ที่ทำให้ถังย่าไม่ส่งข่าวอะไรเลย

เมื่อกี้เขาลองเรียกไปที่วิทยุสื่อสารของถังย่าดูแล้ว แต่ฝั่งนั้นกลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย

หัวหน้าบอดี้การ์ดตอบกลับ : “ได้ พี่ใหญ่”

เขารีบจัดการส่งสองคนไปดูที่ห้องกายภาพบำบัด ตามหาถังย่าและเหยาจ้าว

……

ในขณะเดียวกัน

ลู่เซิ่นได้เดินตามอุโมงค์ที่ขุดไว้เข้ามาในโรงพยาบาลได้แล้ว

ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี ภายในโรงพยาบาลเงียบสนิท

ลู่เซิ่นเดินอย่างระมัดระวัง กลัวว่าถ้าเกิดเสียงดังขึ้นมา จะได้ยินไปถึงพวกสายตาของจ้านเซิน

เขาระมัดระวังมาตลอดทาง แต่กลับไม่เจอใครเลย

นี้ทำให้ลู่เซิ่นรู้สึกแปลก ในใจรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

แต่ ห้องพักผู้ป่วยของฉินซีอยู่ตรงหน้าแล้ว

ถ้าลู่เซิ่นต้องถอยไปอย่างนี้ เขาไม่สบายใจ

ไม่ว่ายังไง เขาต้องเห็นฉินซีก่อนถึงจะไป

และแล้ว ลู่เซิ่นก็ยังเดินเข้ามาในกับดักของศัตรูต่อไปอีก

เขาเริ่มสังเกตเห็นบอดี้การ์ดที่ดูไม่เข้าท่าเข้าทางหลายคน แต่บอดี้การ์ดกลับไม่เห็นเขา

ลู่เซิ่นเงยหน้ามองห้องที่อยู่ชั้นสองทางด้านทิศตะวันออก

ก็คือที่นี่!

แค่เขาปีนขึ้นไปตามท่อนี้ ด้านบนก็เป็นห้องของฉินซีแล้ว

ในตาของลู่เซิ่นเปล่งประกายความรุนแรง เขามองไปรอบๆ เพื่อสำรวจให้มั่นใจว่าไม่มีใครเห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้ จากนั้นจึงเริ่มลงมือปีนขึ้นไป

เขาไม่รู้ ว่าจ้านเซินรออยู่ด้านในหลายชั่วโมงแล้ว

ภายในห้องเงียบสนิท

จ้านเซินนั่งซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่ง ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังมาจากนอกหน้าต่าง

แววตาดำสนิทของเขาเปล่งประกาย : “มาแล้ว!”

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวจ้านเซินทันที มือที่อยู่ข้างตัวกำหมัดแน่น

เขากลั้นหายใจ รอให้ลู่เซิ่นผลักหน้าต่างกระโดดเข้ามา

แต่ทว่า ลู่เซิ่นกลับไม่เข้ามาในทันที

เขากระโดดเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่าง ลองสังเกตดูสถานการณ์ในห้องก่อน

ในห้องไม่ได้เปิดไฟ ฉินซีน่าจะเข้านอนแล้ว

แต่ลู่เซิ่นกลับรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย

โจวซิงน่าจะบอกแผนการให้กับฉินซีแล้ว ฉินซีรู้ว่าคืนนี้เขาจะมา ไม่น่าจะหลับได้สบายใจขนาดนั้น หรือเรื่องนี้จะมีเกลือเป็นหนอน

ตั้งแต่เริ่มเข้ามาในโรงพยาบาล ลู่เซิ่นก็ติดต่อโจวซิงไม่ได้เลย

ลางสังหรณ์ไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยความระมัดระวังป้องกัน

เขาอยู่ด้านนอกสักครู่ จ้านเซินขมวดคิ้วรออยู่เงียบๆ ตลอดเวลา และยังสั่งให้ลูกน้องเงียบไว้ห้ามเคลื่อนไหว อย่าทำให้ลู่เซิ่นรู้ตัว

ในใจของลู่เซิ่นสับสนหลายร้อยครั้ง เขาตัดสินใจลองเข้าไปดู

ถ้าเกิดพบอะไรผิดปกติ จะรีบหลบหนีโดยเส้นทางเดิมทันที

ลู่เซิ่นผลักหน้าต่างออก กระโดดเข้าไปเงียบๆ เหมือนแมว โดยไม่ส่งเสียงอะไรเลย

แต่เขาโดนจ้านเซินที่รอมานานหลายชั่วโมงเจอเข้าจนได้

ลู่เซิ่นเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาสังเกตได้ว่าในห้องไม่มีแค่ลมหายใจของคนเพียงคนเดียว

เขาตัดสินใจหันกลับ ต้องการจะหลบหนี

จ้านเซินกลับเปิดไฟขึ้นมาทันที : “อย่าขยับ!”

สายตาแหลมคมของเขามองมาที่ลู่เซิ่น ปืนในมือจ่อตรงมาที่เขา

ท่าทางรำคาญปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่เซิ่น แสงมืดมนเปล่งประกายในแววตา

เขาหันหลังให้จ้านเซิน จ้านเซินมองไม่เห็นสีหน้าของเขา

จ้านเซินเงยหน้าขึ้น และพูดอย่างเย็นชาว่า : “ทิ้งอาวุธในมือ และหันกลับมา”

เขาตะโกนอย่างรุนแรง บรรยากาศความดุเดือดปะทุออกมาทั้งตัว

ลู่เซิ่นสังเกตได้ว่าในห้องไม่ได้มีแค่จ้านเซินคนเดียว เขาโยนปืนในมือลงบนพื้น

จากนั้นเอาปืนที่ติดอยู่กับตัวอีกกระบอกหนึ่งโยนลงบนพื้นอีกครั้งตามคำสั่งของจ้านเซิน

“หึหึ…ฉันโยนไปหมดแล้ว”

ลู่เซิ่นขยับตัวช้าๆ และช่วงเวลาที่ขยับตัวนั้นเอง ก็กระโดดเข้าใส่จ้านเซินอย่างโหดเหี้ยม

ขาข้างหนึ่งของเขาเหยียบจ้านเซินไว้ และไม่คิดจะหลบหนี

ลู่เซิ่นมีสติดี เขารู้จ้านเซินวางกับดักไว้มากมาย ในห้องมีคนอยู่เยอะ เขาสู้ไม่ไหว

“พี่ใหญ่!”

บอดี้การ์ดเห็นจ้านเซินถูกทำร้าย ก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที

จ้านเซินเองก็คิดไม่ถึงว่าลู่เซิ่นจะลงมือในช่วงเวลาอย่างนี้ เขาป้องกันและหลีกเลี่ยงการโจมตีของลู่เซิ่น

ตอนที่เขาคิดจะจับมือกับลู่เซิ่น ลองดูว่าเขาร้ายกาจขนาดไหนนั้น ลู่เซิ่นกลับเก็บมือกลับไปและหมุนตัวหลบ

“จะไปไหน!”

จ้านเซินตะโกนเสียงดังและวิ่งตามไป

ตอนนั้นเอง หัวหน้าบอดี้การ์ดก็พาฉินซีเดินมาถึง

ฉินซีเห็นนาทีที่ลู่เซิ่นกระโดดหนีไปจากห้องคนไข้ หัวใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมา

“ลู่เซิ่น!”

ฉินซีร้องเรียกเสียงดัง

เมื่อคนที่คิดถึงมาวันทั้งคืน ปรากฏอยู่ตรงหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว จมูกของฉินซีเริ่มชื้น เบ้าตาแดงอย่างอดไม่ได้

ลู่เซิ่นรับรู้ได้ถึงการมีตัวตนของของเธอ : “ฉินซี”

ตอนที่เขาเห็นฉินซีโดนบอดี้การ์ดกดไว้และบนข้อมือยังไม่กุญแจมือล็อกไว้ ความโกรธแค้นในใจกลับเพิ่มขึ้นอีก

ในเมื่อจ้านเซินปฏิบัติต่อที่รักของเขาอย่างนี้

ลู่เซิ่นกำหมัดแน่น มีความคิดอยากที่จะหันกลับไปใช้ความรุนแรงจัดการจ้านเซิน

คิดถึงความทรมานที่ฉินซีได้รับเหมือนไม่ใช่คน ลู่เซิ่นอดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

เขามองไปที่ฉินซีอย่างโกรธแค้น อยากจะพาเธอออกไปด้วยกัน

ฉินซีมองท่าทางเขาอย่างหวาดกลัว และรีบส่ายหน้า : “ลู่เซิ่น คุณไม่ต้องสนใจฉัน รีบไป!”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท