บทที่ 1408 ช่วยชีวิต
ใจของโจวเอ้อสั่น เขาค่อยเอามืออังระหว่างจมูกของลู่เซิ่น
ถ้าสังเกตอย่างละเอียด จะเห็นได้ว่าตัวของโจวเอ้อสั่นน้อยๆ
เขากลัวจะได้ผลที่ไม่คาดหวัง กลัวลู่เซิ่นจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
โชคดีที่โจวเอ้อรู้สึกได้ถึงลมหายใจของลู่เซิ่น
“ฮู่…”
โจวเอ้อสบายใจขึ้นมาหน่อย
“ลู่เซิ่น อดทนอีกนิด ฉันจะพาคุณออกไปเดี๋ยวนี้”
ถึงแม้ที่นี่จะเป็นโรงพยาบาล แต่โจวเอ้อก็ไม่กล้าให้ลู่เซิ่นอยู่ที่นี่
ใครจะไปรู้ว่าจ้านเซินวางแผนกับดักอะไรไว้รอพวกเขาอีก
สภาพของลู่เซิ่นตอนนี้ ไม่มีแรงต่อสู้เลยสักนิด ถ้าพวกเขาทั้งสองคนอยู่ต่อที่นี่ก็มีแต่ตายเท่านั้น
โจวเอ้อแบกลู่เซิ่น รีบเดินออกไปทางประตู
“ช่วยด้วย! มีคนอยู่ไหม!”
เมื่อโจวเอ้อเดินไปได้ครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงตะโกนขอให้ช่วยของผู้ชายดังมาจากอีกด้านของทางเดินอย่างกะทันหัน
เสียงนี้ฟังดูคุ้นหูมาก โจวเอ้ออดใจหยุดฟังไม่ไหว
เขาตั้งใจฟังอย่างละเอียด
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้มาช่วยฉันที!”
คนที่กำลังตะโกนขอความช่วยเหลือ ก็คือโจวซิงที่ถูกจับไว้เมื่อกี้
ตอนที่จ้านเซินออกไป พาทุกคนออกไปหมด
แม้แต่คนที่เดิมทีจัดไว้เฝ้าระวังโจวซิงก็สลายตัวไปหมดแล้ว มีแค่เขาคนเดียวที่ถูกขังไว้ในห้องมืดเล็กๆ นี้
ในห้องมืดไม่มีน้ำไม่มีอาหาร เห็นได้ชัดว่าต้องการให้โจวซิงตายไปโดยไม่มีคนสนใจ
ถ้าโชคดีมีคนมาเจอ โจวซิงก็จะมีชีวิตอยู่ต่อ
ถ้าโชคไม่ดี เขาก็ต้องตายอยู่ที่นี่ ศพค่อยๆ ย่อยสลายไปตามเวลา
โจวซิงยังวัยรุ่นขนาดนั้น เขายังไม่อยากตายอยู่ที่นี่
มือของเขาโดนมัดไว้ ขาก็โดนล็อกไว้ ทำได้แค่พยายามคลานไปทางประตู
เมื่อก่อนนี้โจวซิงให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มาก ถ้าเสื้อคลุมสีขาวเปื้อนฝุ่น เขาจะถอดทิ้งทันที
แต่ตอนนี้ เพื่อรักษาชีวิต โจวซิงกลับคลานอยู่บนพื้น
โจวซิงตะโกนเรียกอยู่สักพัก จนคอแทบจะระเบิดแล้ว
เพื่อส่งเสียงให้ดังยิ่งขึ้น ให้คนอื่นได้ยินเสียง
โจวซิงคิดวิธีดีๆ ออกอีกหนึ่งวิธี
เขาย้ายเก้าที่ผูกติดอยู่ด้านหลังตัวเอง มากระแทกประตูแรงๆ
ไม้กระแทกเหล็ก เสียงดัง “ปังปังปัง!”
โจวเอ้อได้ยินเสียงที่ส่งมา คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายแบกลู่เซิ่นเดินไปทางนั้น
เมื่อกี้เขาสังเกตตอนที่จ้านเซินออกมา ข้างตัวมีแค่ถังย่า ฉินซีและเหยาจ้าว แต่โจวซิงกลับไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน
ตอนที่โจวเอ้ออยู่ด้านนอก ก็ลองพยายามติดต่อโจวซิงแล้ว แต่ก็ติดต่อไม่ได้ทั้งแต่แรก
ไม่แน่คนที่ขอความช่วยเหลืออาจจะเป็นโจวซิง คิดได้อย่างนี้ โจวเอ้อรีบก้าวขาเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“มีคนอยู่ไหม!”
โจวซิงพยายามใช้คอที่เจ็บปวดไปทั่วตะโกนเรียกเสียงดัง
เมื่อโจวเอ้อได้ยิน เป็นเสียงของโจวซิงจริงๆ ด้วย
“โจวซิง คุณอยู่ด้านในใช่ไหม?”
โจวเอ้อชะโงกหน้าไปหน้าประตู มองประตูเหล็กและถามอย่างใจร้อน
ไม่น่าเขาหาไปทั่วก็หาโจวซิงไม่เจอ ที่แท้ถูกจ้านเซินขังไว้ในนี้นี่เอง
เดิมทีโจวซิงแทบจะยอมแพ้แล้ว คิดไม่ถึงว่าโจวเอ้อจะรีบมา
ใบหน้าของเขาปรากฏความดีอกดีใจ : “โจวเอ้อ ฉันอยู่ในนี้ คุณรีบช่วยฉันออกไปหน่อย”
โจวซิงพูดอย่างดีใจ ร่างกายสั่นเล็กน้อย
จริงๆ แล้วในนี้มืดมากๆ ถึงแม้โจวซิงจะเป็นหมอด้านจิตวิทยา แต่ถูกขังไว้ตลอดก็รับไม่ค่อยไหว
โจวเอ้อเห็นเขาโดนขังไว้ด้านในจริง ก็ขมวดคิ้วขึ้น : “โจวซิง อย่าเพิ่งใจร้อน ฉันจะลองเปิดประตูเดี๋ยวนี้ คุณรอฉันหน่อย”
เขาเดินไปด้านข้างและวางลู่เซิ่นลง
โจวเอ้อขยับตัวอย่างอ่อนโยน เพื่อวางหัวของลู่เซิ่นพิงไว้กับกำแพง
เมื่อจัดการเรียบร้อย โจวเอ้อรีบไปที่หน้าประตูเหล็ก
เขาลองสำรวจโครงสร้างของประตูเหล็กดูก่อน สีหน้าเคร่งขรึม
โจวซิงที่อยู่ด้านในไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไร จึงอดกระตุ้นออกมาไม่ได้ : “โจวเอ้อ คุณทำอะไร รีบงัดประตูออกสิ”
โจวซิงถูกขังมาวันหนึ่งแล้ว ไม่อยากจะอยู่ในนี่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว
โจวเอ้อวิเคราะห์แม่กุญแจอย่างละเอียด และหยิบลวดออกมาจากตัวหนึ่งเส้น
“คุณใจเย็นหน่อย ฉันลองดูก่อน”
โจวเอ้อก็ไม่เคยทำสำเร็จสักครั้ง เขาดัดลวดเล็กให้งอนิดๆ และเข้าไปในรูกลางแม่กุญแจ
เขาลองขยับเบาๆ แต่ประตูเหล็กกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
ว่าแล้ว นี่มันประเภทเดียวกันกับประตูห้องสอบสวนในองค์กรของพวกเขา
คิดว่าถ้าทำผิดและถูกขังไว้ในนี้ ลองคิดคิดดู โจวซิงรู้สึกน่ากลัวมาก
องค์กรนี้ช่างไร้มนุษยธรรม คนปกติทั่วไปจะไปทนกับความโหดเหี้ยมนี้ได้ยังไง
“สบายใจได้ ฉันจะต้องช่วยคุณออกมาให้ได้”
โจวเอ้อ เม้มริมฝีปากสายมุ่งมั่น
ทุกครั้งที่ลอง ก็ผิดหวังทุกครั้ง
“โจวเอ้อ ตกลงคุณทำได้ไหมล่ะ!”
ในขณะที่โจวซิงควบคุมอารมณ์ไม่ได้และกำลังจะระเบิดนั่นเอง
ได้ยินเสียง “แกร๊ก!” ประตูเหล็กโดนเปิดออก
“เปิดได้แล้ว!”
โจวเอ้อสบายใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง
โจวซิงมองประตูเหล็กที่โดนเปิดออก ดีใจขึ้นมาทันที
ถึงแม้ตอนนี้อากาศด้านนอกจะมีเมฆมืดดำ แต่ดีกว่าอยู่ในนี้ไม่รู้กี่เท่า
บนตัวของโจวซิงเต็มไปด้วยโซ่เหล็ก
เขากระโดดมาตรงหน้าโจวเอ้อ : “รีบเอาของพวกนี้ออกจากตัวฉัน ฉันอั้นจนจะตายอยู่แล้ว”
ตอนนี้โจวซิงอยากรีบไปห้องน้ำ ในนั้นไม่มีอะไรเลย เขาทนมาทั้งวันแล้ว
ประตูเหล็กจ้านเซินสั่งทำเป็นพิเศษ แต่กุญแจมือบนตัวโจวซิงนั้นง่ายมากๆ
โจวเอ้อปลดล็อกกุญแจมือและโซ่ต่างๆ ทั้งหมดบนตัวเขาออกได้อย่างง่ายดาย
“ฉันไปห้องน้ำก่อน คุณรอฉันตรงนี้สักครู่”
เพิ่งจะปลดล็อกได้ โจวซิงวิ่งเร็วยิ่งกว่าอะไรพุ่งไปทางห้องน้ำ
เห็นท่าทางดีใจของเขา โจวเอ้อส่ายหน้า ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เดิมทีครั้งนี้โจวเอ้อคิดว่าลู่เซิ่นกับโจวซิงคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี
คิดไม่ถึง จ้านเซินยังไว้ชีวิตพวกเขา โดยไม่ฆ่าให้ตาย
ในระหว่างนั้น จิตใจของโจวเอ้อสับสนขึ้นมา
เขาเดาไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมจ้านเซินคิดอะไรอยู่ ถึงเลือกทำอย่างนี้
หรือเพราะการอ้อนวอนของฉินซี?
แต่ถ้าเป็นเขาล่ะก็ ทั้งที่รู้ว่าโจวซิงเป็นไส้ศึกที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมา ต้องไม่ปล่อยไว้อย่างแน่นอน
และศัตรูหัวใจอย่างลู่เซิ่น ก็จะไม่ปล่อยให้มีชีวิตต่อไป
ขณะที่โจวเอ้อกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด โจวซิงก็กลับมาจากการไปทำธุระมาเรียบร้อยแล้ว
โจวซิงมองท่าทางเหม่อลอยของเขา ยื่นมือออกมาโบกไปมาตรงหน้าเขา : “โจวเอ้อ คุณทำอะไร? ตอนนี้เหตุการณ์อย่างนี้คุณยังเหม่อลอยได้อีก ลู่เซิ่นอยู่ที่ไหน เจอเขารึยัง?”
เขาจ้องมองโจวเอ้ออย่างโกรธ เหมือนเขาทำงานไม่ราบรื่น
โจวเอ้อพาเขามาอีกด้านอย่างเงียบๆ และพูดอย่างร้อนใจว่า : “คุณรีบดูอาการลู่เซิ่น เขาบาดเจ็บจนไม่รู้สึกตัว