Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1408

ตอนที่ 1408

บทที่ 1408 ช่วยชีวิต

ใจของโจวเอ้อสั่น เขาค่อยเอามืออังระหว่างจมูกของลู่เซิ่น

ถ้าสังเกตอย่างละเอียด จะเห็นได้ว่าตัวของโจวเอ้อสั่นน้อยๆ

เขากลัวจะได้ผลที่ไม่คาดหวัง กลัวลู่เซิ่นจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ

โชคดีที่โจวเอ้อรู้สึกได้ถึงลมหายใจของลู่เซิ่น

“ฮู่…”

โจวเอ้อสบายใจขึ้นมาหน่อย

“ลู่เซิ่น อดทนอีกนิด ฉันจะพาคุณออกไปเดี๋ยวนี้”

ถึงแม้ที่นี่จะเป็นโรงพยาบาล แต่โจวเอ้อก็ไม่กล้าให้ลู่เซิ่นอยู่ที่นี่

ใครจะไปรู้ว่าจ้านเซินวางแผนกับดักอะไรไว้รอพวกเขาอีก

สภาพของลู่เซิ่นตอนนี้ ไม่มีแรงต่อสู้เลยสักนิด ถ้าพวกเขาทั้งสองคนอยู่ต่อที่นี่ก็มีแต่ตายเท่านั้น

โจวเอ้อแบกลู่เซิ่น รีบเดินออกไปทางประตู

“ช่วยด้วย! มีคนอยู่ไหม!”

เมื่อโจวเอ้อเดินไปได้ครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงตะโกนขอให้ช่วยของผู้ชายดังมาจากอีกด้านของทางเดินอย่างกะทันหัน

เสียงนี้ฟังดูคุ้นหูมาก โจวเอ้ออดใจหยุดฟังไม่ไหว

เขาตั้งใจฟังอย่างละเอียด

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้มาช่วยฉันที!”

คนที่กำลังตะโกนขอความช่วยเหลือ ก็คือโจวซิงที่ถูกจับไว้เมื่อกี้

ตอนที่จ้านเซินออกไป พาทุกคนออกไปหมด

แม้แต่คนที่เดิมทีจัดไว้เฝ้าระวังโจวซิงก็สลายตัวไปหมดแล้ว มีแค่เขาคนเดียวที่ถูกขังไว้ในห้องมืดเล็กๆ นี้

ในห้องมืดไม่มีน้ำไม่มีอาหาร เห็นได้ชัดว่าต้องการให้โจวซิงตายไปโดยไม่มีคนสนใจ

ถ้าโชคดีมีคนมาเจอ โจวซิงก็จะมีชีวิตอยู่ต่อ

ถ้าโชคไม่ดี เขาก็ต้องตายอยู่ที่นี่ ศพค่อยๆ ย่อยสลายไปตามเวลา

โจวซิงยังวัยรุ่นขนาดนั้น เขายังไม่อยากตายอยู่ที่นี่

มือของเขาโดนมัดไว้ ขาก็โดนล็อกไว้ ทำได้แค่พยายามคลานไปทางประตู

เมื่อก่อนนี้โจวซิงให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มาก ถ้าเสื้อคลุมสีขาวเปื้อนฝุ่น เขาจะถอดทิ้งทันที

แต่ตอนนี้ เพื่อรักษาชีวิต โจวซิงกลับคลานอยู่บนพื้น

โจวซิงตะโกนเรียกอยู่สักพัก จนคอแทบจะระเบิดแล้ว

เพื่อส่งเสียงให้ดังยิ่งขึ้น ให้คนอื่นได้ยินเสียง

โจวซิงคิดวิธีดีๆ ออกอีกหนึ่งวิธี

เขาย้ายเก้าที่ผูกติดอยู่ด้านหลังตัวเอง มากระแทกประตูแรงๆ

ไม้กระแทกเหล็ก เสียงดัง “ปังปังปัง!”

โจวเอ้อได้ยินเสียงที่ส่งมา คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายแบกลู่เซิ่นเดินไปทางนั้น

เมื่อกี้เขาสังเกตตอนที่จ้านเซินออกมา ข้างตัวมีแค่ถังย่า ฉินซีและเหยาจ้าว แต่โจวซิงกลับไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

ตอนที่โจวเอ้ออยู่ด้านนอก ก็ลองพยายามติดต่อโจวซิงแล้ว แต่ก็ติดต่อไม่ได้ทั้งแต่แรก

ไม่แน่คนที่ขอความช่วยเหลืออาจจะเป็นโจวซิง คิดได้อย่างนี้ โจวเอ้อรีบก้าวขาเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“มีคนอยู่ไหม!”

โจวซิงพยายามใช้คอที่เจ็บปวดไปทั่วตะโกนเรียกเสียงดัง

เมื่อโจวเอ้อได้ยิน เป็นเสียงของโจวซิงจริงๆ ด้วย

“โจวซิง คุณอยู่ด้านในใช่ไหม?”

โจวเอ้อชะโงกหน้าไปหน้าประตู มองประตูเหล็กและถามอย่างใจร้อน

ไม่น่าเขาหาไปทั่วก็หาโจวซิงไม่เจอ ที่แท้ถูกจ้านเซินขังไว้ในนี้นี่เอง

เดิมทีโจวซิงแทบจะยอมแพ้แล้ว คิดไม่ถึงว่าโจวเอ้อจะรีบมา

ใบหน้าของเขาปรากฏความดีอกดีใจ : “โจวเอ้อ ฉันอยู่ในนี้ คุณรีบช่วยฉันออกไปหน่อย”

โจวซิงพูดอย่างดีใจ ร่างกายสั่นเล็กน้อย

จริงๆ แล้วในนี้มืดมากๆ ถึงแม้โจวซิงจะเป็นหมอด้านจิตวิทยา แต่ถูกขังไว้ตลอดก็รับไม่ค่อยไหว

โจวเอ้อเห็นเขาโดนขังไว้ด้านในจริง ก็ขมวดคิ้วขึ้น : “โจวซิง อย่าเพิ่งใจร้อน ฉันจะลองเปิดประตูเดี๋ยวนี้ คุณรอฉันหน่อย”

เขาเดินไปด้านข้างและวางลู่เซิ่นลง

โจวเอ้อขยับตัวอย่างอ่อนโยน เพื่อวางหัวของลู่เซิ่นพิงไว้กับกำแพง

เมื่อจัดการเรียบร้อย โจวเอ้อรีบไปที่หน้าประตูเหล็ก

เขาลองสำรวจโครงสร้างของประตูเหล็กดูก่อน สีหน้าเคร่งขรึม

โจวซิงที่อยู่ด้านในไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไร จึงอดกระตุ้นออกมาไม่ได้ : “โจวเอ้อ คุณทำอะไร รีบงัดประตูออกสิ”

โจวซิงถูกขังมาวันหนึ่งแล้ว ไม่อยากจะอยู่ในนี่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว

โจวเอ้อวิเคราะห์แม่กุญแจอย่างละเอียด และหยิบลวดออกมาจากตัวหนึ่งเส้น

“คุณใจเย็นหน่อย ฉันลองดูก่อน”

โจวเอ้อก็ไม่เคยทำสำเร็จสักครั้ง เขาดัดลวดเล็กให้งอนิดๆ และเข้าไปในรูกลางแม่กุญแจ

เขาลองขยับเบาๆ แต่ประตูเหล็กกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

ว่าแล้ว นี่มันประเภทเดียวกันกับประตูห้องสอบสวนในองค์กรของพวกเขา

คิดว่าถ้าทำผิดและถูกขังไว้ในนี้ ลองคิดคิดดู โจวซิงรู้สึกน่ากลัวมาก

องค์กรนี้ช่างไร้มนุษยธรรม คนปกติทั่วไปจะไปทนกับความโหดเหี้ยมนี้ได้ยังไง

“สบายใจได้ ฉันจะต้องช่วยคุณออกมาให้ได้”

โจวเอ้อ เม้มริมฝีปากสายมุ่งมั่น

ทุกครั้งที่ลอง ก็ผิดหวังทุกครั้ง

“โจวเอ้อ ตกลงคุณทำได้ไหมล่ะ!”

ในขณะที่โจวซิงควบคุมอารมณ์ไม่ได้และกำลังจะระเบิดนั่นเอง

ได้ยินเสียง “แกร๊ก!” ประตูเหล็กโดนเปิดออก

“เปิดได้แล้ว!”

โจวเอ้อสบายใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง

โจวซิงมองประตูเหล็กที่โดนเปิดออก ดีใจขึ้นมาทันที

ถึงแม้ตอนนี้อากาศด้านนอกจะมีเมฆมืดดำ แต่ดีกว่าอยู่ในนี้ไม่รู้กี่เท่า

บนตัวของโจวซิงเต็มไปด้วยโซ่เหล็ก

เขากระโดดมาตรงหน้าโจวเอ้อ : “รีบเอาของพวกนี้ออกจากตัวฉัน ฉันอั้นจนจะตายอยู่แล้ว”

ตอนนี้โจวซิงอยากรีบไปห้องน้ำ ในนั้นไม่มีอะไรเลย เขาทนมาทั้งวันแล้ว

ประตูเหล็กจ้านเซินสั่งทำเป็นพิเศษ แต่กุญแจมือบนตัวโจวซิงนั้นง่ายมากๆ

โจวเอ้อปลดล็อกกุญแจมือและโซ่ต่างๆ ทั้งหมดบนตัวเขาออกได้อย่างง่ายดาย

“ฉันไปห้องน้ำก่อน คุณรอฉันตรงนี้สักครู่”

เพิ่งจะปลดล็อกได้ โจวซิงวิ่งเร็วยิ่งกว่าอะไรพุ่งไปทางห้องน้ำ

เห็นท่าทางดีใจของเขา โจวเอ้อส่ายหน้า ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

เดิมทีครั้งนี้โจวเอ้อคิดว่าลู่เซิ่นกับโจวซิงคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี

คิดไม่ถึง จ้านเซินยังไว้ชีวิตพวกเขา โดยไม่ฆ่าให้ตาย

ในระหว่างนั้น จิตใจของโจวเอ้อสับสนขึ้นมา

เขาเดาไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมจ้านเซินคิดอะไรอยู่ ถึงเลือกทำอย่างนี้

หรือเพราะการอ้อนวอนของฉินซี?

แต่ถ้าเป็นเขาล่ะก็ ทั้งที่รู้ว่าโจวซิงเป็นไส้ศึกที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมา ต้องไม่ปล่อยไว้อย่างแน่นอน

และศัตรูหัวใจอย่างลู่เซิ่น ก็จะไม่ปล่อยให้มีชีวิตต่อไป

ขณะที่โจวเอ้อกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด โจวซิงก็กลับมาจากการไปทำธุระมาเรียบร้อยแล้ว

โจวซิงมองท่าทางเหม่อลอยของเขา ยื่นมือออกมาโบกไปมาตรงหน้าเขา : “โจวเอ้อ คุณทำอะไร? ตอนนี้เหตุการณ์อย่างนี้คุณยังเหม่อลอยได้อีก ลู่เซิ่นอยู่ที่ไหน เจอเขารึยัง?”

เขาจ้องมองโจวเอ้ออย่างโกรธ เหมือนเขาทำงานไม่ราบรื่น

โจวเอ้อพาเขามาอีกด้านอย่างเงียบๆ และพูดอย่างร้อนใจว่า : “คุณรีบดูอาการลู่เซิ่น เขาบาดเจ็บจนไม่รู้สึกตัว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท