Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1414

ตอนที่ 1414

บทที่ 1414 ขอร้อง

ตอนนี้หยดน้ำตานั้นราวกับไม่มีค่า

ฉินซีกัดฟันแน่น เธอไม่พูด ร้องหายไม่หยุดอย่างกระหืดกระหอบ

เธอคิดถึงช่วงเวลาหลายปีที่อยู่ในองค์กร คิดถึงจ้านเซินที่ดีต่อเธอ

ด้านหนึ่งก็จ้านเซินที่เหมือนพี่ชายแท้ๆ อีกด้านก็ลู่เซิ่นชายผู้เป็นที่รัก

ฉินซียืนอยู่บนทางแยก ไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหน

“เหยาจ้าว ฉันควรทำยังไง?”

ฉินซีขดตัวกลมกอดเข่าแน่น

เธอพูดสะอึกสะอื้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการทำอะไรไม่ถูก

“ยังไงอะไร?”

เหยาจ้าวฟังคำพูดของฉินซีอย่างไม่เข้าใจ ในใจร้อนรนมาก

เขากลัวว่าฉินซีจะร้องไห้ตลอดจนเสียการควบคุม จะทำให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน

เหยาจ้าวปลอบเบาๆ : “ฉินซี คุณสงบสติอารมณ์ก่อน ถ้าเกิดจ้านเซินได้ยินเข้า เขาจะรีบมาอย่างเร็ว”

เขาตบไหล่ฉินซีเบาๆ หวังว่าอารมณ์ของเธอจะกลับมาปกติโดยเร็ว

ฉินซีได้ยินเขาพูดอย่างนี้ รีบเงียบทันที

เธอมองประตูแวบหนึ่งอย่างขาดความมั่นใจ มั่นใจว่าจ้านเซินไม่เข้ามา จึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย : “ตอนนี้จ้านเซินอยู่ที่ไหน?”

ฉินซีกลัวว่าเรื่องที่เธอแกล้งสลบจะโดนจ้านเซินจับได้

เธอไม่รู้ว่าจ้านเซินรู้ตั้งนานแล้ว

“เขาไปแล้ว น่ากลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว”

เมื่อกี้เหยาจ้าวสังเกตเห็นสีหน้าของจ้านเซินไม่ค่อยดี น่าจะกลับไปพักผ่อน

“งั้นก็ดี”

ฉินซีลุกขึ้นนั่ง

เหยาจ้าวพูดเบาๆ : “ฉินซี เมื่อกี้คุณร้องไห้ทำไม”

เขารู้สึกมาตลอดว่าฉินซีไม่ใช่คนที่อ่อนแอคนหนึ่ง

“ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเลือกยังไง”

ฉินซีขมวดคิ้ว หางตายังมีหยดน้ำตาที่ยังไม่แห้งอยู่

เธอรู้สึกว่าใจของตัวเองเจ็บมาก

ได้ยินแบบนี้ เหยาจ้าวเข้าใจทันที

เหยาจ้าวมองท่าทางลำบากใจของเธอ ถอนหายใจยาวๆ : “ฉินซี ในเมื่อตอนนี้คุณกลับมาที่องค์กรแล้ว ก็อยู่ที่นี่อย่างสบายใจสักช่วงหนึ่งเถอะ”

ดูจากอารมณ์ของจ้านเซินตอนนี้ ฉินซีไม่สามารถหนีไปได้ในระยะเวลาสั้น

ทำได้แค่รอให้จ้านเซินค่อยๆเข้าใจ หรือไม่ก็ ฉินซีซุ่มหาโอกาสหลบหนีไปได้

ฉินซีพยักหน้า : “ฉันรู้”

เธอรู้ดีว่าตัวเองควรทำยังไง แต่พอคิดว่าจะไม่ได้เจอลู่เซิ่นนานขนาดนั้น ในใจของฉินซีรู้สึกลำบากใจ หยดน้ำตาไหลลงไม่หยุด

ริมฝีปากแดงของฉินซีขยับน้อยๆ : “ช่วงเวลานี้ฉันจะอยู่ในองค์อย่างสงบ แต่เหยาจ้าว คุณช่วยฉันสักเรื่องได้ไหม”

เธอเงยหน้ามองตรงไปที่เหยาจ้าว น้ำเสียงร้องขอ

หยดน้ำตาของฉินซีร้อนขนาดนั้น ทำให้เหยาจ้าวใจอ่อนลงมาทันที

มองท่าทางน้ำตาคลอของฉินซี เหยาจ้าวจะปฏิเสธได้ยังไง : “ได้ คุณบอกมาก่อนว่าจะให้ฉันช่วยอะไร ฉันจะช่วยอย่างสุดกำลังแน่นอน”

ตอนนี้ถังย่ากำลังสงสัยเขา ถึงแม้เหยาจ้าวอยากจะช่วยฉินซี แต่ในใจกลับไม่มั่นใจ

หลายอย่างที่ตอนนี้เขาไม่สะดวกเข้าไปยื่นมือ

เหยาจ้าวกลัวว่าตัวเองทำอะไรมากเกินไป จะโดนจ้านเซินจับได้และจะยิ่งยุ่งยาก

ฉินซีเห็นเขาตอบตกลง รีบพูดว่า : “ฉันอยากให้คุณออกไปดูด้านนอกให้ฉันหน่อยว่าสถานการณ์ตอนนี้ของลู่เซิ่นเป็นยังไงบ้าง มีคนมาช่วยไหม เขาบาดเจ็บหนัก แม้ว่าจ้านเซินจะไม่เอาชีวิตเขา แต่ฉันก็ไม่สบายใจ”

เธอจับข้อมือของเหยาจ้าว ในตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

แค่มั่นใจว่าลู่เซิ่นไม่เป็นอะไร มีสุขภาพแข็งแรง ฉินซีก็สบายขึ้นแล้ว

เธอเชื่อว่า แค่มีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง

แค่เธอและลู่เซิ่นช่วยกัน ต้องมีสักวันที่ทั้งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

เหยาจ้าวคิดแล้วคิดอีก ถึงแม้จะลำบากหน่อย แต่สุดท้ายก็รับปาก

“ได้ งั้นคุณต้องสัญญากับฉัน ช่วงนี้ต้องอยู่เงียบไว้ อย่าให้เกิดพิรุธเด็ดขาดจะโดนจ้านเซินจับได้”

ตอนนี้เหยาจ้าวเป็นห่วงมากว่าถ้าแม้แต่ตัวเองก็ยังถูกจับได้ เส้นทางหลังจากนี้จะยิ่งลำบาก

และ เหยาจ้าวก็ฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้ออกจากองค์กร

แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

ฉินซีพยักหน้าหนักแน่น : “ฉันสัญญา งั้นคุณจะช่วยสืบข่าวเรื่องลู่เซิ่นให้ฉันเมื่อไหร่”

ตอนนี้เธอรู้สึกทรมานทุกวินาที

แค่ได้ข่าวของลู่เซิ่น เธอก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

เหยาจ้าวมองท่าทางร้อนใจของเธอ ตบบ่าเธอ : “คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน ต้องใช้เวลาสักสองสามวันนะ”

ตอนนี้เขาอยู่ในองค์กรไม่สะดวกลงมือ ยังต้องระวังจ้านเซิน จะติดต่อกับคนด้านนอก ไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้เวลาสองสามวันถึงจะได้

ฉินซีรู้ว่าไม่ควรขอร้องมากไป ไม่งั้นจะทำให้เหยาจ้าวลำบาก

เหยาจ้าวช่วยเธอมามากแล้ว ฉินซีรู้สึกขอบคุณมากๆ

“อืมอืม”

เธอพยักหน้า และปล่อยมือเหยาจ้าว

เหยาจ้าวเห็นอารมณ์ของเธอค่อยๆ สงบลง ก็สบายใจแล้ว

“คุณพักผ่อนอยู่ในนี้ก่อน ฉันออกไปจัดการสักหน่อย”

ในเมื่อรับปากฉินซีแล้ว ต่อให้ลำบากเหยาจ้าวก็ต้องทำให้ได้

พูดจบ เหยาจ้าวก็หมุนตัวเดินออกมาจากห้องทดลอง

……

อีกด้านหนึ่ง

ในโรงพยาบาล

นิ้วมือของลู่เซิ่นที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลขยับเล็กน้อย

เขาลืมตาช้าๆ โดนแสงที่สาดเข้ามาทำให้ตาลาย

แดดแรงขนาดนั้น ทำให้ลู่เซิ่นแสบตาขึ้นมาทันที และปิดตาลงอีกครั้ง

สติค่อยๆ ฟื้นตัว ลู่เซิ่นคิดถึงคำพูดเหล่านั้นที่โจวเอ้อพูดเมื่อกี้ ในใจเจ็บปวดมาก

โจวซิงที่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นเขาฟื้นแล้ว รีบขยับเข้าไปตรงหน้าเขา : “ลู่เซิ่น คุณฟื้นแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง? ยังมีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?”

เขามองลู่เซิ่นอย่างห่วงใย เอ่ยปากกะหนุงกะหนิง

ลู่เซิ่นได้ยินเสียงเขา หลังปรับสายตาให้เขากับแสงได้แล้ว จึงลืมตาทั้งสองข้างขึ้นอีกครั้ง : “ฉันหลับนานแค่ไหน”

เขาถามเสียงแหบแห้ง

“สองวันแล้ว”

หลังจากได้ฟัง สีหน้าลู่เซิ่นเปลี่ยนเล็กน้อย

เขารู้ เกรงว่าตอนนี้ฉินซีคงโดนพาตัวกลับเข้าองค์กรไปแล้ว

โจวซิงเข้าในความคิดเขา ถอนหายใจ : “ลู่เซิ่น ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งคิดอะไรมาก ที่สำคัญที่สุดคือการรักษาตัวให้ดี อย่าให้เหลือร่องรอย ไม่อย่างงั้นจะคุณช่วยฉินซีออกมาได้ยังไง”

ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล การป้องกันของจ้านเซินเข้มงวดขนาดนั้น

ตอนนี้จ้านเซินกลับไปที่องค์กรแล้ว เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของเขาแล้ว การบุกโจมตีมีแต่ยากยิ่งขึ้น

ถ้าลู่เซิ่นฝืนพาร่างกายที่ป่วยแบบนี้ไปอีก เกรงว่าจะต้องถึงชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการช่วยฉินซีออกมาเลย

คำพูดของเขาเตือนสติลู่เซิ่น ลู่เซิ่นระงับความเจ็บปวดในใจและพูดเบาๆ ว่า : “ฉันรู้ คุณสบายใจได้ ฉันไม่ทำอะไรโง่ๆ”

ลู่เซิ่นชัดเจนดี ถ้าคิดจะช่วยฉินซีออกมาต้องวางแผนอีกนาน

เขาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ยิ่งเพื่อไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่ว่าเขาจะลำบากยากเย็น ก็ต้องยับยั้งตัวเองไว้

โจวซิงได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ก็สบายใจขึ้นมาหน่อย : “คุณเข้าใจก็ดี ฉันขอตรวจคุณก่อน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท