Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1417

ตอนที่ 1417

บทที่ 1417 ฉันกับเธอไม่สนิทกัน

เมื่อกี้ถังย่าไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เธอแค่พูดความรู้สึกของตัวเองตามความจริงเท่านั้นเอง

“เป็นอย่างนี้หรือ?”

ถังย่ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าว่าทำไมความรู้สึกระหว่างคนเราซับซ้อนได้อย่างนี้

“ใช่สิ ไม่งั้นเธอจะถามคุณแบบนี้ทำไม”

ซิวหน่ายซิงเห็นถังย่ายังไม่เข้าใจ เอ่ยปากอย่างทนไม่ไหว

ในเมื่อสติปัญญาถังย่าสูงมาก พละกำลังด้านการต่อสู้ก็แข็งแรง แต่ด้านความสัมพันธ์กับคนอื่นกลับด้อยมาก

“อืม…”

หลังจากถังย่าผ่านการเตือนของซิวหน่ายซิง ก็เข้าใจเรื่องนี้ในภายหลัง

“ช่างเถอะ ฉันไม่สนิทกับเธอ”

ถังย่าคิดแล้วคิดอีก แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไร

ยังไงคิดว่าครั้งนี้คงเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายอยู่แล้ว เมืองนี้กว้างใหญ่ขนาดนี้ จะเจอกันได้ทุกวันได้ยังไง

ทว่า ถังย่ายังไม่ทันพูดจบ

พนักงานพาหลิวซีหางและหลอจี่หอางเดินเข้ามาอีกครั้ง

เธอมองถังย่าอย่างเกรงใจ และยิ้มอย่างเกรงใจ : “คุณผู้หญิงคนสวย ขอปรึกษาอะไรกับคุณหน่อยได้ไหม?”

พนักงานยิ้มประจบทำให้ถังย่าสงสัย

“เรื่องอะไร?”

ถังย่าวางตะเกียบในมือลงและมองตรงไปที่เธอ

เธอแผ่กระจายบรรยากาศความเป็นผู้นำอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้พนักงานหน้าชาไปชั่วขณะ

แต่เมื่อคิดถึงคำสั่งของผู้จัดการ พนักงานก็ยังพยายามเอ่ยปากอย่างใจกล้า : “คุณผู้หญิง เมื่อกี้ฉันสังเกตเห็นว่าคุณกับเพื่อนหลายคนนี้รู้จักกัน คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน”

“คืนนี้โต๊ะใหญ่ทุกโต๊ะนั่งเต็มหมดแล้ว มีแค่โต๊ะนี้ของคุณเท่านั้นที่ยังมีที่ว่างอยู่ ในเมื่อทุกท่านรู้จักกัน ไม่ทราบว่าจะร่วมโต๊ะกันได้ไหม กินหม้อไฟกินหลายๆ คนถึงจะสนุก คุณคิดว่าพอจะเป็นไปได้ไหม?”

พนักงานถามอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะใช้คำผิดหรือน้ำเสียงไม่ดี ทำให้ถังย่าร้องเรียน

ถังย่ามองหลิวซีหางและหลอจี่หอางที่ยืนรออยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง

คิดว่าเมื่อกี้ตัวเองปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าหากปฏิเสธไปอีกครั้งคงไม่ค่อยเหมาะ

และแล้ว ถังย่าทำได้แค่ตกลง

“ได้”

ถังย่าเม้มริมฝากและพูดอย่างนิ่งเฉย

หลิวซีหางที่อยู่ด้านข้างหลังจากได้ยินคำตอบของถังย่า ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมา

แต่ ใบหน้าของหลอจี่หอางยังคงดูไม่ดีเหมือนเดิม

ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวซีหางและสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมยืนยันจะกินร้านนี้ หลอจี่หอางคงจะกลับออกไปนานแล้ว

พนักงานเห็นถังย่าตอบตกลง รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้า : “คุณใจดีจริงๆ ขอบคุณความช่วยเหลือของคุณมากๆ ขอให้คุณและทุกท่านมีความสุขกับอาหารมื้อนี้”

เธอรีบบอกข่าวดีให้กับหลอจี่หอางและหลิวซีหาง และรีบจัดหาที่นั่งให้

หลิวซีหางรีบนั่งลงทางซ้ายมือของถังย่า และเว้นที่นั่งว่างทางขวามือไว้ให้หลอจี่หอาง

ใครจะรู้ หลอจี่หอางไม่นั่งข้างเธอ แต่กลับไปนั่งตรงข้ามกับถังย่า

นี้ทำให้หลิวซีหางผิดหวังนิดหน่อย แต่เธอรีบปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว

“คุณถัง พวกเราช่างมีพรหมลิขิตกันจริงๆ”

เดิมทีเธอคิดว่าวันนี้คงไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะกับถังย่าแล้ว คิดไม่ถึงว่าในร้านอาหารโต๊ะจะเต็มหมดพอดี

แต่เพราะ หลิวซีหางพูดถึงการร่วมโต๊ะ ถึงได้เหตุการณ์เมื่อกี้เกิดขึ้น

“ใช่”

เห็นหน้ายิ้มของหลิวซีหาง ก็ไม่อยากเอ่ยปากปฏิเสธเธอ

ซิวหน่ายซิงมองหลอจี่หอางที่นั่งอยู่ข้างตัวเอง แววตาส่องประกายความหม่นหมอง

เดิมทีถังย่าไม่ใช่คนพูดเยอะ และซิวหน่ายซิงเองจะพูดจุบจิบไปเรื่อยไม่หยุดก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าถังย่าเท่านั้น

ตอนนี้คนเยอะขนาดนี้ ยิ่งปิดปากอย่างงว่าง่าย

สักพักหนึ่ง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็อึดอัดขึ้นมานิดหน่อย

หลิวซีหางคิดแล้วคิดอีก ยิ้มบางๆ และพูดว่า : “วันนี้ต้องขอบคุณคุณถังมากที่แบ่งที่นั่งกับพวกเรา เพื่อขอบคุณคุณถัง คืนนี้ให้หัวหน้าหลอของพวกเราเลี้ยงข้าวเถอะ”

เธออยากจะดึงความสัมพันธ์ระหว่างถังย่ากับหลอจี่หอางให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น การกินข้าวด้วยกันถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก

“นี่เป็นความตั้งใจของหัวหน้าหลอหรือไง?”

ถังย่าเงยหน้ามองตรงไปที่หลอจี่หอาง

หลอจี่หอางที่โดนกล่าวถึงเม้มปากและกล่าวอย่างนิ่งเฉยว่า : “ใช่”

เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ เขาไม่ทำให้หลิวซีหางเสียหน้าอับอายอย่างแน่นอน

“งั้นขอบคุณหัวหน้าหลอมาก”

ในเมื่อมีคนยินดีจ่ายเงินให้ ถังย่าย่อมไม่ปฏิเสธเป็นธรรมดา

ถังย่าเห็นอาหารบนโต๊ะหายไปแล้วเกินครึ่ง เรียกหลิวซีหาง : “ในเมื่อหัวหน้าหลอของพวกคุณเลี้ยง งั้นอยากกินอะไร ก็สั่งมากหน่อย”

“ได้”

หลิวซีหางเห็นเธอยอมรับตัวเอง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

เมื่อเธอกำลังหยิบเมนูกำลังจะสั่งอาหารเพิ่ม

เสียงกระดิ่งดังขึ้นกะทันหัน

ถังย่ามองโทรศัพท์ตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ ตอนเห็นชื่อคนที่โทรมาตกใจไปชั่วครู่

เธอมองทุกคน : “ขออภัย ของฉันเอง”

ถังย่าพูดจบ ลุกขึ้นเดินไปในมุมด้านข้าง

“ฮัลโหล”

เธอคิดไม่ถึงว่าจ้านเซินจะโทรหาตัวเองในเวลานี้

ฉินซีสลบยังไม่ฟื้น เขาไม่ควรจะอยู่ใกล้ฉินซีหรือไงกัน?

“คุณอยู่ไหน?”

น้ำเสียงเย็นชาของจ้านเซินส่งผ่านมาทางโทรศัพท์

ริมฝีปากแดงของถังย่าขยับเบาๆ : “ฉันกลับมาแล้ว กำลังเฝ้ามองลู่เซิ่นทางนี้อยู่”

แต่ จ้านเซินกลับได้ยินเสียงคึกคักผ่านทางโทรศัพท์

“คุณกำลังกินข้าวอยู่?”

จ้านสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าถังย่ากำลังอยู่ในร้านอาหาร

“ใช่”

ถังย่าพยักหน้า : “เร่งเดินทางมาสองวันแล้ว เหนื่อยจริงๆ ก็เลยพาซิวหน่ายซิงมากินหม้อไฟ”

เธอรายงานจ้านเซินอย่างละเอียด ไม่ปิดบังอะไร

จ้านเซินได้ยินเธอพูดอย่างนั้น คิ้วที่ขมวดอยู่ค่อยๆ คลายลง : “ดี ทางนั้นไม่ว่าลู่เซิ่นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตามรายงานฉันในทันที”

เพื่อลู่เซิ่นแล้ว ฉินซีถึงขนาดหลอกเขาอย่างไม่ลังเล

นี้ทำให้ในใจจ้านเซินโกรธมาก

“ได้”

ถังย่ากล่าวอย่างเคารพ พูดจบจ้านเซินก็วางสายไป

“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…”

ได้ยินเสียงตัดสายจากฝั่งนั้น ใบหน้าถังย่าปรากฏความเหงาขึ้น

ถังย่าเอาโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าเสื้อ แววตาเป็นกังวล

“เป็นอะไรไป?”

ซิวหน่ายซิงถามอย่างอดไม่ได้

ถังย่าส่ายหน้า : “ไม่มีอะไร คุณกินอิ่มรึยัง?”

เพราะโทรศัพท์จากจ้านเซิน ทำให้ถังย่าไม่อยากอาหารแล้ว

ซิวหน่ายซิงที่เดิมที่กินไปพอสมควรแล้ว ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ จึงวางตะเกียบในมือลง : “กินอิ่มแล้ว พวกเราจะออกไปเลยไหม?”

เขาเดาสายที่โทรมาเมื่อกี้ต้องเป็นจ้านเซินแน่นอน

เพราะคนที่มีผลกระทบกับอารมณ์ของฉินซี ก็มีแค่จ้านเซินคนเดียว

“อืม ควรจะกลับกันแล้ว”

เดิมทีถังย่าไม่ชอบสังสรรค์กับคนเยอะ รวมกับจ้านเซินที่โทรมา จึงทำให้ไม่มีอารมณ์จะอยู่ต่อ

หลิวซีหางได้ยินสองคนคุยกัน เธอกะพริบตาปริบๆ สีหน้าดูไม่สบายใจ : “คุณถัง พวกคุณจะกลับกันแล้วหรือไง?”

เธอยังอยากให้ถังย่ากับหลอจี่หอางได้คุยกันอีกสักหน่อย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท