Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1423

ตอนที่ 1423

บทที่1423 สาบาน

ลู่เซิ่นหยุดการเคลื่อนไหวลง มองไปที่แววตาคู่นั้นของเขาที่มีความกังวลแล้วเอ่ยปาก

กระทั่งเพื่อฉินซีแล้ว เขาก็จะทะนุถนอมร่างกายอย่างดี

หากยังไม่ได้ช่วยฉินซีออกมา ให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาจะตายไม่ได้

“ทางฝั่งฉินซีมีข่าวใหม่ไหม?”

ลู่เซิ่นนั่งลงบนโซฟา รับผ้าขนหนูที่โจวเอ้อส่งมาให้ เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อยจากการออกกำลัง หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง ลมปราณฮอร์โมนผู้ชายก็หลั่งออกมาทั่วร่างกาย

ครั้งก่อนที่โจวเอ้อไปตรวจสอบ บังเอิญได้ติดต่อกับเหยาจ้าว

ดังนั้น ในเวลาครึ่งเดือนมานี้ ทั้งสองได้ติดต่อกันเป็นการส่วนตัวอย่างลับๆ

ปกติแล้ว ในตอนที่ฉินซีกับลู่เซิ่นคิดถึงกัน ก็จะติดต่อกันผ่านเหยาจ้าวและโจวเอ้อ

แน่นอน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้จ้านเซินล่วงรู้ พวกเขาจึงไม่ได้ติดต่อกันบ่อยนัก

“ยังไม่มีชั่วคราว”

โจวเอ้อส่ายหน้ารายงาน

หลังจากลู่เซิ่นเช็ดหน้าเสร็จแล้ว ก็ส่งผ้าขนหนูคืนให้เขา “งั้นทางฝั่งเหยาจ้าวได้บอกไหมว่าตอนนี้อาการป่วยของฉินซีเป็นยังไงบ้างแล้ว? เส้นประสาทที่ถูกทำลายดีขึ้นหรือยัง?”

เขารู้ว่าเหยาจ้าวเป็นลูกผู้พี่ของฉินซี เขาจะไม่ทำร้ายฉินซี

“หมอเหยาบอกว่า สถานการณ์ของฉินซีตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแค่ฟื้นฟูบำรุงจิตใจซักช่วงหนึ่ง ก็จะรักษาให้หายดีได้”

เดิมทีโจวเอ้อคิดว่ามันยากมากที่จะบุกเข้าองค์กร แต่ในตอนที่ใช้สมองอย่างหนักเพื่อหาหนทาง เหยาจ้าวก็เดินเข้ามา แก้ไขสถานการณ์คับขันของเขา

“งั้นก็ดี”

ลู่เซิ่นพยักหน้า หลังจากได้ยินว่าตอนนี้ฉินซีสุขสบายดีก็ถอนหายใจยาว

…..

ในขณะเดียวกัน

ภายในห้อง

ฉินซีวางหนังสือในมือลง

บนปกหนังสือมีคำเรียบง่ายอยู่ไม่กี่คำ 《การมีชีวิตอยู่》

เขียนโดยนักเขียนชื่อดังหยูหวา หนังสือเล่มนี้ฉินซีอ่านเป็นรอบที่สองแล้ว

ครั้งแรกที่อ่านหนังสือเล่มนี้ อายุของฉินซียังน้อย

เธอในตอนนั้น ไม่อาจเข้าใจความหมายที่หนังสือเล่มนี้สื่อออกมาอย่างลึกซึ้งได้

ฉินซีเพียงแค่ตัดสินอย่างเรียบง่าย ว่านี่เป็นนิยายที่น่าเศร้ามาก ตัวเอกก็น่าสงสารมาก เธอไม่ชอบ

ต่อมา เธอในตอนเด็กได้ลืมหนังสือเล่มนี้ไว้ตรงมุมห้อง

เมื่อเธอหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วอ่านอย่างใจเย็น ถึงพบว่าตนเองในตอนนั้นไม่รู้ประสาแค่ไหน

《การมีชีวิตอยู่》เล่มนี้ ข้ามผ่านกระบวนการตายทีล่ะขั้น เผยให้เห็นว่าการมีชีวิตอยู่นั้นยากเย็นเพียงใด แต่เพราะยากเย็นแบบนี้ จึงสะท้อนให้เห็นจากด้านข้างว่าไม่มีอะไรสวยงามไปกว่าการมีชีวิตอยู่แล้ว

ถ้าหากคุณไม่กลัวกระทั่งช่วงเวลาที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แล้วจะยังมีอะไรที่คุณทำไม่ได้อีกล่ะ

จนตอนนี้ฉินซีถึงเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ รู้สึกสะเทือนใจมาก

เส้นทางที่ก้าวเดิน เธอผ่านประสบการณ์มากกว่าคนที่อายุเท่ากันมามากมาย

แม้ว่าเธอจะเป็นทุกข์ แต่ก็มีความสุข

เพราะเธอได้พบกับลู่เซิ่น การปรากฏตัวของลู่เซิ่นราวกับแสงสว่าง ส่องประกายชีวิตที่ดำมืดของเธอ

ฉินซีอยากใช้ชีวิตให้ดี อยากมีพรุ่งนี้ที่งดงามไปกับลู่เซิ่น

คิดมาถึงตรงนี้ มุมปากของฉินซีก็โค้งขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากนอกประตูอย่างกะทันหัน

“ก๊อกก๊อกก๊อก….”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉินซีขมวดคิ้ว วางหนังสือในมือลง

“เข้ามา”

ฉินซีเอ่ยปากนิ่งๆ นั่งตัวตรง

ประตูห้องเปิดออก เผยใบหน้าหล่อเหลาของจ้านเซิน

ดวงตาของเขาเฉียบคม ร่างกายเต็มไปด้วยลมหายใจที่เย็นเยือก

สายตาของจ้านเซินตกลงบนใบหน้าของฉินซี มองกวาดขึ้นลง

เขาก้าวขาคู่ยาว ไปถึงข้างตัวฉินซี “ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”

เขาเปิดปากพูดเบาๆด้วยริมฝีปากบาง

ฉินซีพูดพลางยิ้มเล็กน้อย “ดีขึ้นมากแล้ว”

เธอเชื่อฟังคำพูดของเหยาจ้าว ทัศนคติที่มีต่อจ้านเซินในตอนนี้เคารพมาก

“หนังสือเล่มนี้อ่านจบแล้วหรอ?”

ช่วงหนึ่งจ้านเซินไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเธอ มองเห็นข้างตัวเธอมีหนังสือวางอยู่ จึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน

ฉินซีพยักหน้า “อืม สนุกดีนะ”

เธอพูดออกมาจากใจ ใบหน้าเผยสีหน้าที่อ่อนโยน

จ้านเซินมองใบหน้าที่อ่อนหวานของเธอ ชะงักเล็กน้อย “สนุกตรงไหน?”

เขายังจำที่ฉินซีพูดตอนอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกได้ ไม่ชอบนิทานที่บรรยายอยู่ในหนังสือนี้เลยซักนิด น่าเศร้าขนาดนั้น

“เอ่อ? เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่าถ้านายอ่านก็จะเข้าใจเอง”

ฉินซีขมวดคิ้ว พูดอย่างครุ่นคิด

คนหนึ่งพันคนมีHamletหนึ่งพันแบบ ระหว่างเธอกับจ้านเซินเดิมทีก็มีความแตกต่างอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะเล่าให้เขาฟังยังไง

ฉินซีไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อ จึงเอ่ยปาก “จ้านเซิน ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายดีขึ้นมากแล้ว ความหมายที่นายแสดงออกมา ฉันก็เข้าใจแล้ว ในเมื่อฉันกลับมาอยู่องค์กรแล้ว งั้นก็ต้องเป็นทหารที่ดีขององค์กร ช่วงนี้มีงานอะไรไหม? ฉันอยากรับงาน”

เธอรู้ว่าภายในองค์กรไม่เลี้ยงดูคนที่ไร้ประโยชน์ ตอนนี้เธอถูกขังให้อยู่ในห้องทั้งวัน นอกจากพื้นที่ไม่กี่สิบตารางเมตรนี้ก็ไม่สามารถไปไหนได้ การทำงานของร่างกายอาจเสื่อมลงเรื่อยๆ

ถ้าอยากที่จะฝ่าฟันโดยตรง ก็จำเป็นต้องใช้กำลัง

ด้วยสภาพของฉินซีในตอนนี้ คิดจะสู้สามต่อหนึ่งยังลำบาก ไม่ต้องพูดถึงการหลบหนีที่ต้องฝ่าวงล้อมหลายชั้น

ต่อให้เป็นเธอที่มีพละกำลังเต็มที่ ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย

“เธอจะรับงาน?”

ดวงตาแคบยาวของจ้านเซินฉายแสงแห่งความสงสัย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

เธอคิดไม่ถึงเลยว่าฉินซีจะพูดแบบนี้ เธอคิดได้แล้วจริงๆ หรือว่า เพียงเพื่อให้เขาคลายความระมัดระวังลง แล้วหาโอกาสที่จะออกไปให้ได้

“ใช่”

ฉินซีพยักหน้า มองตรงเข้าไปที่ดวงตาของเขา “ฉันรู้ นายจะไม่ปล่อยให้ฉันจากไป ภายในองค์กรคุ้มกันแน่นหนา ฉันออกไปไม่ได้ ลู่เซิ่นก็เข้ามาไม่ได้ จากประสบการณ์ครั้งนี้ฉันเข้าใจแล้ว ว่าบางทีฉันกับลู่เซิ่นได้มีชะตาร่วมกัน องค์กรให้โอกาสฉันได้เกิดใหม่ ฉันเกิดมาเป็นคนขององค์กร ตายเป็นผีขององค์กร”

เธอพูดเน้นทีล่ะคำ ใช้น้ำเสียงเข้มแข็งแสดงการตัดสินใจของตน

ถึงอย่างนั้น สายตาของจ้านเซินก็มีความสงสัยอยู่ตั้งแต่ต้น “ฉินซี เธอแน่ใจนะว่าเรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้เป็นความจริง?”

ทั้งสองรู้จักกันมาเนิ่นนาน จ้านเซินต้องรู้จักนิสัยของฉินซีเป็นธรรมดา

ในสายตาของจ้านเซิน ฉินซีไม่ใช่ผู้หญิงที่จะพูดเรื่องยอมแพ้ออกมาอย่างง่ายดายเด็ดขาด

“ฉันแน่ใจ”

ฉินซีพูดอย่างหนักแน่น “ฉันของสาบานด้วยชีวิตฉัน ถ้าสิ่งที่ฉันพูดเมื่อกี้มีคำไหนเป็นเรื่องโกหก งั้นฉันฉินซี วันข้างหน้าจะต้องตายโดยไม่มีหลุมฝัง…..”

เธอชูกำปั้นขึ้น เตรียมที่จะสาบานต่อสวรรค์

ถึงอย่างนั้น คำพูดของฉินซีพึ่งพูดไปครึ่งเดียว ก็ถูกจ้านเซินขัดขึ้นอย่างเยือกเย็น

“พอแล้ว!”

จ้านเซินก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือเรียวยาวไปปิดปากของฉินซี

เขาขมวดคิ้วแน่น มองที่ไปฉินซีด้วยใบหน้าจริงจัง “ไม่ต้องพูดต่อแล้ว”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท