Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1420

ตอนที่ 1420

บทที่ 1420 รอฉัน

ลู่เซิ่นนึกภาพไม่ออกว่าตอนนี้ฉินซีทนรับความเจ็บปวดได้ยังไง

เธอถูกขังอยู่ในห้องกักขังที่น่ากลัวและไร้ความช่วยเหลือ

ตอนนี้ลู่เซิ่น ถึงขนาดไม่รู้ว่าควรจะเชื่อคำพูดของใคร

เมื่อกี้พยาบาลคนนั้นบอกเขาชัดเจน ตอนนี้ฉินซีอยู่ในองค์กรอย่างสบายมาก เขาไม่ต้องเป็นห่วง

แต่ ถังย่ากลับบอกว่าฉินซีสลบไปยังไม่ฟื้น สมองได้รับบาดเจ็บสาหัส

“โจวเอ้อยู่ที่ไหน?”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นมาทันที มองตรงไปที่โจวซิงกล่าวอย่างรุนแรง

ไม่ได้ เขาต้องทำให้ชัดเจน ทางนั้นฉินซีสถานการณ์เป็นยังไง เขาจะสบายใจได้ยังไง

“โจวเอ้อกำลังพักอยู่ในห้องทำงานของฉัน คุณจะให้ตามเขาไหม?”

“อืม คุณไปเรียกโจวเอ้อมา ฉันมีธุระจะสั่งการ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม

โจวซิงรู้ว่าเขาต้องการให้โจวเอ้อไปหาข่าวเรื่องของฉินซีแน่นอน ถ้าเรื่องนี้ไม่จัดการให้ดี ลู่เซิ่นไม่มีทางรับการรักษาอย่างสบายใจ

ครั้นแล้ว เขาสั่งให้พยาบาลไปเรียกโจวเอ้อที่ห้องทำงาน ตัวเองอยู่ดูแลลู่เซิ่นที่ห้องพักผู้ป่วย ป้องกันถังย่ากลับมาอีกครั้ง

โจวเอ้อโดนเรียกตัว รีบมาทันที

เขาเห็นท่าทางลู่เซิ่นนั่งเหม่อลอย ขมวดคิ้ว : “ลู่เซิ่น”

โจวเอ้อเรียกเบาๆ ดึงลู่เซิ่นออกมามาจากความคิด

“คุณมาแล้ว นั่งเถอะ”

ลู่เซิ่น ณ เวลานี้ ยังถือว่าสงบอยู่

สีหน้าของเขาเยือกเย็น บรรยากาศลึกลับแผ่กระจายทั่วตัว ทำให้คนเดาใจเขาไม่ออก

“อืม”

โจวเอ้อพยักหน้า นั่งลงบนโซฟาข้างๆ เขา

ลู่เซิ่นอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้เขาฟังหนึ่งรอบ : “โจวเอ้อ คุณคิดว่าในนี้มีอะไรผิดปกติไหม”

เขาจ้องมองโจวเอ้อ อยากฟังความคิดเห็นของเขา

ความจริงแล้ว โจวเอ้อก็ไม่แน่ใจในสถานการณ์นี้

โจวเอ้อเม้มปาก : “พยาบาลคนนั้นบอกว่าฉินซีส่งเธอมา”

เขาคิดว่าควรจะจัดการคำพูดของพยาบาลให้ชัดเจนก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือมาแค่ไหน

ลู่เซิ่นขยับริมฝีปากบาง : “เธอไม่ได้เอ่ยถึงชื่อฉินซี แต่ในความหมายนั้นก็หมายถึงฉินซี”

“ฉันกลับรู้สึกว่า ที่พยาบาลคนนั้นพูดอาจจะเป็นความจริงทั้งหมด ในเมื่อฉินซีสามารถส่งข่าวออกมาได้ และไม่ได้โง่ขนาดบอกชื่อตรงๆ ถ้าเกิดจ้านเซินรู้เข้า จะยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก กลับกัน ทำอย่างนี้ตอนนี้ยิ่งอันตราย”

โจวเอ้ออธิบายความคิดของตัวเองออกมา

ฟังเขาพูดจบ โจวซิงพยักหน้าเห็นด้วย และพูดต่อว่า : “ฉันก็รู้สึกว่าโจวเอ้อพูดไม่ผิด ถังย่าคนนั้นฉันเคยรับมือด้วย ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ในใจเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ที่ฉันโดนจับครั้งนี้เพราะแพ้ให้กับเธอ”

ถึงแม้โจวซิงจะภูมิใจในตัวเองมาก แต่ยอมพูดเรื่องที่ตัวเองแพ้ให้กับผู้หญิงออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ลู่เซิ่นโดนเธอหลอก ก็เลยยอมบอกความจริง

ลู่เซิ่นก็เคยรับมือกับถังย่า รู้ว่าเธอเจ้าเล่ห์แค่ไหน

เขาคิดแล้วคิดอีก แววตาส่องประกายความหม่นหมอง : “โจวเอ้อ คุณหาวิธีแทรกซึมเข้าไปในองค์กร ตรวจดูหน่อยว่าสถานการณ์ของฉินซีตอนนี้เป็นยังไง”

คนอื่นพูดเป็นหมื่นครั้ง ไม่สู้ไปตรวจสอบความจริงด้วยตัวเอง

“ได้”

โจวเอ้พยักหน้า ลุกขึ้นยืน

เขามองลู่เซิ่น พูดอย่างไม่สบายใจ : “ฉันจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ แต่คุณต้องสัญญากับฉัน จะไม่ทำอะไรหุนหันพลันแล่น ต้องพักผ่อนให้หายดี รักษาร่างกายให้หายดีแล้วถึงจะช่วยฉินซีออกมาได้”

โจวเอ้อมีลางสังหรณ์ว่าช่วงนี้ตัวเองจะยุ่งมาก นิสัยของลู่เซิ่นก็ดื้อรั้นมาก ไม่มีตัวเองอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าโจวซิงคนเดียวจะรับมือไหวไหม

ลู่เซิ่นรู้ว่าในใจเขาเป็นห่วง ริมฝีปากบางขยับ : “สบายใจได้ ฉันรู้ตัวเองดี”

ไม่มีใครอยากช่วยฉินซีออกมามากกว่าเขาแล้ว แต่ตอนนี้ลู่เซิ่นต้องรู้ชัดเจนว่าการมีชีวิตอยู่สำคัญขนาดไหน

ไม่ว่าเมื่อกี้ที่ถังย่าพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แต่มีประโยคหนึ่งที่ลู่เซิ่นเห็นด้วย

นั่นก็คือถ้าเขาตาย ฉินซีก็ไม่ทางยอมมีชีวิตอยู่บนโลกนี้

ความรู้สึกที่ฉินซีมีต่อเขา ลู่เซิ่นรู้ดี

โจวเอ้อเห็นเขาตกลง ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย : “ดี”

พูดจบ เขารีบหมุนตัวออกไปห้องพักผู้ป่วย

ลู่เซิ่นมองหลังของเขา แววตาดำสนิทส่องประกายความมุ่งมั่น : “ฉินซี คุณรอหน่อย! ฉันจะต้องช่วยคุณออกมาให้ได้!”

ลู่เซิ่นสาบานเงียบๆ ในใจ มือที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มกำหมัดแน่น

……

ขณะเดียวกัน

ในองค์กร

“เป็นยังไงบ้าง?”

ฉินซีมองเหยาจ้าว ใบหน้ามองเขาด้วยความหวัง

เธอรอข่าวจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว

เหยาจ้าวมองท่าทางรีบร้อนของเธอ ไม่อ้อมค้อม และบอกตามตรง : “ลู่เซิ่นไม่เป็นอะไร ตอนนี้รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอย่างเงียบๆ”

ได้ยินข่าวนี้ ใบหน้าของฉินซีก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาสักที

ร่างกายที่ตึงแน่นค่อยๆ ผ่อนคลาย ฉินซีรู้สึกแสบจมูกขึ้นมาทันที

เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า : “เขาไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี”

ฉินซีไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไง ประมาณว่าในที่สุดก็วางก้อนหินก้อนใหญ่ในใจลงได้สักที

ตอนนี้เธอคิดว่าแค่ลู่เซิ่นยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว

เรื่องอื่นไม่สำคัญเท่าชีวิตเขา

เหยาจ้าวมองท่าทางอ่อนแอของเธอ แอบถอนหายใจเงียบในใจ : “ฉันให้คนคนไปบอกข่าวกับลู่เซิ่นแล้ว บอกเขาว่าคุณอยู่ในองค์กรสบายดี ให้เขารักษาตัวให้ดีไม่ต้องเป็นห่วง”

ด้านนี้ เหยาจ้าวคิดอย่างรอบคอบ

ฉินซีพยักหน้า เธอเงยหน้ามองเหยาจ้าว แสงดาวเปล่งประกายในดวงตา : “พี่ชาย ขอบคุณน่ะ”

เธอพูดอย่างตื้นตัน ในใจรู้สึกอบอุ่น

ในองค์กรที่เยือกเย็นนี้ ยังมีอีกคนที่อยู่ข้างเธอ

ทำให้ฉินซีมีพลังไร้ขีดจำกัดในใจ

น้อยมากที่ฉินซีจะเรียกเหยาจ้าวว่าพี่ การเรียกอย่างสนิทสนม ทำให้ในใจเหยาจ้าวไม่คุ้นชินนิดหน่อย

คิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ เหยาจ้าวเอ่ยปากเตือน : “ในเมื่อรู้ว่าลู่เซิ่นพ้นขีดอันตรายแล้ว ช่วงนี้คุณอยู่ในองค์กรยิ่งต้องนิ่งเข้าไว้ อย่าทำให้จ้านเซินโกรธ ตอนนี้เขายังไม่ลดความระมัดระวังที่มีต่อเธอและฉัน และฉันยังได้ยินว่า สายที่จ้านเซินวางไว้ทางฝั่งของลู่เซิ่นยังเรียกกลับมาไม่หมด”

สถานการณ์ยากลำบาก ถ้าผิดเพียงก้าวเดียว ฉินซีและเขาอย่าคิดจะมีชีวิตรอดออกไป

หลังสมองของฉินซีรู้ว่าลู่เซิ่นปลอดภัยดี ก็ค่อยๆ สงบลง

ใบหน้าเคร่งขรึมของเธอพยักหน้า : “ฉันรู้ ฉันจะหาทางสงบจ้านเซินไว้ ให้เขาลดความระมัดระวังที่มีต่อฉันลง”

ถึงแม้ลู่เซิ่นจะจัดการเรื่องภายนอกได้ แต่เรื่องภายในองค์กรเธอก็ยังต้องจัดการด้วยตัวเอง เธอต้องมีกำลังใจขึ้นมาให้ได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท