Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1443

ตอนที่ 1443

บทที่ 1443 ไม่พอใจ

เมื่อเห็นเขาได้ใจอย่างนั้น ลู่เซิ่นก็พูดขึ้นสีหน้าเคร่งเครียด “ระวังตัวหน่อยจะดีกว่า”

ลู่เซิ่นประมือกับจ้านเซินครั้งก่อน รู้ว่าเขามีฝีมือต่อสู้ไม่ธรรมดา ความคิดก็ต่างกับคนทั่วไป

ครั้งนี้แม้เหยาจ้าวจะบอกว่าจ้านเซินไม่ได้ตามมาด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงเป็นแค่ฉากหน้าหรือไม่

“ใช่”

คำเตือนของลู่เซิ่นทำให้โจวเอ้อที่กำลังดีใจลิงโลดกลับมานิ่งสุขุมอีกครั้ง

โจวเอ้อพยักหน้าจริงจัง “งั้นตอนนี้พวกเราไปที่งานเลี้ยงก่อนใช่มั้ย”

เขาก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ ถ้ายังไม่ไป น่าจะไม่ทันแล้ว

“อึม”

เพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญ ลู่เซิ่นให้โจวเอ้อใส่หน้ากากหนังคนก่อน

ทั้งสองคนใส่หน้ากากหนังคนเรียบร้อย ก็รีบรุดไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยง

โจวเอ้อจัดการให้มีสองคนไปทำงานก่อนแล้ว ที่มาด้วยกันยังมีพนักงานที่จ้างใหม่อีกสองสามคน

เพื่อจัดงานเลี้ยงของหลูจื๋อหลิน ครั้งนี้ให้เรียบร้อย จึงว่าจ้างคนงานใหม่หลายคนโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้คนขาดมือ

โจวเอ้อกับลู่เซิ่นใส่หน้ากากหนังคนปะปนกับคนอื่นไม่เป็นที่สังเกตเห็น

หลายคนยืนเป็นแถว

ผู้จัดการโรงแรมมองคนงานใหม่ที่อยู่ตรงหน้า หน้าตาเคร่งขรึม “งานเลี้ยงครั้งนี้สำคัญมาก ทุกคนต้องตั้งใจอย่าให้มีข้อบกพร่องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นถ้าคุณทำให้แขกไม่พอใจ ไม่มีใครช่วยพวกคุณได้”

เสียงของเขาเย็นเฉียบ ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย

“ครับ”

ทุกคนตอบรับพร้อมกัน

คนที่มาร่วมงานเลี้ยงนี้ได้เป็นคนร่ำรวยมีหน้ามีตา พวกเขาไม่กล้าทำให้แขกไม่พอใจแน่

ลู่เซิ่นยืนอยู่ตรงกลาง สีหน้าเรียบเฉย

ผู้จัดการเห็นท่าทางของเขาไม่แยแส ก็ขมวดคิ้ว “แก!”

เขาเดินมายืนตรงหน้าลู่เซิ่น นิ้วชี้จมูกของเขา น้ำเสียงแข็งกร้าว “แกชื่ออะไร”

ผู้จัดการไม่รู้ฐานะของลู่เซิ่น ปกติแล้วใช้มือชี้จนเคยชิน น้ำเสียงก็ไม่ให้เกียรติแต่อย่างใด

เมื่อเห็นผู้จัดการท่าทางไม่เคารพ นัยน์ตาของลู่เซิ่นมีประกายคมกริบ

เขาอยากจะจัดการผู้จัดการไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ แต่นึกถึงสถานะของตัวเองตอนนี้ จำต้องอดทนไว้

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร

โจวเอ้อยืนอยู่ข้างๆ มองอย่างเป็นกังวล กลัวว่าลู่เซิ่นจะโกรธ ต่อยผู้จัดการเข้า เดี๋ยวจะต้องความแตกแน่

เพื่อกันไว้ก่อนแก้ โจวเอ้อรีบแย่งพูดก่อน “ผู้จัดการครับ เขาชื่อ จางหู่”

เนื่องด้วยร้อนใจ โจวเอ้อคิดชื่อหนึ่งขึ้นมามั่วๆ อยากจะหลอกส่งๆ ไปก่อน

ผู้จัดการกำลังพูดกับลู่เซิ่น เห็นเขาพูดแทรก สีหน้าไม่พอใจ “แล้วแกเป็นใคร ใครใช้ให้แกพูด”

เขาจ้องมองโจวเอ้อสายตาโมโห น้ำเสียงแฝงด้วยการตำหนิ

ท่าทางยโสโอหังอย่างนี้ ทำให้มือสองข้างของโจวเอ้อกำหมัดแน่น

อย่าว่าแต่ลู่เซิ่น แม้แต่โจวเอ้อก็อยากจะต่อยเขาเต็มแก่

เป็นแค่ผู้จัดการโรงแรมเล็กๆ เท่านั้น กล้าวางอำนาจต่อหน้าพวกเขา

โจวเอ้อสูดลมหายใจลึก ระงับความโมโหไว้ข้างใน แกล้งทำเป็นยิ้มแย้ม “ผู้จัดการ สวัสดีครับ ผมชื่อ หวังลี่ ผมกับ จางหู่ เป็นเพื่อนโตมาด้วยกัน ได้ยินว่าที่นี่รับพนักงานเสิร์ฟ พวกเราก็เลยมาสมัครด้วยกัน”

ขณะพูด เขาก็หยิบบุหรี่จากกระเป๋าออกมาส่งให้

ผู้จัดการตอนแรกคิดจะหาเรื่องต่อ แต่เมื่อเห็นเขาส่งบุหรี่ราคาแพงให้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม

เขาแกล้งทำเป็นขมวดคิ้วโกรธ ถามเสียงดัง “แกจะทำอะไร”

โจวเอ้อเห็นสายตาเขาอยากสูบบุหรี่ ก็รีบเดินไปตรงหน้าเขา ยัดบุหรี่ในมือเขา “ผู้จัดการ นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยของผมกับจางหู่”

โจวเอ้ออยู่ข้างนอกมาหลายปีขนาดนี้ ย่อมรู้กฎพวกนี้เป็นอย่างดี

“หึ!”

ผู้จัดการแกล้งทำเป็นโกรธ “แกกะล่อนใช้ได้ ครั้งหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกล่ะ”

ปากพูดว่าไม่ต้องการ แต่หยิบบุหรี่เก็บลงในกระเป๋า

ทุกคนมองเห็น แม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อคิดถึงตัวเองต้องทำงานเป็นลูกน้องเขา ก็ได้แต่เลือกทำเป็นไม่เห็น กล้ำกลืนไว้ในใจ

“เอาล่ะ ฉันบอกกฎเกณฑ์เรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกแกทำผิดอีก ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว เกิดเรื่องก็หาทางจัดการเองละกัน ถึงตอนนั้นอย่ามาให้ฉันช่วยล่ะ”

ผู้จัดการโบกมือหงุดหงิด พูดจบก็รีบเดินออกไป

ลู่เซิ่นมองตามหลังเขา ดวงตามีประกายที่มีความหมายลึกๆ

ผู้จัดการไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหวกันเป็นอิสระ

แต่ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อรู้สึกได้ พนักงานคนอื่นตั้งใจห่างจากพวกเขา

ลู่เซิ่นสบตากับโจวเอ้อแวบหนึ่ง โจวเอ้อเข้าใจแล้ว

“สวัสดีทุกคน!”

โจวเอ้อเดินเข้าไปหาสามคนที่ยืนจับกลุ่มด้านหนึ่งอย่างเป็นกันเอง

ทั้งสามคนมองเห็นเขา เหมือนจะหารือกัน หันหน้าไม่สนใจพร้อมกัน

ท่าทีเย็นชาเช่นนี้ ทำให้โจวเอ้ออึดอัดใจ

โจวเอ้อปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว หยิบของขวัญที่เตรียมไว้แล้วออกมา “ต่อไปทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ถ้ามีเรื่องอะไร หวังว่าจะช่วยกันนะครับ”

เขาพูดพลาง ส่งของขวัญให้ทั้งสามคน

ทั้งสามคนคิดว่าโจวเอ้อคือลูกคู่ตัวตลกของผู้จัดการ เป็นแต่ประจบผู้จัดการ ขายพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเขาก็จะได้ของขวัญเหมือนกัน

โจวเอ้อเห็นทั้งสามคน สีหน้าประหลาดใจ ก็ยิ้มบางๆ “ทุกคนอึ้งอะไรอยู่ ไม่รับคือไม่อยากเป็นเพื่อนกับพวกเราสองคนงั้นหรือ”

ขณะพูด สีหน้าของเขาผิดหวัง

ทั้งสามคนมองของขวัญตรงหน้า สายตาฉายแววโลภ

เมื่อดูจากการแสดงออกของผู้จัดการ เมื่อครู่ของขวัญที่โจวเอ้อให้จะต้องมีราคาแน่

สามคนสบตากัน ถ้าคนหนึ่งไม่รับคนอื่นก็ไม่รับ

หนึ่งในนั้น ผู้หญิงคนเดียวรับกล่องของขวัญไป รอยยิ้มสดใส “พี่หวัง ทำไมพวกเราจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับพี่ล่ะ พวกเราแค่กังวลพี่จะไม่ชอบพวกเรา”

เสียงของเธอเป็นมิตร ขณะพูดก็ไม่ลืมส่งสายตาหวานให้โจวเอ้อ

แม้จะเป็นพนักงานเสิร์ฟเหมือนกัน แต่ เธอรู้สึกได้ว่าออร่าที่ออกมาจากโจวเอ้อกับลู่เซิ่นต่างออกไปสิ้นเชิง อีกทั้ง โจวเอ้อยังใจกว้างขนาดนี้ ถ้าได้เป็นเพื่อนกับเขา วันหลังน่าจะไม่เสียเปรียบแน่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ มุมปากของเธอเผยอนิดหนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยการคำนวณ

โจวเอ้ออ่านคนมานับไม่ถ้วน ย่อมดูออกว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรกับเขา

เขาทำเป็นไม่เห็น ยิ้มเหอะๆ “ทุกคนเป็นพนักงานเหมือนๆ กัน ที่ไหนกันชอบ ไม่ชอบ ต่อไปทุกคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น มีเรื่องอะไรเรียกพี่น้อง พี่น้องไปช่วยทันที”

โจวเอ้อตบอก พูดรับประกันน้ำเสียงใจกว้าง ดูแล้วจริงใจ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท