บทที่ 1443 ไม่พอใจ
เมื่อเห็นเขาได้ใจอย่างนั้น ลู่เซิ่นก็พูดขึ้นสีหน้าเคร่งเครียด “ระวังตัวหน่อยจะดีกว่า”
ลู่เซิ่นประมือกับจ้านเซินครั้งก่อน รู้ว่าเขามีฝีมือต่อสู้ไม่ธรรมดา ความคิดก็ต่างกับคนทั่วไป
ครั้งนี้แม้เหยาจ้าวจะบอกว่าจ้านเซินไม่ได้ตามมาด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงเป็นแค่ฉากหน้าหรือไม่
“ใช่”
คำเตือนของลู่เซิ่นทำให้โจวเอ้อที่กำลังดีใจลิงโลดกลับมานิ่งสุขุมอีกครั้ง
โจวเอ้อพยักหน้าจริงจัง “งั้นตอนนี้พวกเราไปที่งานเลี้ยงก่อนใช่มั้ย”
เขาก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ ถ้ายังไม่ไป น่าจะไม่ทันแล้ว
“อึม”
เพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญ ลู่เซิ่นให้โจวเอ้อใส่หน้ากากหนังคนก่อน
ทั้งสองคนใส่หน้ากากหนังคนเรียบร้อย ก็รีบรุดไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยง
โจวเอ้อจัดการให้มีสองคนไปทำงานก่อนแล้ว ที่มาด้วยกันยังมีพนักงานที่จ้างใหม่อีกสองสามคน
เพื่อจัดงานเลี้ยงของหลูจื๋อหลิน ครั้งนี้ให้เรียบร้อย จึงว่าจ้างคนงานใหม่หลายคนโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้คนขาดมือ
โจวเอ้อกับลู่เซิ่นใส่หน้ากากหนังคนปะปนกับคนอื่นไม่เป็นที่สังเกตเห็น
หลายคนยืนเป็นแถว
ผู้จัดการโรงแรมมองคนงานใหม่ที่อยู่ตรงหน้า หน้าตาเคร่งขรึม “งานเลี้ยงครั้งนี้สำคัญมาก ทุกคนต้องตั้งใจอย่าให้มีข้อบกพร่องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นถ้าคุณทำให้แขกไม่พอใจ ไม่มีใครช่วยพวกคุณได้”
เสียงของเขาเย็นเฉียบ ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย
“ครับ”
ทุกคนตอบรับพร้อมกัน
คนที่มาร่วมงานเลี้ยงนี้ได้เป็นคนร่ำรวยมีหน้ามีตา พวกเขาไม่กล้าทำให้แขกไม่พอใจแน่
ลู่เซิ่นยืนอยู่ตรงกลาง สีหน้าเรียบเฉย
ผู้จัดการเห็นท่าทางของเขาไม่แยแส ก็ขมวดคิ้ว “แก!”
เขาเดินมายืนตรงหน้าลู่เซิ่น นิ้วชี้จมูกของเขา น้ำเสียงแข็งกร้าว “แกชื่ออะไร”
ผู้จัดการไม่รู้ฐานะของลู่เซิ่น ปกติแล้วใช้มือชี้จนเคยชิน น้ำเสียงก็ไม่ให้เกียรติแต่อย่างใด
เมื่อเห็นผู้จัดการท่าทางไม่เคารพ นัยน์ตาของลู่เซิ่นมีประกายคมกริบ
เขาอยากจะจัดการผู้จัดการไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ แต่นึกถึงสถานะของตัวเองตอนนี้ จำต้องอดทนไว้
ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร
โจวเอ้อยืนอยู่ข้างๆ มองอย่างเป็นกังวล กลัวว่าลู่เซิ่นจะโกรธ ต่อยผู้จัดการเข้า เดี๋ยวจะต้องความแตกแน่
เพื่อกันไว้ก่อนแก้ โจวเอ้อรีบแย่งพูดก่อน “ผู้จัดการครับ เขาชื่อ จางหู่”
เนื่องด้วยร้อนใจ โจวเอ้อคิดชื่อหนึ่งขึ้นมามั่วๆ อยากจะหลอกส่งๆ ไปก่อน
ผู้จัดการกำลังพูดกับลู่เซิ่น เห็นเขาพูดแทรก สีหน้าไม่พอใจ “แล้วแกเป็นใคร ใครใช้ให้แกพูด”
เขาจ้องมองโจวเอ้อสายตาโมโห น้ำเสียงแฝงด้วยการตำหนิ
ท่าทางยโสโอหังอย่างนี้ ทำให้มือสองข้างของโจวเอ้อกำหมัดแน่น
อย่าว่าแต่ลู่เซิ่น แม้แต่โจวเอ้อก็อยากจะต่อยเขาเต็มแก่
เป็นแค่ผู้จัดการโรงแรมเล็กๆ เท่านั้น กล้าวางอำนาจต่อหน้าพวกเขา
โจวเอ้อสูดลมหายใจลึก ระงับความโมโหไว้ข้างใน แกล้งทำเป็นยิ้มแย้ม “ผู้จัดการ สวัสดีครับ ผมชื่อ หวังลี่ ผมกับ จางหู่ เป็นเพื่อนโตมาด้วยกัน ได้ยินว่าที่นี่รับพนักงานเสิร์ฟ พวกเราก็เลยมาสมัครด้วยกัน”
ขณะพูด เขาก็หยิบบุหรี่จากกระเป๋าออกมาส่งให้
ผู้จัดการตอนแรกคิดจะหาเรื่องต่อ แต่เมื่อเห็นเขาส่งบุหรี่ราคาแพงให้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม
เขาแกล้งทำเป็นขมวดคิ้วโกรธ ถามเสียงดัง “แกจะทำอะไร”
โจวเอ้อเห็นสายตาเขาอยากสูบบุหรี่ ก็รีบเดินไปตรงหน้าเขา ยัดบุหรี่ในมือเขา “ผู้จัดการ นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยของผมกับจางหู่”
โจวเอ้ออยู่ข้างนอกมาหลายปีขนาดนี้ ย่อมรู้กฎพวกนี้เป็นอย่างดี
“หึ!”
ผู้จัดการแกล้งทำเป็นโกรธ “แกกะล่อนใช้ได้ ครั้งหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกล่ะ”
ปากพูดว่าไม่ต้องการ แต่หยิบบุหรี่เก็บลงในกระเป๋า
ทุกคนมองเห็น แม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อคิดถึงตัวเองต้องทำงานเป็นลูกน้องเขา ก็ได้แต่เลือกทำเป็นไม่เห็น กล้ำกลืนไว้ในใจ
“เอาล่ะ ฉันบอกกฎเกณฑ์เรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกแกทำผิดอีก ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว เกิดเรื่องก็หาทางจัดการเองละกัน ถึงตอนนั้นอย่ามาให้ฉันช่วยล่ะ”
ผู้จัดการโบกมือหงุดหงิด พูดจบก็รีบเดินออกไป
ลู่เซิ่นมองตามหลังเขา ดวงตามีประกายที่มีความหมายลึกๆ
ผู้จัดการไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มเคลื่อนไหวกันเป็นอิสระ
แต่ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อรู้สึกได้ พนักงานคนอื่นตั้งใจห่างจากพวกเขา
ลู่เซิ่นสบตากับโจวเอ้อแวบหนึ่ง โจวเอ้อเข้าใจแล้ว
“สวัสดีทุกคน!”
โจวเอ้อเดินเข้าไปหาสามคนที่ยืนจับกลุ่มด้านหนึ่งอย่างเป็นกันเอง
ทั้งสามคนมองเห็นเขา เหมือนจะหารือกัน หันหน้าไม่สนใจพร้อมกัน
ท่าทีเย็นชาเช่นนี้ ทำให้โจวเอ้ออึดอัดใจ
โจวเอ้อปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว หยิบของขวัญที่เตรียมไว้แล้วออกมา “ต่อไปทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ถ้ามีเรื่องอะไร หวังว่าจะช่วยกันนะครับ”
เขาพูดพลาง ส่งของขวัญให้ทั้งสามคน
ทั้งสามคนคิดว่าโจวเอ้อคือลูกคู่ตัวตลกของผู้จัดการ เป็นแต่ประจบผู้จัดการ ขายพวกเขา แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเขาก็จะได้ของขวัญเหมือนกัน
โจวเอ้อเห็นทั้งสามคน สีหน้าประหลาดใจ ก็ยิ้มบางๆ “ทุกคนอึ้งอะไรอยู่ ไม่รับคือไม่อยากเป็นเพื่อนกับพวกเราสองคนงั้นหรือ”
ขณะพูด สีหน้าของเขาผิดหวัง
ทั้งสามคนมองของขวัญตรงหน้า สายตาฉายแววโลภ
เมื่อดูจากการแสดงออกของผู้จัดการ เมื่อครู่ของขวัญที่โจวเอ้อให้จะต้องมีราคาแน่
สามคนสบตากัน ถ้าคนหนึ่งไม่รับคนอื่นก็ไม่รับ
หนึ่งในนั้น ผู้หญิงคนเดียวรับกล่องของขวัญไป รอยยิ้มสดใส “พี่หวัง ทำไมพวกเราจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับพี่ล่ะ พวกเราแค่กังวลพี่จะไม่ชอบพวกเรา”
เสียงของเธอเป็นมิตร ขณะพูดก็ไม่ลืมส่งสายตาหวานให้โจวเอ้อ
แม้จะเป็นพนักงานเสิร์ฟเหมือนกัน แต่ เธอรู้สึกได้ว่าออร่าที่ออกมาจากโจวเอ้อกับลู่เซิ่นต่างออกไปสิ้นเชิง อีกทั้ง โจวเอ้อยังใจกว้างขนาดนี้ ถ้าได้เป็นเพื่อนกับเขา วันหลังน่าจะไม่เสียเปรียบแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มุมปากของเธอเผยอนิดหนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยการคำนวณ
โจวเอ้ออ่านคนมานับไม่ถ้วน ย่อมดูออกว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรกับเขา
เขาทำเป็นไม่เห็น ยิ้มเหอะๆ “ทุกคนเป็นพนักงานเหมือนๆ กัน ที่ไหนกันชอบ ไม่ชอบ ต่อไปทุกคนเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น มีเรื่องอะไรเรียกพี่น้อง พี่น้องไปช่วยทันที”
โจวเอ้อตบอก พูดรับประกันน้ำเสียงใจกว้าง ดูแล้วจริงใจ