Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1453

ตอนที่ 1453

บทที่ 1453 นี่คือคำสั่ง

โจวเอ้อจงใจพูดอ้อมค้อม ก่อนถามกลับอย่างลึกลับ “นายเดาสิ”

พูดออกมาง่ายๆ สองคำ ทำให้โจวซิงโกรธควันออกหู

โจวซิงรู้สึกว่าเขาจงใจ เหมือนคิดแค่เย้าแหย่ตัวเอง

ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกวิธีที่จะได้รับคำตอบจากโจวเอ้อ และเลือกที่จะเดินไปหาลู่เซิ่น

โจวซิงเดินไปหาลู่เซิ่น ใบหน้าหล่อเหลามาพร้อมกับรอยยิ้มประจบประแจง “ลู่เซิ่น พอจะบอกผมได้ไหมว่าของสิ่งนี้มาจากไหน?”

เขาอยากรู้อยากเห็นจริงๆ ถ้าหากวันนี้ไม่รู้ชัดเจน เขานอนไม่หลับแน่

ลู่เซิ่นไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งเขา ก่อนพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันทำเอง”

เมื่อน้ำเสียงของเขาจบลง ทันใดภายในห้องก็มีเสียงสูดหายใจ

ตอนนี้ การแสดงออกของโจวซิงดูเกินจริงกว่าตอนที่เขาเห็นจากโจวเอ้อครั้งแรก

โจวซิงมองเขาอย่างไม่เชื่อ “จริงไหม?”

สายตาเขากวาดมองไปยังโจวเอ้อที่ยืนอยู่

โจวเอ้อพยักหน้าไปยังสายตาที่สงสัยของเขา

สีหน้าของเขาเคร่งขรึม จริงจัง ไม่มีความล้อเล่นแม้แต่น้อย

โจวซิงยากที่จะปกปิดความสั่นสะเทือนใจของเขาได้ “ลู่เซิ่น เยี่ยมไปเลย!”

อีกด้าน

ทันทีที่ถังย่าก้าวขาออกมาจากประตูโรงพยาบาล เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

เธอหาชื่อจ้านเซินภายในเบอร์ติดต่อ ก่อนจะโทรออกไป

“ตู๊ดตู๊ดตู๊ด… ”

โทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนจะมีคนรับสาย

“อืม ถังย่า”

ถังย่าได้ยินเสียงทุ้มต่ำเซ็กซี่ของจ้านเซินจากอีกด้านของโทรศัพท์ หัวใจของเธอก็สั่นไหวเล็กน้อย

ทุกครั้งที่จ้านเซินพูดชื่อของเธอ ถังย่ามักจะรู้สึกถึงความรู้สึกรักที่งอกเงยออกมา

“อืม ฉันเอง”

ถังย่าไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงตอบแบบนี้ เมื่อเธอพูดจบใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาทันที

จ้านเซินสังเกตได้ถึงความแตกต่างของเธอ เขาขมวดคิ้ว “เป็นอะไรไป”

เขาแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมถังย่าถึงกลายเป็นแบบนี้

จ้านเซินอดไม่ได้ที่จะคิดเข้าใจผิด จะเกิดปัญหาอะไรกับลู่เซิ่นทางนู้นหรือไม่?

“ลู่เซิ่นเป็นอย่างไร?”

น้ำเสียงของจ้านเซินเปลี่ยนเป็นดุดัน

แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ห่างกันหลายพันไมล์ แต่ถังย่ายังคงรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของจ้านเซิน ซึ่งมันทำให้เธอสั่นราวกับลูกนก

ถังย่าไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกในใจของเธออย่างไร เธอรู้ดีว่าสาเหตุที่จ้านเซินกลายเป็นแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะฉินซี

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ถังย่าก็ห้ามไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงน้ำเปรี้ยวภายในใจ

เธอหายใจเข้าลึกๆ ระงับความหึงไว้ในใจ “ไม่มีอะไร ลู่เซิ่นสบายดี ตอนนี้เขากำลังนอนพักอยู่ในโรงพยาบาล ไม่มีปัญหาอะไรให้กังวล”

ถังย่าบอกผลการตรวจสอบให้จ้านเซินฟัง เลี่ยงไม่ให้เขากังวล

เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น จ้านเซินก็รู้สึกโล่งใจ

แต่จ้านเซินยังคงไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย “เธอแน่ใจไหมว่าลู่เซิ่นไม่ได้ออกไปไหน?”

ไม่รู้อย่างไร วันนี้เขารู้สึกถึงความแปลกของฉินซีที่แสดงให้เห็นเมื่อเช้านี้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลู่เซิ่น

แต่จนถึงตอนนี้ จ้านเซินก็ยังไม่พบเบาะแสแม้แต่น้อยเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าความคิดของเขาถูกต้อง

ถังย่าเฝ้าอยู่ด้านนอกโรงพยาบาลมาตลอด และมั่นใจว่าไม่เคยเห็นลู่เซิ่นออกไป

เธอพูดยืนยัน “แน่ใจ”

เมื่อถังย่ารับประกัน แม้จ้านเซินจะงุนงง แต่เขาก็ยังเชื่อ

จ้านเซินพูดต่อทันที “ต่อไป ฉินซีจะใช้เวลาอีกสองวันในการทำภารกิจให้สำเร็จและกลับองค์กร ฉันหวังว่าเธอจะจับตาดูลู่เซิ่นให้ดี และไม่ให้มันได้เจอกับฉินซี ทำได้ไหม?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขา ถังย่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก

เธอพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “นี่เป็นคำสั่งไหม?”

หากนี่เป็นคำสั่งคำสั่ง ถังย่าไม่อยากทำ แต่ก็ต้องทำ

เพราะเธอเคยสาบานว่าจะไม่มีวันทรยศต่อจ้านเซิน

จ้านเซินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพูด “ใช่”

ทันทีที่เขาพูด ถังย่าเข้าใจในทันที

รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของเธอ ถังย่าถอนหายใจภายในใจอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันรู้แล้ว ฉันจะทำภารกิจให้สำเร็จ ไม่ต้องกังวล”

ถังย่าพูดทีขึ้นทีละคำ ตอนนี้เธอได้ยินเสียงหัวใจที่แตกสลาย

ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดไปกว่าการได้เฝ้ามองผู้ชายที่ชอบ ไปชอบผู้หญิงคนอื่น

บางครั้งถังย่ายังรู้สึกว่าการตายจากไปดีกว่าจะมารู้สึกอะไรแบบนี้

อย่างไรก็ตาม เธอไม่อาจทำใจตายได้

เธอไม่เคยได้รับการมองอีกแง่มุมหนึ่งจากจ้านเซิน ถังย่าไม่เต็ม เธออยากจะช่วงชิง

จ้านเซินรู้สึกว่าน้ำเสียงของถังย่าแปลกๆ และอยากถามเธอว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เขาได้ยินเสียง “ปี๊ป” ที่ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์

เขาขมวดคิ้ว ก่อนวางโทรศัพท์ลงด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย

ถังย่าก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ

บางทีอาจเป็นเพราะพระเจ้าเข้าใจความรู้สึกของเธอ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆและฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา

ถังย่ายืนอยู่ท่ามกลางสายฝน เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่า โดยไม่ได้วิ่งหลบแต่อย่างใด

ซิวหน่ายซิงยืนมองเธอจากทางด้านหลัง เขามองไปยังท่าทางอันสับสนของเธอ ก่อนพูดอย่างเจ็บปวดว่า “ลูกพี่ ฝนตกแล้ว พวกเรารีบกลับเถอะ เปียกฝนแล้วจะไม่สบายเอานะครับ”

แม้ว่ากำลังของถังย่าจะสุดยอดมาก แต่ทว่าร่างกายของเธอก็อ่อนแอมาก

แค่โดนฝนก็จะไม่สบาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ถังย่าเคยไปตรวจ พบว่ามันคือการขาดสารอาหารเมื่อตอนเธอยังเป็นเด็ก ไม่หายขาด ภูมิคุ้นกันไม่ดีมาแต่กำเนิด

ซิวหน่ายซิงพูดพลางถอดเสื้อโค้ตของตัวเอง มาปกคลุมไว้บนศีรษะ “สุขภาพของคุณแย่ขนาดนี้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ต้องกินยานะครับ”

เช่นเดียวกับฉินซี ถังย่าเกลียดการกินยามากเช่นกัน

เธอไม่ได้กลัว แต่เพราะเธอรู้สึกว่าชีวิตมันขมขื่นพออยู่แล้ว จะดีกว่าไหมถ้าได้กินอะไรหวานๆ ทำไมต้องมากินยาขมๆพวกนี้ด้วย

“อืม”

ถังหยามองท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอก ตอบรับแผ่วเบา

ที่จริงแล้วเธอชอบวันที่ฝนตก ตอนเด็กๆ เธอก็อยากไปตากฝนเพื่อเล่นน้ำเหมือนเด็กคนอื่นๆ

แต่เธอกลับทำไม่ได้ เพราะเธอจะป่วยและมีไข้ขึ้นสูง

บางครั้ง ถังย่าก็คิดอย่างโศกเศร้า บางทีเธอคงไม่มีโชควาสนา

เธอไม่สามารถแม้แต่จะหวังถึงความปรารถนาเล็กน้อยที่เรียบง่ายได้เลย ไม่แม้แต่จะได้คิดเพ้อฝันเฉกเช่นคนธรรมดา ชีวิตธรรมดาที่แสนเรียบง่าย นี่คือโชคชะตาของเธอ

ซิวหน่ายซิงรู้ว่าเธอรู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง เขาพูดขึ้นมาอย่างทุกข์ใจ “พี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นเรามาแข่งกันไหมครับ ใครวิ่งไปข้างในตึกนั้นได้ก่อน ใครถึงก่อนจะได้เลี้ยง”

เพื่อให้ถังย่าสามารถรู้สึกดีขึ้นโดยเร็วที่สุดซิวหน่ายซิงต้องคิดหาวิธีการ

แน่นอนว่าคำพูดของซิวหน่ายซิงกระตุ้นปลุกใจความอยากเอาชนะของถังย่าทันที

ดวงตาที่เดิมทีหลุดโฟกัสค่อยๆมีสีสันขึ้นมาทีละนิดละน้อย

ถังย่าหันไปมองซิวหน่ายซิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ตึกไหน พูดให้ชัด อย่ามาเบี้ยวแล้วกัน! ผู้ชาย ไม่รักษาคำพูด”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท