Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1437

ตอนที่ 1437

บทที่1437 ลักลอบ

หลังฟังคำพูดของโจวเอ้อจบ ในใจของโจวซิงก็คิดอะไรได้ไม่น้อย

“เวลาเร่งรัด นายรีบไปทำธุระเถอะ ทางฝั่งลู่เซิ่นฉันดูแลเอง นายวางใจเถอะ”

เห็นโจวซิงใจเย็นลงแล้ว โจวเอ้อก็ถอนหายใจยาวในใจ

“โอเค”

โจวเอ้อหันตัวออกจากโรงพยาบาลไป

เขาหาผู้ชายที่หน้าตาคล้ายคลึงและรูปร่างใกล้เคียงกันกับลู่เซิ่น จากในบรรดาลูกน้องของเขาอย่างเงียบๆ

อาศัยความเงียบในตอนกลางคืน พาเขาเข้ามาในโรงพยาบาล

ในช่วงที่ผ่านมา ลู่เซิ่นอยู่อย่างเงียบๆมาตลอด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

มันทำให้ถังย่าผ่อนคลายความระแวดระวังต่อลู่เซิ่นไปไม่น้อย

จ้านเซินเองก็ไม่ได้บอกเธอเรื่องที่ให้ฉินซีออกไปทำภารกิจ ดังนั้นถังย่าจึงไม่ได้ระมัดระวังลู่เซิ่นมากขึ้น

ถ้าถังย่ารู้ว่าฉินซีจะออกมาล่ะก็ จะต้องไม่หลับไม่นอนแน่ คอยอยู่ข้างโรงพยาบาล จ้องมองลู่เซิ่น

ดังนั้น ครั้งนี้โจวเอ้อจึงพาคนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

แม้จะรู้ว่าตอนนี้ถังย่าไม่อยู่ที่โรงพยาบาล แต่โจวเอ้อก็ระมัดระวังอย่างมาก

เขามองไปรอบด้าน หลังตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ ก็พูดกระตุ้น “นายเข้าไปก่อน”

ตัวแทนคนนั้นผลักประตูเปิด เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย

ลู่เซิ่นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่นานแล้ว

เขาเงยหน้าขึ้น เห็นตัวแทนเดินเข้ามา

“ถอดเสื้อผ้าออก”

ลู่เซิ่นพูดขึ้นทันที

เขาพูดไป พลางถอดเสื้อผ้าผู้ป่วยบนตัวออก

ตอนนี้เวลาเร่งรัด ลู่เซิ่นจำเป็นต้องออกไปภายในเวลาที่สั้นที่สุด

“ครับ”

ตัวแทนพยักหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าบนตัว สวมชุดผู้ป่วยของลู่เซิ่น

แล้วลู่เซิ่นก็แต่งตัวเป็นหมอ

การเคลื่อนไหวของทั้งสองรวดเร็วมาก แค่ห้านาทีสั้นๆก็เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว

ลู่เซิ่นไม่ได้ออกไปโดยประมาท แต่มองไปที่โจวเอ้อที่เข้ามาทีหลัง “ตอนนอกข้างนอกสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

มีบทเรียนจากครั้งก่อน ตอนนี้เขาระมัดระวังมากขึ้น

“ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อยหมดแล้ว นายออกไปได้เลย ไปที่ห้องทำงานของโจวซิง เขาจะไปสมทบนายที่นั่น”

โจวเอ้อพูดเสียงเบา ใบหน้าจริงจัง

ในเวลานี้ ไม่มีใครกล้าผ่อนคลาย

“อืม”

ลู่เซิ่นพยักหน้า ก้มหน้าเดินออกไป

เขาจงใจเลี่ยงกล้องวงจรปิด เดินไปทางห้องทำงานของโจวซิงโดยไม่พูดอะไร

มองจากด้านหลัง รูปร่างของลู่เซิ่นกับโจวซิงคล้ายกันมาก

การเคลื่อนไหวของลู่เซิ่นเร็วมาก ผลักประตูของโจวซิงเดินเข้าไปทันที

การแสดงออกของเขาไม่แยแส เวลานี้เป็นกลางดึกพอดี ตรงทางเดินไม่ได้มีคนเดินผ่านไปมามากนัก ทำให้การกระทำของลู่เซิ่นสะดวกยิ่งขึ้น

“นายมาแล้ว”

ในตอนที่ลู่เซิ่นผลักประตูเข้ามา โจวซิงก็รออยู่นานแล้ว

ตรงหน้าของโจวซิงมีกล่องกำจัดขยะทางการแพทย์สีน้ำเงินขนาดใหญ่อยู่ เขาโบกมือให้ลู่เซิ่น “รีบเข้าไปเถอะ ฉันเตรียมการไว้หมดแล้ว”

ตอนนั้นพวกเขาคิดไว้แล้ว ว่าจะส่งลู่เซิ่นออกไปยังไง

ถ้าให้ลู่เซิ่นแต่งเป็นโจวซิง ก็กลัวว่ากล้องวงจรปิดจะบังเอิญถ่ายหน้าของลู่เซิ่นไว้ได้

หรือว่าไปเจอคนอื่นเข้า ถูกจับได้

ระยะทางจากห้องผู้ป่วยมาถึงห้องทำงานนั้นสั้นมาก ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าทำแบบนี้ สถานที่ที่ไกลกว่านี้ทำไม่ได้

สมองของโจวซิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คิดได้ว่าจะซ่อนลู่เซิ่นไว้ แล้วแอบส่งเขาออกไป

โรงพยาบาลในเวลาตอนเย็นของทุกวัน จะมีพยาบาลออกไปทิ้งขยะทางการแพทย์

โจวซิงคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้ของโรงพยาบาลเป็นอย่างดี เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาส

“อืม”

ลู่เซิ่นมองไปที่ถังขยะทางการแพทย์ตรงหน้าก็ขมวดคิ้ว

ปกติเขาเป็นคนอนามัย ไม่มีทางสร้างความอัปยศให้ตนเองแบบนี้เด็ดขาด

แต่ว่าครั้งนี้เพื่อจะได้ออกไปเจอฉินซี เขาไม่พูดอะไรเลย มุดเข้าไปทันที

ถังขยะทางการแพทย์เล็กมาก ขายาวของลู่เซิ่นไม่สามารถวางได้ ได้แต่ขดตัว

ผลักออกไปโดยตรงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด

โจวซิงครุ่นคิด เห็นด้านข้างมีกล่องกระดาษใบหนึ่ง

เขาวางไว้บนหัวของลู่เซิ่น “นายถือไอนี้ไว้ ฉันจะวางของเสียไว้ข้างบนชั้นนึง ปกปิดมัน”

ลู่เซิ่นทำตามที่โจวซิงบอก มือทั้งคู่ถือกล่องกระดาษไว้

กล่องกระดาษใหญ่มาก สามารถคลุมลู่เซิ่นได้พอดี

หลีกเลี่ยงไม่ให้ของเสียทางการแพทย์นั้นโดนตัวของลู่เซิ่น มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

เพื่อสร้างความรู้สึกที่เป็นจริง โจวซิงเทสิ่งของมั่วซั่วลงไปโครมคราม

มองไปที่ถังขยะที่เละเทะ ใบหน้าของโจวซิงก็เผยรอยยิ้มที่พอใจ “โอเคแล้ว”

โจวซิงปัดมือ เอาฝาสีน้ำเงินมาปิด

เข็มสองสามเล่มยังโผล่ออกมาตามช่องว่าง ลู่เซิ่นซ่อนอยู่ในนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่ไม่มีใครหยุดเขา งั้นก็ไม่มีใครพบเจอได้

มองไปที่ผลงานชิ้นเอกของตน ในใจโจวซิงก็รู้สึกมีชัย

เขารู้สึกว่าตนเองฉลาดเกินไปแล้ว แม้แต่วิธีแบบนี้ยังคิดออกมาได้

หลังทำทั้งหมดเสร็จแล้ว โจวซิงก็เอ่ยปาก “ลู่เซิ่น นายทนหน่อยนะ ตอนนี้ฉันจะออกไปแล้ว จำไว้ว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อย่าส่งเสียงเด็ดขาด แล้วก็อย่าออกมาเด็ดขาด”

โจวซิงกำชับด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฉันรู้”

ลู่เซิ่นรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้อยู่แล้ว

เสียงเนือยๆของลู่เซิ่นดังออกมาจากในถังขยะ ดีที่ยังมีช่องว่าง ไม่งั้นก็ขาดอากาศหายใจตาย

โจวซิงไม่กล้าทำเวลาล่าช้า ผลักลู่เซิ่นเดินไปทางด้านนอก

เพราะว่าข้างในมีคนเพิ่มมา ถังขยะจึงหนักมากผิดปกติ

โจวซิงออกแรงผลัก โชคดีที่ถังขยะมีล้อ ไม่อย่างนั้น เขาต้องเหนื่อยตายแน่

กลางคืนที่เงียบงัน ทางเดินว่างเปล่าไร้คน โจวซิงเดินไปข้างหน้าไม่หยุด

เขาเดินอย่างไม่จริงจังรวดเดียวไปถึงที่ทิ้งของเสีย

ที่นี่เป็นที่เดียวในโรงพยาบาลที่ไม่มีกล้องวงจรปิด

โจวซิงสังเกตดูรอบด้าน หลังจากตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่มีคน ก็พูดเสียงเบา “โอเค นายออกมาได้แล้ว”

ขณะที่เขาพูด ยังไม่ลืมที่จะสังเกตบรรยากาศรอบข้าง เลี่ยงไม่ให้มีคนมา

หลังลู่เซิ่นได้ยินคำพูดของเขา ก็ปีนออกมาจากถังขยะอย่างระมัดระวัง

การเคลื่อนไหวของเขาเบามาก เลี่ยงไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวเสียงดัง ถูกคนอื่นได้ยิน

ลู่เซิ่นในตอนนี้ ชุดดำทั้งตัว กลมกลืนไปกับค่ำคืน

บังเอิญคืนนี้เมฆปกคลุมท้องฟ้า ถ้าไม่มีใครถือไฟฉายมา ดูอย่างละเอียดล่ะก็ ไม่มีทางพบเห็นร่องรอยของลู่เซิ่นได้

“โจวซิง นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันหาวิธีออกไปเองก็พอ”

ลู่เซิ่นยืนอยู่ด้านหนึ่ง เอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง

คนสองคนเป็นเป้าหมายใหญ่เกินไป กลับจะทำให้ยิ่งไม่ปลอดภัย

แต่ปล่อยให้ลู่เซิ่นอยู่เพียงลำพังที่นี่ โจวซิงยังคงมีความกังวล “ฉันอยู่ช่วยนายดีกว่า”

โจวซิงเอ่ยปากอย่างห่วงใย แต่กลับถูกลู่เซิ่นปฏิเสธ

“ไม่ต้อง นายรีบกลับไปเถอะ อย่าให้คนรู้ว่านายหายไป ถ้าจู่ๆออกมาตามหานายมันจะลำบาก”

ลู่เซิ่นส่ายหัว น้ำเสียงหนักแน่น

โรงพยาบาลในตอนกลางคืนแม้ว่าจะไม่ได้วุ่นวายเหมือนตอนกลางวัน แต่ก็ยังมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ส่งตัวมากะทันหัน โจวซิงในฐานะแพทย์เข้าเวรจำเป็นต้องอยู่ประจำที่

โจวซิงได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นก็ได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท